ตอนที่ 28 ตัวป่วนของอาเสือ
ตอนที่ 28 ตัวป่วนของอาเสือ
ผมนอนไม่หลับแทบจะทั้งคืน แม้ว่าอาเสือจะกลับมาโดยปลอดภัยหลังจากนั้นสัก 2 ชั่วโมง แต่ยังนั่งคุยกับพวกชาวบ้านอีกดึกโข ทั้งปรึกษาและให้คำแนะนำ อาเสือรู้จักคนเยอะทั้งที่เคยทำงานมาด้วยกัน และพวกที่เคยช่วยเหลือกันมา มีแต่คนยอมรับนับถืออาเสือกันทั้งนั้น เรื่องคนตัดไม้ไปขายอาเสือบอกให้ชาวบ้านระวัง มาอยู่ใกล้ขนาดนี้ แถมยังไม่กลัวพวกจนท.ป่าไม้เอาซะเลย แสดงว่ามีแบ็คดี
อากาศเย็นขึ้นเรื่อย ๆ ตอนอาเสือกลับเข้ามาในมุ้ง ผมกอดอาเสือเอาไว้...เราไม่ได้พูดอะไรกันสักคำ เพียงแต่รับรู้ว่าอาเสือกลับมาแล้ว และตอนนี้ก็กำลังนอนกอดผมอยู่ แต่รุ่งเช้า...ก็ถูกปลุกให้ตื่น อาการนอนไม่พอจึงพาลทำให้หงุดหงิดไปเสียทุกเรื่อง
“กาว...พี่คุยด้วยหน่อย”พี่กาวใหญ่เดินมาเรียกตอนผมกำลังนั่งทานข้าว
“ตอนนี้เลยเหรอ...กาวยังกินข้าวไม่เสร็จเลย”ผมเงยหน้าบอก จะให้วางมือตอนนี้ก็เสียดาย เพราะสตูไก่ที่อาเสือทำวันนี้อร่อยมาก นอกจากเครื่องปรุงที่ได้มาจากในเมืองแล้ว อาเสือรับซื้อผักและไก่จากชาวบ้านด้วย จริง ๆ ต้องบอกว่าอาเสือเป็นแค่คนปรุงต่างหาก เพราะมีแม่ครัวชาวบ้านเป็นคนจัดวางเครื่องประกอบไว้ให้อยู่ก่อนแล้ว
สตูหม้อใหญ่ส่งกลิ่นหอมไปทั่วทั้งค่าย นอกจากนี้ก็มีผัดผักเป็นผักสดที่เราไปเก็บกันมาเมื่อวาน มีน้ำพริกอะไรไม่รู้ที่แม่ครัวทำมาให้ มันวางอยู่ห่างออกไปจากมือผม เพราะไม่ชอบกลิ่น ผักต้มไว้จิ้มกับน้ำพริก ข้าวสวยหุงอย่างพอดีคน ผมนั่งก่อนเลยได้ทานไปอย่างสบายไม่ต้องแย่งโต๊ะกับใคร ตอนนี้ทุก ๆ คน รวมทั้งชาวบ้าน คนงานที่มาช่วย และเด็ก ๆ ได้ทานสตูหม้อนี้กันอย่างทั่วถึง แม้แต่ไอ้นาวผู้ที่ตื่นสายที่สุด วันนี้มันกลับตื่นเป็นคนกลาง ๆ ล้างหน้าแปรงฟัน แล้วลงมานั่งกินร่วมกันทุกคนได้เร็วกว่าทุกวันอย่างน่าอัศจรรย์ใจ แต่คนอย่างมันกินเสร็จ ก็สะบัดตูดหนีตามสันดานคนขี้เกียจ เข้าไปรับหน้าที่สอนหนังสือให้เด็กในห้องเรียน ทิ้งให้หน้าที่ล้างจานเป็นของไอ้ชัดผู้มาช้าและทำหน้าเอ๋อ ๆ อยู่ตรงโต๊ะใต้ต้นไม้โน้น
“กินให้เสร็จก่อน”พี่กาวใหญ่ยิ้มให้ก่อนจะเดินออกไป อาโชติก็ยกนมแก้วใหญ่มาวางให้
“กินให้เสร็จก่อน”พี่กาวใหญ่ยิ้มให้ก่อนจะเดินออกไป อาโชติก็ยกนมแก้วใหญ่มาวางให้
“นมครับ”
“ไม่เอาอ่ะ”
“เพื่อคุณหนู....”อาโชติส่งสายตาจิก ๆ มาให้ เกลียดจริงคำนี้! แต่โวยวายไม่ได้ ผมเบือนหน้าหนี ยอมรับว่าสตูไก่ราดข้าววันนี้อร่อยมาก จึงกินไปซะสองจาน อิ่มจนเต็มท้อง...ยังจะให้กินนมแก้วนี้อีกเหรอ ขืนยัดลงไปได้มีอาเจียนออกเป็นแน่
“น้ำเปล่าก็พอแล้ว”ผมบอกกลับเสียงเรียบ
“คุยกับคุณท่านเองเถอะครับ”อาโชติบอก ก่อนอาเสือจะโผล่หน้าเข้ามา ทันทีที่นั่งลงอาหารก็ถูกยกเสิร์ฟ แหม...ทำอย่างกับบ้านตัวเองเลยนะ!?
“อร่อยไหมกาว”
“................................”ผมเบ้ปาก มองหน้าอีกคนอย่างหมั่นไส้ เพิ่งออกมาจากหน้ากองฟืนแท้ ๆ ทำไมดูดีได้ขนาดนี้!?
“กินเยอะ ๆ นะ อาตั้งใจทำให้เรากับละ.....ลูก”คำหลังเอ่ยในอากาศหลังจากกลอกตาไปมา ดูว่าไม่มีคนอยู่แถวนี้แล้ว จึงค่อยพูด
“ของกาว”
“อะไร ๆ ก็ของกาว...แล้วอาละ? ไม่เห็นพูดมั่งว่าอาก็เป็นของกาว”
“อาเสือก็เป็นของกาวอยู่แล้วนี่?”ไม่ยากเลยที่ผมจะทำหน้าไม่พอใจ ยิ่งเห็นอาเสือหาเรื่องมาแหย่ได้ยิ่งทำให้หน้าโมโห ก็รู้อยู่แล้วทำไมต้องมาพูดให้หงุดหงิด
“หึหึหึ กาวกับลูกก็เป็นของอา”ผมกัดปากตัวเอง ไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับคนในนี้นะ!!!!! โยนช้อนทิ้งอัตโนมัติ
แคร๊ง!!!!
“กาว!”อาเสือจับข้อมือทำเสียงต่ำ ๆ
“จะต้องให้บอกอีกกี่สิบครั้ง ว่าไม่ชอบ...ที่อาเสือหวังจะครอบครองเค้าเท่า ๆ กับกาว!!!!!”กัดฟันพูดอย่างโมโหที่สุด น้ำตาเริ่มมาคลอ ๆ
“ก็มันเรื่องจริง”
“กาวไม่มีวันยอมรับ”
“หึหึ....”
“ถ้าจะมาหัวเราะแบบนี้ก็ไปกินที่อื่น!!!!”
“โมโหมันเข้าไป เค้าของกาวออกมา...คิ้วผูกเป็นโบว์แบบนี้ไม่ต้องตกใจเลย”
“อาเสือบ้า อย่ามาว่าเค้านะ!!!!!!!!”
“ก็กาวขยันโมโหแบบเนี้ย! ไหน...ให้อาจับสิ ว่ายังอยู่ดีรึเปล่า”ผมนั่งนิ่ง ๆ อาเสือก็ยืนมือมาจับ
“ทำไมนิ่งจัง”ได้ยินอีกคนพูดแบบนั้น เลยพาให้กังวลใจไปด้วย อาเสือคลำดูสองสามทีแล้วทำหน้าเครียด ผมมองตามคอยฟังอยู่ว่าจะพูดอะไร
“สงสัยหลับ...”แล้วอาเสือก็หัวเราะ แต่ผมหัวเราะไม่ออก คนมันกังวลไปแล้ว
“ไม่มีอะไรหรอกน่า เค้านอน...”
“...........................................”หรืออาจจะไม่อยู่แล้ว? เมื่อวานก็ซนทั้งวัน อยากเอามือตีอกชกหัวตัวเอง ถ้าเพียงแต่ระวังมากกว่านี้ได้ก็คงดี แต่พอเจอเรื่องสนุกใจมันก็ไป...ลืมหมดว่ามีเค้าอยู่ด้วย
“หน้ายุ่งใหญ่แล้ว”
“คะ เค้า...”พูดอะไรไม่ออก อาเสือยื่นมือมาจับแล้วบีบปลอบใจ
“เค้ายังอยู่ ถ้าเค้าไม่อยู่กาวจะมีเลือดไหลออกมา...”
“เลือด?”
“อือ....ไหลออกมาตามง่ามขา”
“กาวกลัว...”
“อาจะไม่ให้มันเกิดขึ้น แต่กาวต้องดูแลตัวเองให้ดี ๆ เพราะอาไม่สามารถอยู่กับกาวได้ตลอดเวลา”มาได้ยินอาเสือพูดอะไรไม่รู้ที่ทำให้ความมั่นใจหดหาย เหลือแค่สองนิ้ว เอามือจับท้องตัวเองเอาไว้ มันยังแบนราบอยู่เหมือนเดิม ไม่บอกคงไม่รู้ว่ามีคนตัวเล็กนอนอยู่ในนี้
“.....................................”
“เลยพาลกินข้าวไม่อร่อยเลย”อาเสือบ่น
“กาวอิ่มแล้ว”
“งั้นกินนมสักหน่อย”
“กินไม่ไหวแล้ว ถ้าจะให้กินก็คงอ้วกออกตรงนี้”
“ต้องบอกไหมว่าเค้าของกาว...รอนมแก้วนี้อยู่”
“รู้ได้ไง”
“สายใยพ่อลูก....”กัดปากทำหน้าไม่พอใจ
“ดื่มเข้าไปกาว...”
“อิ่มจนกินไม่ไหวแล้วจริง ๆ ทำไมไม่ฟังกาวบ้าง?”ไม่ได้ตั้งใจให้เสียงตัวเองสั่นเลยให้ตาย!
“งั้นอาถามอีกคำ กินไปกี่จานแล้ว?”
“จานเดียว แต่สามรอบ”ผมบอก อาเสือทำตาโต
“จริงเหรอ?”ผมพยักหน้าขึ้นลงเป็นคำตอบให้ กับข้าววันนี้มันอร่อยมากจริง ๆ
“หึหึ...อีกไม่กี่เดือนกาวคงเป็นหมูตัวน้อย ๆ”
“ไม่มีวัน”
“ถึงเวลานั้นกาวก็จะไม่มีแรงซนอีกต่อไป ลูกหมูของอา”
“ไม่มีวันซะหรอก!!!!”
“คอยดูต่อไปแล้วกัน”อาเสือเดาเหตุการณ์เอาไว้ ขณะที่ผมวางช้อนแล้วเตรียมตัวลุกออกมา ที่ด้านนอกอาโชติกำลังจะลุกแล้วเดินตาม ผมเห็นอาโชตินั่งทานข้าวอยู่ คงจะเพิ่งเสร็จงาน...มาอยู่ที่นี่ทุกคนมีหน้าที่ใหม่กันหมด ช่วยกันคนละไม้คนละมือ ตามแต่เรี่ยวแรงและสิ่งที่ตัวเองถนัด ผมโบกมือเชิงว่าให้นั่งต่อ
“กาวจะไปหาพี่กาว”ผมบอก อาโชติพยักหน้าแล้วนั่งลงตามเดิม ไอ้บอลที่ล้างจานตัวเองเสร็จเลยได้เดินไปทางเดียวกัน
“มึงเป็นไงบ้าง”
“ก็ดี”ผมบอก กระชับเสื้อแขนยาวและผ้าพันคอให้เข้าที่ อากาศเย็น...หมอกก็ลง รู้สึกเหมือนน้ำค้างจะลงหัวตลอดเวลา
“มึงรู้สึกยังไงบ้างว่ะ”
“รู้สึกยังไงอะไร?”ผมถามมันกลับ ไม่เข้าใจคำถามของไอ้คนขี้เสือ กอย่างมันเท่าไหร่
“ก็แบบ...ความรู้สึกที่มีอีกคนอยู่ในนั้น”
“ก็อุ่น ๆ”
“จริงเหรอว่ะ”
“อือ”
“แล้วมึงจะทำยังไงต่อไป”มันถาม
“ก็ไม่ยังไง...เค้าเป็นของกู”
“มึงจะไม่เอาออกเหรอ? แบบว่า...ทำแท้งอะไรแบบนั้น?”มันพูดกุกกัก แต่ทำเอาผมชะงักกึก แล้วอดไม่ได้จะตบหัวไปหนึ่งที
“โอ๊ย เจ็บนะสัส!!!!!”
“คิดได้เนอะ...ว่ากูจะกล้าทำร้ายเค้า!!!!! ไอ้เชี่ย!!! ไปไกล ๆ เลย กูเริ่มหงุดหงิดละ”
“เหอ ๆ พูดแค่นี้ก็ไม่ได้ กูแค่อยากแน่ใจว่ามึงจะไม่ทำอะไรเด็กจริง ๆ ท้องก่อนแต่งแบบนี้...จะได้ค่าสินสอดเท่าไหร่กันเชียว”
“ไอ้เชี่ย!!!!”ทำหน้าโมโห แต่มันกลับวิ่งและหัวเราะ ไอ้บอลไปยังไม่สุดทางดี ไอ้โรลก็เสนอหน้าเข้ามา
“มีอะไรกันเหรอ?”
“ไอ้กาวมัน...อุ๊ปส์ ไปดีกว่า...ไม่อยากขายความลับเพื่อน”มันตะโกนพูดแล้วทำหน้าให้คนอื่นอยากรู้ แล้วก็ได้ผล ไอ้โรลประชิดตัวทันที
“มีอะไรกันวะ?”
“ไม่มีอะไรน่า...กูจะไปหาพี่กาว”
“แน่ะ มีพิรุธ...บอกหน่อยดิ ๆ รับรองไม่บอกใคร”
“เหอะ!!!! มึงรู้...กูว่ามีหวังที่จะรู้กันทั้งค่าย ปล่อย ๆ โน่นไปหาน้องผัวมึงโน่น ดูแลกันบ้าง อย่าปล่อยให้มันวุ่นวายนัก!”
“จำไว้แล้วกัน...มีอะไรก็บอกแต่ไอ้บอล”พูดแล้วมันก็ถอยไปเลย เฮ้ยโกรธจริงดิ????? ผมยืนนิ่งค้าง
“โรล!!! โรล!!!!!”เรียกแต่มันไม่หัน เฮ้ยโกรธจริงเหรอว่ะ!?!?! กำลังจะเดินตามมันไป แต่พี่กาวเรียกไว้ก่อน
“มีอะไรกาว”
“ไอ้โรลดิ เออ...ช่างแมร่งก่อน พี่กาวมีอะไร”
“พี่จะถามว่าอยู่ที่นี่สนุกดีไหม เบื่อรึเปล่า”
“ไม่อ่ะ หนุกกว่าอยู่ที่บ้าน”
“แล้วงานที่ให้ทำ กาวรู้สึกเบื่อรึเปล่า ร่างกายกาวไม่ค่อยโอเค พี่เลยให้งานง่าย ๆ แต่ไม่ใช่ว่าไม่สำคัญ เพียงแต่ก็ต้องดูกำลังแรงของกาวเป็นหลักด้วย”พูดซะยาว ผมนั่งลงที่เก้าอี้ และโต๊ะประชุม มีกระดาษวางเยอะแยะเกะกะอยู่เต็มโต๊ะ เป็นแบบและรายการของทั้งนั้น
“กาวใหญ่...อาจารย์ขอแรงไปดูลุงหมายฉาบปูนฝั่งตะวันตกหน่อย”
“ได้ครับอาจารย์”พี่กาวใหญ่หันไปบอกอาจารย์มานะ
“พ่อของกาวบอกว่าอยากพากาวกลับ แต่ให้พี่มาคุยกับกาวก่อน”
“...............................”ผมกัดปากตัวเอง ไม่พอใจอย่างแรง...และเตรียมกลับไปอาละวาดแน่นอน
“เขาคงห่วง...ดูเขาเป็นห่วงกาวมากนะเลยตามมาถึงที่นี่ นักธุรกิจระดับนั้น...มาทำอะไรแบบนี้ น่าขนลุกดีจริง ๆ”
“กาวไม่กลับ...ยังไงก็จะไม่กลับ”
“พี่ไม่เป็น แต่ไปคุยกับพ่อให้เข้าใจแล้วกัน”
“อืม งั้นกาวไปนะ”เดินออกมาจากห้องด้วยความรู้สึกว่างเปล่า ทำไมอาเสือต้องให้พี่กาวมาพูดด้วย หรือว่าจะยืมมือพี่กาวเพื่อมาบอกให้ส่งผมกลับกรุงเทพฯ เพราะรู้ว่าอาเสือพูดเองผมคงไม่ยอมแน่ ๆ
เดินออกมาจากศูนย์กลางที่เขาก่อสร้าง ไม่เห็นไอ้นาวแล้ว...มันคงจะเดินไปห้องสมุด ผมกำลังเดินตามไปแต่ก็ต้องหยุดชะงักเสียก่อน เพราะเห็นหลังอาเสือไว ๆ เหมือนจะยกโต๊ะไปไหน เลยเดินตามอาเสือดีกว่า อยากจะคุยเรื่องนี้ให้รู้เรื่อง อาเสือต้องยอมอยู่แล้ว แต่ถ้าหาทางออกไม่ได้ อาจจะต้องให้อาเสือกลับไปก่อน ผมดีใจนะ...ที่อาเสืออยู่กับผมที่นี่ตอนนี้ แต่งานก็สำคัญเหมือนกัน บริษัทที่ไม่มีอาเสือ...จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้
“ทำอะไรกันน่ะ!!!!!”ตะโกนร้องออกไปก่อนถึงตัว อาเสือเงยหน้าขึ้นหันกลับมามอง ร่างเล็กกว่าที่ยืนอยู่ตรงนั้นทำให้ผมตาเบิ่งโต!!!! ไอ้ริวมันมาทำอะไรกับอาเสือตรงนี้!?!
“กาว”อาเสือตกใจ เดินมาหา...และจับข้อมือผมไว้
“ทำอะไรกัน?”เสียงนิ่งถาม
“ริวล้ม...เนี่ยพี่กาว ขาแพลงด้วย”ทำเสียงแรดอ้อน ๆ บอกแต่ยังเห็นยืนได้ปกติ ผมจ้องหน้าอาเสือ
“ล้มที่ดีด้วยเนอะ ที่ไม่มีคนซะด้วย”
“กาว”อาเสือเสียงเข้ม
“ริวเดินกลับไปไม่ไหว อุ้มริวไปห้องพยาบาลหน่อยได้ไหมฮะ”ผมตาเบิ่งโตเมื่อเห็นไอ้ริวมันพูดอย่างนั้น กล้าดีจังเลย กล้าพูดแบบนี้ต่อหน้าอาเสือด้วย อาเสือขบกรามแน่น...ดูก็รู้ว่าไม่พอใจ หรือแค่แสดงอาการกลบเกลื่อนเพียงเท่านั้นก็เป็นได้ ผมยืนนิ่งแต่ตัวสั่นไปแล้ว
“สงเคราะห์เขาหน่อยสิ อ่อยให้ขนาดนี้”ผมบอกซึ่ง ๆ หน้า เกลียดไอ้นี่เป็นทุนเดิม มันชอบทำตัวแบบนี้อยู่แล้ว ปกติอยู่ที่นี่ไม่ค่อยได้ยุ่งกัน มันชอบเอาไปเม้าธ์กับพวกผู้หญิงว่าผมกินแรงอย่างโน้นอย่างนี้ ใจก็รู้...แต่ก็ทำเป็นนิ่งเสีย ไม่อยากให้บรรยากาศไม่ดี ทั้งที่คนอื่นก็ช่วยทำงานเหนื่อยกันมาทั้งวัน ไม่ใช่แค่ผมแต่ไอ้นาวก็โดน แถมยังโดนมากกว่าอีกด้วย ไอ้นาวมันไม่ค่อยคุยกับใคร บ้าบอไปวัน ๆ แต่มันก็อยู่ของมันได้ ผมก็ต้องอยู่ได้เหมือนกัน
“ไปเถอะ...กาวจะไปสอนหนังสือเด็กใช่ไหม อาไปด้วย”
“เดี๋ยวสิฮะ”ไอ้ริวเกาะแขนอาเสือ น่าตบจริง ๆ
“มึงจะเอายังไง!!!!”ผมตวาด ไม่ชอบใจจนอดไม่ได้ อาเสือเองก็สะบัดแขนหนี
“อย่าทำแบบนี้!!”อาเสือดุ
“ทำไมละฮะ? ริวเจ็บอยู่นะ”
“จะเรียกคนมาให้”อาเสือบอก
“คุณใจร้ายเหมือนอย่างในข่าวจริง ๆ ด้วย ที่มาที่นี่...ก็แค่จะสร้างภาพเท่านั้นสินะ อิโด่ว...แค่นักธุรกิจจอมหยิ่งคนนึง”ปากมันเลวไหม?
“เก็บชีวิตไว้มีแรงหายใจต่อไปดีกว่านะ ฉันไม่ใช่คนที่เธอจะมาปีนเกลียวได้ง่าย ๆ”อาเสือบีบปากไอ้ริว จนมันน้ำตาคลอ เห็นแล้วยังรู้สึกเจ็บแทน
“ป่ะ”แทบจะโดนลากออกมาจากตรงนั้น
“ทิ้งไว้แบบนั้นจะดีเหรอ?”ผมถาม อาเสือหันมามองหน้า...ก่อนจะเดินกลับไปอุ้มไอ้ริวออกมา มันมองอย่างผู้ชนะ ทำเอาผมยืนอึ้ง!!!!!! กูไม่ได้บอกให้อุ้ม!!?!!!!!!?!??!
ไม่รู้ว่าข้อเท้าแพลงจริงหรือหลอก แต่พอพี่กบ นศ.แพทย์ปี 5 ปฐมพยาบาลให้ มันก็ร้องโอดโอยอย่างกับควายถูกเชือดไปลั่นค่าย ยิ่งคนมามุงดูมันก็ยิ่งได้ใจ
“พี่จะพันข้อเท้าไปก่อนแล้วกัน อย่าเพิ่งออกแรงมาก”
“ฮะ”
“มีอะไรกันว่ะ”ไอ้ชัดกระซิบถาม ตัวเหม็นเหงื่อเชียว ผมสะบัดหน้าหนี
“ไม่รู้!!!!”แล้วเดินหนีออกมา อาเสือนะอาเสือ!!!!! ทำกันได้!!!!!
“เฮ้ย จะทำไหมงาน...รอนานละ”ไอ้นาวตะโกนเรียกทำให้ผมต้องเดินหน้ามุ่ยเข้าไปหามัน ยังไม่เห็นอาเสือ ไม่รู้สร้างเรื่องแล้วหายไปไหน อาโชติกับลูกน้องก็เช่นกัน
“เออ ๆ”เดินไปหามัน แล้วช่วยสอนหนังสือนักเรียน จนหมดไปวันนึงอย่างรวดเร็ว เผลอแปปเดียวอยู่ที่นี่มาหลายวันแล้วสินะ แค่คิดถึงกรุงเทพฯ ก็เป็นเรื่องยากแล้ว ไม่อยากกลับไปเลย...คราวนี้อาเสือคงขังไม่ให้ไปไหน อยู่ที่ดี ๆ แบบนี้คิดถึงบ้านสวนจัง อาม่าน...กาวอยากไปอยู่ที่นั่นจัง ทำยังไงจะได้บ้านคืนมานะ เผลอเอามือจับท้องตัวเอง แล้วเหม่อลอย
ทำยังไงจะได้กลับไปบ้านของเรากันนะ?
เป็นตอนเย็นในอีกหลายวันต่อมา เพื่อน ๆ แต่งตัวเตรียมไปซ่าในงานวัดที่ตำบล เป็นงานวัดที่นาน ๆ จะจัดขึ้นสักที เราชาวค่ายที่ทำงานเหนื่อยมาทั้งอาทิตย์ก็ต้องการไปเที่ยวและปลดปล่อย โดยมีผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้านไปกันด้วย นับรวมไปได้ยี่สิบกว่าคน ที่เหลือขอนอนตายที่ค่ายต่อ ทีแรกไอ้นาวก็จะไม่ไป...แต่เพราะไอ้โรลก็ไป ไอ้ชัดก็ไป มันเลยต้องไปด้วย
ตึกเรียนที่เราสร้างคืบหน้าไปมาก วางระบบไฟและน้ำอย่างดี เมื่อสองสามวันก่อนผมก็ลงไปในเมืองกับอาเสือ อาโชติ เพื่อซื้อถังดับเพลิงมาบริจาคที่นี่ 2 ถัง ก่อเสาตรงหน้าห้องเรียนเป็นที่เก็บ อาคารเรียนสร้างยาวเต็มพื้นที่ มีเจ้าหน้าที่เทศบาลและอบต. อบจ. อะไรไม่รู้มาตรวจด้วย ถือว่างานเดินไปในส่วนที่ดี ทำให้ออกจะปลื้มใจอยู่ไม่น้อยเลยแฮะ
“มึงยังไม่คุยกับพ่ออีกเหรอ”ไอ้บอลเดินมาถาม
“เออ รำคาญบ่นกูอยู่ได้”ผมบอกมัน ไม่ใช่อะไร...สองสามวันอาเสือหงุดหงิดใส่ ไม่รู้อะไรหนักหนา ผมยังไม่ได้ชำระความเรื่องไอ้ริวด้วยซ้ำ นอนด้วยกัน กอดกัน หายใจรดใส่กันแต่ไม่พูดกัน ตลกดีไหม?
“เขาเป็นห่วง มึงก็ฟัง ๆ เขาหน่อย”
“กูไม่ฟังเลยเนอะ ห้ามไม่ให้ไปเล่นที่บนเขา ห้ามไม่ให้วิ่งโน่นนี่ สารพัดจะบ่น...ทีไอ้นาวไม่เห็นมีใครบ่นมันมั่ง”ผมบ่นออกมาอย่างหัวเสีย
“ไอ้นาวมันไม่ได้ท้องเหมือนมึงนี่!”ไอ้บอลจะโกน
“มึงจะตะโกนหาพ่อ!!!!!!!”ผมตวาดมันกลับ ไอ้บอลรีบหุบปากตัวเองทันที มองซ้ายมองขวาเห็นไอ้โรลยืนทำหน้าไม่พอใจอยู่ ใกล้แค่นี้คงได้ยินหมดแล้ว
“เอ่อ....”เราเงียบ ไอ้โรลมองหน้าเราสองคนแล้วบ่นพึม
“เรื่องนี้ใช่ไหมไม่อยากให้กูรู้ กูไม่รู้แล้วกันนะ....”แล้วมันก็เดินหนีไปเลย ทิ้งความอึดอัดไว้ให้ผมทั้งสองคน
“ทำงอนเป็นเด็ก ๆ ไปได้”ไอ้บอลยังไม่เลิก ผมเดินไปตบหัวมันหนึ่งที แล้วเดินตามไอ้โรลไป
“โรล ๆ ๆ ไอ้โรลโว้ย...หยุดเดินก่อนได้ไหม”ท่าจะงอนจริงเพิ่งเคยเห็น ปกติมันพูดง่ายนะ กินอยู่ก็ง่าย ไอ้แยมโรลคนนี้ไม่เคยจะน้อยใจอะไรให้ได้เห็นสักครั้ง น้อยมากที่ผมกับมันจะทะเลาะแบบไม่พูดกัน โรลมันไม่ค่อยมีปัญหากับใคร
“โรล โอ๊ย....”แกล้งล้มลงโดยเอามือกุมท้องไว้ แรดจริง ๆ เลยกู แต่ได้ผล...ไอ้โรลหันกลับมาทันควัน
“เฮ้ย! มึงเป็นอะไร!?!”
“เจ็บ”
“ชิบหายละ...ไหวไหม เดี๋ยวกูไปตามคนมาช่วย”มันบอกเสียงตกใจ
“ไม่ ๆ หายละ...”ผมบอกแต่ยังเล่นละครอยู่ ไอ้โรลทำหน้าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ก่อนจะนั่งลงไปกับพื้น
“เจ็บจริงเปล่าเนี่ย”
“เออ”เล่นละครต้องเล่นให้สุดครับ ผมก็นั่งลงไปบ้าง
“ไม่ไปเตรียมตัวเหรอมึง...คนอื่นเปลี่ยนชุดกันหมดแล้ว”ไอ้โรลถาม
“ก็ใส่ชุดนี้แหละ”
“...................................................”
“มึง......ที่กูกับไอ้บอลคุยกัน มึงได้ยินใช่ไหม”
“เออ แต่มึงไม่ต้องห่วง...กูไม่ปากมากไปบอกใครแน่นอน”
“เปล่า ๆ กูไม่ได้หมายความว่ามึงจะบอกใคร....กูรู้ว่าเชื่อใจมึงได้”เราจ้องหน้ากัน แล้วไอ้โรลก็พยักหน้า
“อืม”
“ที่กูไม่ได้บอก ไม่ใช่เพราะว่าไม่อยากบอก แต่กูไม่รู้จะบอกยังไง...”
“แต่ไอ้บอลก็รู้ก่อนทุกที”มันบอกเสียงเรียบ
“มันรู้เพราะความขี้เสือ กของมัน”ผมแก้ ทำเอาแยมโรลหัวเราะ
“มึงไม่ต้องอะไรมาก...กูไม่ได้บอกเพราะแก้ปัญหายังไม่ตก”
“แล้วพ่อมึงรู้ไหม”
“มึงหยุดเรียกเขาอย่างนั้นซะที มันน่าเกลียด!”ผมบอกหน้ามุ่ย ทำเอาไอ้นี่หัวเราะร่วน
“เออ นั่นแหละ...เขารู้รึเปล่า”
“ไม่รู้จะตามมาถึงนี่เหรอ?”
“อ่อ ถึงว่าสิ...เขาดีเนอะ ตามมาเฝ้ามึงเลย”
“มาป่วนละสิไม่ว่า อาเสือนิสัยแย่ที่สุดในโลกเลย”
“แต่เขาก็รักมึงมากนี่”
“ก็ ชะ...ใช่”คิดว่างั้นเหรอ? อาเสือไม่เห็นเคยบอก?
“มานั่งทำอะไรกันตรงนี้!?”น้ำเสียงดุ ๆ เรียกขึ้น ผมกับโรลหันไปมอง เป็นอาเสือที่เดินฝ่าความมืดเข้ามา ตรงที่เรานั่งเป็นมุมสงบ ไม่ค่อยมีคนสักเท่าไหร่
“ไปกันเถอะ คนอื่นคงรอ”ไอ้โรลรู้สถานการณ์ดี มันลุกขึ้นแล้วรีบเดินหนี ทิ้งผมไว้กับอาเสือ
“จะบ่นอะไรอีกละ?”
“มานั่งทำอะไร?”
“นั่งจู๋จี๋กันมั้ง? แล้วแต่อาเสือจะคิด...”ยั่วโมโหแล้วเดินออกมาบ้าง อาเสือเดินตามออกมา จนถึงรถที่อาโชติจอดรอ
“มีรถกระบะสองคันนะครับ แล้วก็รถตู้อีก คุณกาวนั่งคันนี้แล้วกัน”
“ไม่! กาวจะไปนั่งกระบะกับเพื่อน”
“กาว...”อาเสือจับแขนแล้วเอามือแตะท้อง เออ...ลืมไป เดี๋ยวกระเทือนในนี้
“โอ๊ยยย ชักช้า!!!!!”ไอ้นาวพูดผ่ากลางวงแล้วเดินผ่านทุกคน เดินขึ้นรถตู้
“ฮ่าฮ่าฮ่า........เอาแล้วไง คุณชายเทวดาหงุดหงิดแล้ว”ไอ้ชัดตะโกน คนอื่นเลยได้หัวเราะครื้นเครงก่อนจะกระโดดขึ้นรถที่ตัวเองถนัด ไอ้บอลตบหัวไอ้โรล
“มึงไม่ต้องกิน เอามานี่...กูจะฟ้องแฟนมึง”
“อะไรอ่ะ!!! แค่จิบ ๆ เนอะ”หันไปหาไอ้ชัด เพื่อนซี้อีกคนของมัน
“เออ แค่จิบ ๆ จิ๊บ ๆ คริคริคริ”
“เมาแล้วเรื้อนห้ามแดรก!!!!”ไอ้คิ้วตะโกนมา มันเดินผ่านพวกนั้นกระโดดขึ้นรถตู้มานั่งข้างไอ้นาว ผมกับอาเสือนั่งโซนเบาะหน้า
“อย่าเบียดได้ไหมเล่า!”ผมทำหน้าไม่พอใจ เพราะมันมืดด้วยละ...แล้วเบาะรถก็สูงออกขนาดนี้ อาเสือก้มลงมาเอาปากแตะแก้มเบา ๆ ทำเอาตัวแข็งทื่อ เพราะคนอื่นยังคุยเล่นเสียงดังกันในรถ ตัวเองจะโวยวายก็ไม่กล้า ไอ้บ้าอาเสือ!!!!!
แถมยังเล่นทีเผลอเอามือมาจับหน้าท้องไว้ด้วย!!!! ผมเอนหลัง...นั่งพิงสบาย และปล่อยให้จับอยู่อย่างนั้น
งานวัดของชาวบ้านมีบรรยากาศแปลกแบบที่ไม่เคยสัมผัส ก้าวแรกที่เห็นภาพตรงหน้า ก็ตื่นตาตื่นใจเสียจนอยากจะวิ่งพรวดเข้าไปในงาน ไอ้นาวกอดคอกับไอ้คิ้วเดินนำหน้าไป ส่วนผมยืนรออาเสือเอาผ้าพันคอมาใส่ให้ อากาศที่เย็นลง แถมยังมีหมอกแบบนี้ ต้องระวังตัวเป็นพิเศษ คนเยอะคึกคักของก็เลยเยอะตามไปด้วย ชาวบ้านจากหมู่บ้านและตำบลใกล้เรือนเคียงก็มาอยู่กันที่นี่ ร้านค้ามากมายตั้งเรียงแถวไปจนถึงโบสถ์วัดที่ประดับประดาด้วยดวงไฟหลายสี เสียงเพลงล้านนาส่งเสียงดังไปทั่วบริเวณ เคล้าเสียงหัวเราะของเด็ก ๆ ที่เล่นกันอยู่ตามเครื่องเล่นต่าง ๆ ร้านลูกชิ้นนึ่งตั้งดักทางเข้า ส่งกลิ่นหอมสมุนไพรชวนให้น้ำลายสอ ไอ้ช้างผู้กินทุกอย่างขวางหนังกำลังจะประเดิมร้านแรกทันทีที่มาถึง
“ลูกชิ้นอะไรดีจ๊ะ...”แม่ค้าพยายามพูดภาษากลางสำเนียงแปร่ง แต่ยังฟังว่าน้ำเสียงสวย มันใช้สายตามองแวบเดียว ก่อนจัดเบาเป็นออเดิร์ฟ ลูกชิ้นปลา 5 ไม้ ไม้ละ 5 บาท กินแล้วบ่นว่ามีแต่แป้งแต่ก็ซัดจนหมด เราคงเป็นลูกค้าที่วุ่นวายมาก ซื้อคนเดียวแต่ด้วยความเป็นเด็กกรุงเทพฯกันทั้งนั้น จะเปิดโน่นเปิดนี่ขอดูหม้อซึ้งตามประสาคนไม่เคยเห็น แม่ค้าก็ใจดียิ้มรับทุกสถานการณ์ ไม่รู้แอบด่าแม่อยู่ในใจรึเปล่า
“กินไหม”อาเสือถาม ผมส่ายหน้า...ไม่อยากกิน กับข้าวเมื่อเย็นก็ยังอิ่ม ๆ อยู่ พากันเดินไปด้านหน้าเสียงเพลงล้านนาดังแข่งกับเพลงลูกทุ่งสมัยใหม่ ไม่รู้จะฟังอันไหนก่อนดี วัยรุ่นหมู่บ้านกำลังดีดดิ้นอยู่หน้าเวที เรายืนดูด้วยความตลกขบขันในท่าทางสักพัก ก่อนจะแยกกันเดิน
“แยกกันเดินแล้วกัน ค่อยมาเจอกันตรงนี้”ใครสักคนพูด ซึ่งผมไม่ได้หันไปมอง มัวแต่ดูเวทีที่มีแดนเซอร์นุ่งน้อยห่มน้อยบนเวที มีเด็กเล็กที่พ่อแม่พามาดูด้วย เขาก็ไม่มีการห้ามปรามหรือมองเป็นเรื่องปกติไป ทำให้ผมรู้สึกแปลก ๆ ไม่ชอบใจสักเท่าไหร่
“เดี๋ยวหลงนะโว้ย!”ไอ้นาวตะโกนมา
“ฮ่าฮ่าฮ่า เดินวนสองรอบเดี๋ยวก็หมุนมาเจอกันแล้ว แล้วหน้าอย่างมึงไม่ต้องกลัวหลง มีของเสียหายที่ไหนตรงนั้นละ...ตามตัวมึงได้ง่าย”ไอ้ควงบอก ทำเอาทุกคนหัวเราะ ไอ้นาวทำหน้าเบ้ปากยกกำปั้นให้ เราพากันเดินลึกเข้ามาในงาน อาเสือดึงเสื้อให้เข้าไปเดินใกล้ ๆ เพราะคนเริ่มเยอะ เดินเบียดกันไปมา...
“อากาศเย็นลงแล้ว”คนพูดกระชับเสื้อผมให้แน่นขึ้น
“ร้อนจะตาย...หายใจจะไม่ออกอยู่แล้ว”ผมบ่นออกไป คนเบียดกันขนาดนี้ เอาที่ไหนมาหนาว?
“เดี๋ยวไม่สบาย...”อาเสือบอกแค่นั้น ดันให้ผมเดินนำ...แล้วตัวเองเดินตามหลัง ยังมิวายยื่นมือมาคล้องเอว ไม่ให้คนมาเบียดโดนพุง ทำแบบนี้รู้สึกเหมือนว่าโดนปกป้องทำให้ดีใจอยู่ลึก ๆ
“คุณเสือฮะ ไปเดินเล่นตรงโน้นกันไหมฮะ”หมดอารมณ์!!!!!!! หลุดจากหมู่คนตรงนั้นได้ ต้องมาเจอสัมภเวสี ร่วมค่าย อาเสือเกร็งแขนขึ้นไม่ให้ผมกระโดดใส่คนตรงหน้า อิริวทำจีบปากจีบคอพูดกับอาเสือ ผมหันไปมองทำตาโหด ๆ ใส่มัน อาเสือจึงเดินมาอีกข้างจับไหล่ผมเอาไว้
“ตรงโน้นมีของที่ระลึกขายด้วยนะครับ”ไม่จบ...
“พี่กาวคงอยากไปกับเพื่อน นั่นไงพี่บอล...ยืนรออยู่ฮะ”จะเอาใช่ไหม!!!! กำลังจะอ้าปากด่า อาเสือไวกว่าเอามือปิดปากผมทันที!!!
“ไม่ไปหรอก ขอบใจนะ...”โดนลากออกมา ไอ้ริวก็ยังเดินตามมาไม่เลิก
“ริวเดินด้วยได้ไหมฮะ เพื่อนเดินหนีหายไปไหนแล้วไม่รู้”
“อยากไปก็ได้นะ”บอกแค่นั้นก็สะบัดมืออาเสือออกด้วยความโมโห แล้วเดินหนีออกมา อาเสือเดินตามติดประกบไม่ให้ห่าง ส่วนอีกคนเข้าใจสถานการณ์มันไม่ได้เดินตามมา
“อย่าเดินหนีอาจะได้ไหม!?!”
“ก็อาเสืออยากไปกับเขาไม่ใช่เหรอไง!!!!!!”
“อาพูดสักคำรึยัง?”ไม่ได้ตั้งใจร้องไห้นะ แต่น้ำตามันออกมาเอง ยิ่งเห็นอาเสือถอนหายใจด้วยความรำคาญยิ่งร้องไห้
“เรานี่มัน....จริง ๆ เลยนะ”พูดแค่นั้นแล้วลากผมมานั่งตรงม้านั่ง ห่างออกมาจากจุดที่คนพลุกพล่าน เอามือเช็ดน้ำตาที่ไหลมากมาย แต่มากมายจนอาเสือต้องยกเสื้อตัวเองเช็ดให้
“ฮึก ๆ ทำไมอาเสือต้องดีกับทุกคนยกเว้นกาว”
“หืม? ใครบอก? อาเคยทำแบบนั้นเหรอไง...เช็ดน้ำตาซะ! อ่อนแอแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? พักนี้ร้องไห้บ่อยเกินไปแล้วนะ”โดนดุอีกแล้ว
“อีกหน่อย...อาเสือก็จะทิ้งกาวไป”
“หึหึ...คิดเองใช่ไหม เป็นอะไร? อาเคยแสดงให้รู้สึกแบบนั้นเหรอ?”
“กาวงี่เง่า...เดี๋ยวอาเสือก็เบื่อ”
“อาไม่เคยเบื่อ อ่อ...แต่มันก็มีบ้างนิด ๆ”ผมอึ้งเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าเข้าใจ เป็นใครก็คงเบื่อที่ตัวเองเป็นแบบนี้ ผมเองยังเคยเบื่อตัวเองเลย งี่เง่าเอาแต่ใจ ไม่พอใจก็อาละวาด รู้ตัวเองดี
“แต่อาไม่เคยคิดจะทิ้งกาว...อย่าคิดแบบนั้น”
“....................................”
“คนอื่นในที่นี่ อามองเขาว่าเป็นเพื่อนกาว...และไม่อยากทำอะไรรุนแรง มันจะไม่ดีต่อตัวกาว เข้าใจอารึเปล่า”
“อืม”
“เด็กดื้อหวงอาใช่ไหม”
“ไม่ใช่!!!!!”ตอบทันควันแบบนั้น ทำให้อาเสือหัวเราะ บ้าชะมัด!!!!
“อาดีใจนะ แต่อีกหน่อยลูกออกมา...คงหลงลูกจนลืมหวงอาอีกแน่ ๆ”
“แน่นอน...เขาเป็นของกาว”
“หึหึ...ยิ้มออกแล้วใช่ไหม”
“คงงั้น...”
“ป่ะ...พาอาเดินหน่อย อาไม่เคยเดินงานแบบนี้มาก่อน”อาเสืออมยิ้มบอก เช็ดน้ำตาให้ผมเรียบร้อย ก่อนที่ผมลุกขึ้นกระชับมือหนาแล้วออกเดินเคียงข้างกัน
“อาเสือห้ามใจดีกับใครนอกจากกาว...เข้าใจป่ะ?”
“หึหึ...”คนตัวสูงโน้มตัวลงมาจุ๊บหลังคอ ก่อนจะถึงที่มีแสงไฟสว่าง ทำเอาผมเขินไปทั้งตัว หัวใจเต้นแรง...สิ่งมีชีวิตในท้อง ก็เหมือนจะเคลื่อนไหวแรง (เหมือนคิดไปเองว่าเคลื่อนไหวได้แล้ว) ชอบเหรอแบบนี้?
เคยเห็นชิงช้าสวรรค์อันเล็กไหม ขึ้นสนิมแบบไม่น่าขึ้นเลย แต่อาเสือก็ยังอุตส่าห์ยืนรอคิวเพื่อที่เราจะได้ขึ้นไปนั่งในนั้น คิดว่าจะเข้าไม่หมดซะแล้ว
“เฮ้ยยยยยยย เดี๋ยวกูตามไป”ไอ้นาวตะโกนบอกก่อนจะทำเสียงลิงเสียงค่าง ขึ้นชิงช้าอันหลังผม มันขึ้นกับไอ้คิ้ว มีพี่กาวใหญ่ยืนรอข้างล่าง
“นั่งกับอาไหม”
“ไม่เอามันจะเอียง”ผมบอก ไฟมืดมองไม่เห็นคน เห็นแต่ดาวเต็มท้องฟ้า อาเสือกระชับมือแน่น
“มือกาวเล็กนิดเดียว”
“มืออาเสือใหญ่ต่างหากละ!”ผมเถียงออกไป อาเสือกุมมือสัมผัสแผ่วเบาแล้วจูบย้ำ ๆ ที่ฝ่ามือ
“มาหาอาเถอะ...”อาเสืออ้าแขนออก ผมก็โผเข้ากอดทำให้ชิงช้าตัวที่เรานั่งไกวเล็กน้อย จึงต้องทำตัวนิ่ง ๆ
“มันจะหล่นไหม?”ผมถามเสียงสั่น
“หึหึ...จุ๊บ”อาเสือไม่ตอบ กลับกดจูบที่ข้างแก้ม เขยิบให้ผมนั่งด้วยแล้วกอดไว้ เบียดชะมัด!!!!!
“อย่าดื้อกับอาอีกจะได้ไหมกาว...อายอมทุกอย่างแล้ว”
“ก็ถ้าอาเสือรับปากว่าจะทำให้กาวพอใจทุกอย่าง กาวก็จะไม่ทำให้อาเสือวุ่นวาย”
“อาก็พยายามทำอยู่นี่ไง แต่แบบไหนจะถูกใจหรือไม่ถูกใจเราบ้างละ!”
“กาวอยากให้อาตามใจ”เข้าสู่โหมดอ้อนเต็มรูปแบบ
“อาก็ทำอยู่นี่ไง”
“เพราะเค้ามา...อาเลยทำดีกับกาว”ผมพูดถึงคนท้อง เอามือจับเค้าไว้
“ไม่เห็นเกี่ยวเลย”
“เกี่ยวสิ ก่อนหน้านี้อาใจร้ายกับกาวจะตาย”
“เพราะกาวดื้อ พูดไม่เคยฟัง...”
“อาเสือตบกาว ตีกาว...ขังกาวไว้ในห้องด้วย”พูดเสียงเบา อาเสือรีบกอดผมไว้ ลมหนาวพัดเย็นมาเป็นระลอก เสียงเพลงที่ดังค่อยเบาเสียงลงเมื่อชิงช้าหมุนไปสู่จุดที่สูงขึ้น จนเกือบถึงดาว...
“อาขอโทษ”
“..................................”ซบอกอาเสือแล้วร้องไห้ กว่าจะผ่านเรื่องราวแบบนั้นมาได้ สำหรับผมมันไม่ง่ายเลยจริง ๆ ทุกครั้ง...ที่นอนก็จะฝันเรื่องเดิมซ้ำ ๆ คล้ายกันทุกคืน ผมเกลียดความฝัน...เกลียดไฟ เกลียดเด็ก เกลียดบ้านหลังนั้น ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเกิดแบบนี้กับตัวเอง
“คนดีของอา...เป็นเด็กดีแล้วนะครับ”
“ฮือออออออ”
“อย่าร้อง....”
เสียงทุ้มยังกระซิบข้างหู อาเสือกอดผมเอาไว้ ปากก็พูดปลอบให้หยุดร้องไห้ ผมเจ็บ...ผมเสียใจ ไม่มีใครอยากเป็นคนไม่ดี ไม่ว่าผมหรืออาเสือ...ผมแค่อยากผ่านมันไปให้ได้
“อาเสืออย่าเอาเค้าไปจากกาวนะ...กาวไม่มีใคร กาวจะมีแค่เค้า”
“อาจะไม่ปล่อยกาวไปไหน ลูกก็ด้วย...ไม่ต้องห่วงนะครับ”ผมส่ายหน้า
“อาเสืออย่าเอาเค้าไปจากกาวนะ!”ย้ำคำเดิม อาเสือจูบหน้าผาก
“กาวกับลูกเป็นของอา....”
“ไม่! เค้าเป็นของกาว!!!!”เราเริ่มเถียงกันอีก ชิงช้าหมุนไหว ๆ รอบที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้
“เค้าเป็นของกาว แต่กาวกับลูกเป็นของอา...แบบนี้ยุติธรรมดีแล้ว”อาเสือพูดแค่นั้น ก่อนเรียกให้ผมดูวิวมืด ๆ บนท้องฟ้า แสงดาวสุกสกาวไปทั่ว พอไม่มีไฟ...ก็เห็นแสงของดวงดาวนับพัน ทอประกายอยู่ทั่วท้องฟ้าทำให้ค่ำคืนนี้พอจะมีสีสันขึ้นมาบ้าง
คนในท้องคงจะชอบ....ผมรู้สึกแปลก ๆ เหมือนว่าข้างในท้องดิ้นได้จริง ๆ นะ หรือเราจะคิดไปเอง??? อีกไม่กี่วันก็จะออกจากค่ายแล้ว อาเสือก็ต้องกลับไปทำงาน แล้วผมจะทำยังไงกับชีวิตต่อไปดี?? ตอนนี้ก็ยังไม่รู้เลย..
ครบ 100 แล้วววววว
สถานการณ์ดูเหมือนจะดีขึ้นเนอะ...กิกิกิ
ถ้ากาวว่าง่ายแบบนี้ทุกวันคงดี
และถ้าอาเสือใจดีแบบนี้ทุกวันก็คงดี...
คิดว่าไงกันคะ??
ถูกต้องที่สุดค่ะ เค้าเป็นของกาว แต่กาวกับลูกน่ะเป็นของอาเสือ ครึครึ
ตอบลบพี่ไม่เป็น แต่. ตก ไร ไปป่าว
ตอบลบขอโทษนะคะ อ่านมาตั้งนานแล้ว ขอถามหน่อยว่านาวนี่เป็นช.หรือญ.อ่ะ -__-
ตอบลบเหมือนจะดีขึ้นบรรยากาศ
ตอบลบมะไรจะเลิกตีกัน ใจไม่ดีทุกที เห้อออ
ตอบลบ