วันอาทิตย์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2557

ตอนที่ 27 นาวกาวป่วนเมือง

ตอนที่27

นาวกาวป่วนเมือง










            ผมอยากอยู่ที่นี่เพราะได้อยู่กับเพื่อน ๆ รวมทั้งได้ทำสิ่งที่ตัวเองอยากทำ ตอนเช้าลุกขึ้นมาเอาผักไปแช่น้ำเกลือ แต่เพราะอากาศมันหนาวมาก...ก็ต้องทน อาเสือตื่นขึ้นมาช่วยด้วย ผมอยู่ อาเสือก็เลยอยู่ตาม ทุกคนไม่ได้ว่าอะไร ดีซะอีก...เพราะได้แรงงานเพิ่มมาอีกตั้งหนึ่ง
            สาย ๆ ไอ้นาวมันถึงจะตื่น มันเป็นคนเดียวในค่ายที่ได้อภิสิทธิ์นั้น
            “ให้นาวได้นอนเถอะลูก”อาจารย์นาย ผู้ดูแลเราชาวค่ายทั้งหลายกล่าว เป็นอะไรที่ทุกคนเห็นด้วย เพราะมันคนเดียว ทำให้วุ่นวายกันไปทั้งหมด มันเดินซุ่มซ่ามทำจานแตก เมื่อวานก็เกิดความคิดบ้า ๆ จะฆ่าปลาด้วยมือเปล่า ทุกคนลงความเห็นว่า งานที่มันทำได้ดีที่สุด และไม่บ่นคือ เล่นกับเด็กและเก็บผัก
            ผมนั่งเล่นรอไอ้เพื่อนบ้าตื่น วันนี้เวรอยู่กับมันอีกแล้ว อาเสือเอาโอวัลตินมาให้
            “ไม่เอา”ผมบอกหน้ามุ่ย ยังไม่อยากคุยมากคำกับอาเสือ ตอนกลางคืนเรานอนด้วยกัน...แต่ตอนกลางวันห้ามเข้าใกล้เด็ดขาด ผมยื่นคำขาด...ถ้าจะอยู่ ก็ทำตัวให้เหมือนอาโชติ ตามดูแลได้..ห่าง ๆ เพียงเท่านั้น
            “จิบนิดนึง ลูกจะได้กินด้วย”เสียงทุ้มร้องบอก แต่เป็นคำที่ทำให้ผมหงุดหงิดทุกที เห็นทีเราต้องคุยเรื่องนี้อย่างจริงจัง!!!!!! ก่อนเริ่มประโยคสนทนาผมกัดปาก เอามือเกาะท้องตัวเองอย่างหวงแหน ให้ตายก็ไม่ยอมให้ใครเอาไปหรอก บอกไว้ก่อนเลย!
            “ในนี้ของกาวคนเดียวคนอื่นไม่มีสิทธิ์”บอกด้วยน้ำเสียงถือดี อาเสือหน้าเริ่มนิ่งขึ้น
            “ไม่มีงั้นเหรออาเป็นคนอื่นงั้นเหรอ?
            “...........................................”ผมเงียบ
            “บอกสิ อาไม่มีสิทธิ์ตรงไหน”
            “.........................................”ไม่ตอบเพราะไม่อยากพูด
            “ถ้าอาไม่ทำ กาวจะท้องไหมกาวจะได้เขามาอยู่ด้วยไหม?”อาเสือบ้าเริ่มทวงถาม
            “.........................................”หันไปมองทางอื่น
            “อาเป็นคนอื่นแล้วเหรอ”
            “ชะ ใช่”ตอบออกไปทั้งที่เสียงตัวเองก็สั่น อยากร้องไห้...เสียใจอยู่เหมือนกันที่พูดออกไปแบบนั้น แต่ปากมันพ่นออกไปแล้ว จะให้ทำยังไง ความรู้สึกทุกอย่างมันหนักอึ้งจนบอกไม่ถูก ได้ยินเสียงอาเสือถอนหายใจ ก่อนจะวางแก้วโอวัลตินไว้ใกล้มือ
            “ดื่มซะ ลูกจะได้กินด้วย”แล้วเดินออกไป ผมนั่งค้างอยู่นาน จนขยับเสื้อกันหนาวตัวหนาของตัวเองให้เข้าที่ขึ้น อากาศแม้ยามมีแดดขนาดนี้ ความหนาวเย็นก็ไม่ได้ลดลงไปเลย เด็ก ๆ บอกว่าถ้าขึ้นไปสูงกว่านี้จะเห็นหมอก แต่เราไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นไป
            นานจนโอวัลตินเริ่มเย็น ผมเหล่ตามองว่ามีใครแอบมองอยู่รึเปล่า หันมองซ้ายขวา...ก็ไม่มี จึงหยิบโอวัลตินแก้วที่ว่าขึ้นมายกดื่มจนหมด ก่อนจะลุกเข้าไปปลุกไอ้ตัวที่นอนกินบ้านอยู่ข้างบน!
           
            “มึงจะนอนถึงพรุ่งนี้เลยไหม ไอ้นาว!!!!!!”ลากมันออกมาครับ
            “เห้ย ขอแปป”
            “แปปอะไร นี่มันกี่โมงแล้ว”ผมพยายามลากมันออกมา
            “อะไรกันว่ะ”ไอ้โรลอาบน้ำเสร็จเดินผ่านมาพอดี
            “เพื่อนมึงนี่สุด ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ”ลงใครไม่ได้ ลงที่ไอ้โรลเลยแล้วกัน มันหัวเราะลั่น
            “มึงเพิ่งรู้เหรอว่ามันเป็นอย่างนี้”
            “แม่งอยากนอนขนาดนี้มึงไม่กลับไปนอนบ้านว่ะ มาค่ายทำไม!”ผมว่าผมสุด ๆ แล้วนะ เจอไอ้นาวเข้าไป มันคนละภาพกับที่เจอตอนอยู่มหาลัยฯเลยว่ะ เดี๋ยวจะกลับไปบอกทุกคนให้ทั่วมหาลัยฯเลยว่า มันซกมกยังไงบ้าง ขี้เกียจและวุ่นวายขนาดไหน
            “ตะโกนหาพ่อง!”มันเงยหน้ามาด่า
            “อาบน้ำแปรงฟัน แล้วไปเจอกันที่ห้องเรียนแรกหรือจะไม่อาบก็เรื่องของมึง!”ผมบอกแล้วสะบัดหน้าหนี อาโชติมาเรียกให้ไปกินข้าวก่อนในครัว เพื่อนคนอื่น ๆ กินแล้วประจำที่หน้างานตัวเองหมดแล้ว
            “อาโชติพรุ่งนี้ช่วยไปปลุกมันหน่อยนะ กาวไม่ไหวแล้ว”ผมร้องขอความช่วยเหลือ ไอ้บ้านาวมันไม่เคยตื่นเช้าสักวัน!
            “หึหึ ก็ปล่อยให้เขานอนไปสิครับ คุณกาวอยากทำอะไรบอกลูกน้องผมก็ได้”อาโชติบอก แต่ผมส่ายหน้า วันนี้จะพาเด็ก ๆ ไปเที่ยวเล่นที่น้ำตก มันเป็นแหล่งต้นน้ำแห่งเดียวของหมู่บ้าน อยากไป ๆ แต่ต้องพ่วงไอ้เพื่อนชั่วไปด้วย เพราะทุกคนให้เป็นบัดดี้กัน
            “เขาไม่กินหรือไง”ผมถามเสียงเบา แอบมองคนที่นั่งอยู่ห่างออกไป
            “คุณท่าน...เพิ่งจะอาเจียนไปรอบนึงเมื่อเช้า สงสัยอากาศที่นี่ทำพิษแล้วละครับ”
            “ไม่สบายงั้นเหรอ!?”รีบถาม แต่อาโชติไม่ได้ตอบอะไร
            “กินยารึยัง”
            “ทานแล้วครับ...”
            “เมื่อเช้าไม่เห็นบอกอะไร”
            “ก็เขาจะบอกไหมละ คุยกันสองคำก็ทะเลาะกันแล้ว”อาโชติว่า
            “นั่นสิ อาโชติก็หาข้าว หายาให้เขาด้วยแล้วกัน”
            “หึหึ ถ้าห่วงมากก็จัดการเองดีไหมครับ”โดนแซวจากอาโชติ ทำเอาผมเขินแต่โมโหกลบเกลื่อน
            “อาโชติ”
            “ครับ ๆ ไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อยก่อนเลย จะออกไปแล้วมาเรียกด้วยนะครับ อย่าออกไปกันเอง”
            “โอเช ไว้เจอกัน”ผมออกมานั่งทานข้าวที่ถูกเตรียมไว้ให้อย่างดีแล้ว ไอ้คิ้วกับอาจารย์มานะ อาจารย์ที่ปรึกษาก็มาด้วย
            “เป็นไงกาว”
            “ดีขึ้นแล้วฮะ”ผมบอก
            “หึหึ เจออากาศเย็นถึงกับซมเลย”อาจารย์แซว เรานั่งทานข้าวกันไปจนไอ้นาวมันเดินหาวออกมา
            “นี่มันกี่โมงแล้วตื่นสายตลอด!!!”ไอ้คิ้วด่า
            “น่า ๆ”ตื่นมาก็กินก่อนเลยครับ เวรจริง ๆ
            “ให้มันหลับต่อไปก็ดีนะอาจารย์ว่า”ทุกคนหัวเราะ แต่เจ้าตัวมันสนใจที่ไหน ลงมานั่งตักข้าวกินเฉยเลย
            ได้เวลาไปเจอเด็ก ๆ ผมบอกอาโชติก่อนจะเดินออกมา เห็นอาเสือนอนซมหลับอยู่บนที่นอน แต่ไม่ได้พูดอะไร อยากปล่อยให้อาเสือพักผ่อนมากกว่า ถ้าไม่ไหวจริง ๆ จะไล่ไปรพ.
            “แม่งไม่มีอะไรหนุก ๆ ทำเลย”
            “อะไรของมึงละ ที่ว่าหนุกๆ”ผมหันไปถามมัน
            “อย่างเช่น...ปีนต้นไม้ชมวิว”อืมน่าสนใจ เราเดินผ่านพวกก่อสร้าง พวกไอ้ชัดมันก็ร้องแซว
            “เฮ้ยแฝดมา ๆ”แล้วก็ร้องเพลงกัน นั่นละครับ...ตอนนี้ผมกับไอ้นาวนี่ยิ่งกว่าแฝดซะอีก แต่ไม่ยักจะสนิทกันสักที ไม่รู้ว่าผมเข้าถึงยาก หรือมันเข้าถึงยากมากกันแน่
            “อยากโดนตีนเหรอว่ะ”ไอ้นาวหันไปด่าพวกมันกลับ จะสลดสักนิดมิมี ยิ่งได้ใจหัวเราะกันร่วน
            “เปรี้ยวจะเตี้ย กูจะฟ้องเฮีย!”ไอ้ชัดว่า
            “เหอะ หน้าอย่างมันทำอะไรกูได้!!!
            “ปากดีเนอะ!
            “คริคริคริ”เวลาไอ้นาวหัวเราะโลกมันสวยจังเลย หน้ามันหวานด้วยแหละ
            “กาว”ไอ้บอลกวักมือเรียก ผมเดินแยกออกมา
            “อะไรว่ะ”
            “กูอยากเตือน”
            “เตือนอะไร!?
            “เรื่องไอ้นาว มึงไม่ต้องไปตามมันมาก มันชวนทำอะไรไม่ต้องสนใจ...ห่วงลูกในท้องมึงอย่างเดียว”
            “มึงจะพูดเสียงดังเพื่อกลัวคนทั้งค่ายไม่ได้ยินช้ะ!!!!”ผมตบหัวมันไปที
            “แฮะ ๆ กูแค่อยากเตือน ทำอะไรให้ระวัง”
            “เออ กูรู้แล้ว”
            “ดี ๆ นะมึงอยู่ให้ห่างมันไว้ดีที่สุด!”ผมพยักหน้า
            “คุยไรกันอ่ะ”ไอ้โรลกระโดดกอดหลังผม ไอ้บอลนี่ตกใจสุดขีด มันร้องอย่างกับถูกควายเชือด สร้างความตกใจให้แก่ทุกคนเป็นอย่างมาก
            “อะไรว่ะ...ไม่เห็นต้องโกรธขนาดนั้นเลย”ไอ้โรลถาม ผมก็ตบหัวมันไปทีนึง จะได้เท่าเทียมไอ้บอล
            “ไปละๆ”
            “เออ กลับมากินข้าวด้วยนะ”
            “เออ”
           
            เด็ก ๆ ชาวเขานั่งรอกันเป็นสิบคน อาคารเรียนหลังเก่าเป็นไม้ จะพังแหล่มิพังแหล่ ด้านล่างเป็นห้องสมุดหนังสือเก่า ๆ สมัยสิบปีก่อน หน้าจนเหลืองขาดหวิ่นไปหมดแล้ว ผมสัญญาว่าถ้ากลับกรุงเทพฯ จะไปเหมาหนังสือจากโรงพิมพ์มาเติมเต็มให้สมุดแห่งนี้ให้
            “คุงคูมาแล้ววววววว”กอหญ้า เด็กชาวเขาตัวน้อยกระโดดโลดเต้นไปมา ผิวขาวเหลือง นัยย์หวาน ทำให้ผมอดยิ้ไม่ได้
            “คุณครูตั้งหากละ”ไอ้นาวแก้ เถียงกะเด็กสนุกมันเลยเชียวละ
            “วันนี้ทำอะไรกัน”ผมถาม
            “เก็บผักครับ”
            “อีกละ!”เสียงจากไอ้คนข้าง ๆ
            “โอเค เก็บผัก แล้วทำอะไรต่อ”
            “ครูอยากไปดูเขาไหมครับ”
            “ดูเขา วิวน่ะเหรอ?
            “ไม่ไกลหรอกครับ...”มองหน้าไอ้นาวแล้ว สายตาบ่งบอกว่าน่าสนมาก
            “เอาไงดี?
            “ไปเก็บดอกไม้ก็ได้ครู”
            “เออ ตกลง”ผมบอก ปล่อยให้เด็ก ๆ เดินนำบ้าง ตามหลังบ้าง วนอยู่ล้อมหน้าล้อมหลังแบบนี้ ไอ้นาวจูงมือวาโพ เด็กชาวเขาตัวน้อย ๆ ที่เดินได้ช้าเพราะขาสั้นนิดเดียว ไม่ทันพวกพี่
            “คริคริคริ”เด็กน้อยอีกคน คนนี้ชื่อ หมึงเม ตาโตแก้มแดงน่ารัก ยื่นดอกไม้ให้ผม
            “ให้หรือไง”ถามยิ้ม ๆ แต่เจ้าตัวไม่ยอมพูด คงจะอาย ผมยื่นมือไปรับแล้วมาทัดหูไว้ ก่อนหัวเราะกร๊าก อายว่ะ ไอ้นาวมันก็หันมาหัวเราะเหมือนกัน เด็ก ๆ ก็พลอยยิ้มตามกันไปด้วย
            วิวที่นี่สวย มีแต่สีเขียวของธรรมชาติ ไม่น่าแปลกนะ...ที่ทุกคนจะดูอารมณ์ดี และมีความสุขแบบนี้ ใช้ชีวิตแบบพอมีพอเพียง ตื่นมากินข้าว สายหน่อยก็ทำงาน ไม่มีรถติด ไม่มีควัน ทางเดินลาดยาวที่เรากำลังมุ่งหน้าไป เป็นคล้าย ๆ ทุ่งสีเขียวขนาดใหญ่ เบื้องหน้ามีต้นไม้สูง บางต้นใหญ่ขนาด คนโอบล้อมยังปิดไม่มิด
            คนที่นี่ชื่อว่าต้นไม้ทุกต้นมีเทวดาอาศัยอยู่ การตัดต้นไม้จึงเป็นเรื่องที่ผิดมหันต์มาก เพราะเทวดาจะตามมาลงโทษเราทีหลัง การอยู่ของคนที่นี่ จึงมีชีวิตอยู่กับป่าอย่างแท้จริง
            ป่าให้น้ำ ป่าให้ข้าว ป่าให้ชีวิต
            เป็นคำนิยามสั้น ๆ ที่ผมได้นั่งฟังอยู่ด้วย ตอนพ่อเฒ่าเป็นที่นับถือของหมู่บ้าน ได้มาพูดคุยให้กำลังใจพวกเรา ไอ้นาวเดินนำไปหลายก้าว ผมหันไปมองด้านหลัง ไม่เห็นอาโชติตามมาเหมือนเคย คงจะอยู่ดูแลอาเสือ ไม่มาก็ดีเหมือนกัน แต่เฮ้อ....รู้งี้น่าจะสะพายกล้องมาด้วย
            อีกสองวันหน้าที่ครูผมก็จะลดทอนลงไป เพราะทางการส่งครูจริง ๆ ที่ทำเรื่องมาอยู่ที่นี่แล้ว ถึง คน นับว่าเป็นจำนวนที่เยอะที่สุด เท่าที่เคยมีมา เด็ก ๆ เล่าให้ฟังว่าคนในหมู่บ้านดีใจใหญ่ ครูคนเก่าทำเรื่องไปจากที่นี่นานแล้ว สี่ห้าเดือนได้ ครูที่ประจำอยู่ที่นี่ก็จะมาย้ายไปอีกคน
            “ถึงแล้ว”เสียงเจื้อยแจ้ววิ่งนำ ไอ้นาวก็วิ่งตาม
            “โหหหห!!!!”ผมอุทานออกมา ทันทีที่เห็นวิวเบื้องหน้า มันเป็นภูเขาหลายลูกทอดยาวสุดสายตาสลับซ้ายขวา  ม่านเมฆหมอกยังไม่หายแม้ตอนนี้จะเป็นเวลาสายมากแล้วก็ตาม
            “เสียดายไม่มีกล้องว่ะ”ไอ้นาวบ่น
            “เออ”
            “เฮ้ยมึง...ถ่ายให้กูหน่อย”มันโยนโทรศัพท์มาให้
            “สัสเกือบรับไม่ทัน”ผมบอก เสร็จมันก็กระโดดบ้าบออะไรของมัน พลังไม่หมดจริง ๆ
            เด็ก ๆ เริ่มวิ่งกันสนุกสนาน ผมเองก็สนุกไปด้วย พากันเล่นไล่จับ...แรก ๆ ก็เล่นกันน่ารัก แต่พอแบ่งพวกผมฝั่ง ไอ้นาวฝั่ง แล้วผีบ้าอยากเอาชนะมันเข้าสิง
            ไล่จับกันทีดุเดือดเผ็ดมันส์มาก เห็นตัวมันอย่างนั้น กระชากหลังคอเสื้อผมที...ตัวแทบหงาย!
            “อร๊ายยยย วาโพมานี่”ผมตะโกนหัวเราะไปด้วย วาโพร้องกรี๊ดแล้ววิ่งมาหาผม ไอ้นาวก็วิ่งตามจะมาจับ
            “มานี่!!!
            “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”ทุกคนหัวเราะ วิ่งหนีกันไปคนละทาง สุดท้ายเกิดเหนื่อยกันขึ้นมานอนพักดูท้องฟ้า น้ำก็ไม่มีหอบหายใจกันแฮ่ก ๆ เฮือกใหญ่
            “มาหลับกัน”แน่ะ ดูมันชวน...ผมว่ามันอยากนอนนานละ แต่สบโอกาส
            ท้องฟ้าไม่มีแดดเลย มืดครึ้มคล้ายฝนจะตก อากาศเย็นลงมากกว่าเดิม
            “ฝนจะตกไหมเนี่ย”เด็ก ๆ หัวเราะ บอกกันยกใหญ่ว่าไม่ต้องหรอก เด็กผู้หญิงไปเก็บดอกไม้ ก่อนจะเดินทางกลับในอีกชั่วโมงต่อมา
           
            “อารมณ์ดีจังเลยนะมึง”ไอ้โรลร้องแซว ไอ้นาวมันกำลังจะเดินผ่านไปแล้ว แต่จู่ ๆ ก็เดินกลับไปหาพวกก่อสร้าง แล้วหยิบค้อนขึ้นมา
            “เฮ้ย ๆ มึงจะทำอะไร”
            “กูช่วย!”นั่นละ ความชิบหายเลยเกิด
            “ฮ่าฮ่าฮ่า”ผมนั่งหัวเราะ ดูพวกมันทำหน้าดิ ไอ้นาวมันเอาตะปูมาตอก เสียงดังสนั่น...
            “มองหาพ่อง...ช่วยดิ!”ผมรีบลงมือทำ เด็ก ๆ ไม่ได้รับอนุญาตให้มาตรงนี้ คิดว่ามันง่ายนะนั้นไหมครับ นาวกาวอยู่ด้วยกัน ความชิบหายเกิดขึ้นโดยแท้
            “พอ ๆ”พี่กาวใหญ่แย่งอุปกรณ์ช่างออกจากมือเราสองคน ตอนแรกไอ้นาวเกิดครีเอทกำแพงเป็นรูปบ้าบออะไรไม่รู้ แล้วมันก็ดันไปดึงสายไฟที่ช่างเดินช่องไว้แล้ว แถมยังบอกให้ผมช่วยใส่ประตู แล้วไอ้ลูกบิดมันก็ดันหลุดมาเฉยเลย แต่ผมต้องบอกก่อนว่า...เหล่านี้ไม่ได้เกิดจากผมเลยสักนิดเดียว
            “อะไรอ่ะอุตส่าห์จะช่วยนะ!”มันเถียง
            “ไม่ต้อง ไปช่วยในครัวแล้วกัน
            “เดี๋ยวในครัวก็ไล่ออกมาอีก”
            “ใช่ ๆ”ผมเป็นลูกคู่ให้มัน
            “เฮ้ย วุ่นวายว่ะ ไอ้สองคนนี้...ไป ๆ หานอนพักผ่อน จะได้ไม่เป็นอันตรายต่อผู้อื่น”ไอ้ชัดแซว
            “พ่อมึงดิช่วยทาสีก็ได้”มันคิดงานใหม่ให้ตัวเอง ผมก็เดินตามเหมือนลูกพี่กูเลย ทาอยู่ดี ๆ ไอ้นาวมันเอาลูกกลิ้ง วาดเป็นลายอะไรของมันไม่รู้ เลอะเทอะหมด
            “สวยจะตาย”
            “มันเปลืองสีไหม”
            “เปลืองที่ไหน นี่มันลายศิลปะ”ไอ้นาวเถียง
            “ไปล้างมือ แล้วไปช่วยงานในครัวเลย”หลังจากที่โดนไล่รอบสอง ผมมาล้างมือตรงก๊อกน้ำกับมันสองคน
            “เฮ้อ...ไม่มีอะไรทำเลย มึงว่าป่ะ”
            “เออ”รับไปก่อน เดี๋ยวมันเหวี่ยงใส่ง่ะ น่ากลัว T_T
            “บ้า ๆ ๆ”แล้วพี่เขาเขย่าก๊อกน้ำครับ คือมันไม่ใช่ก๊อกน้ำถาวร แกว่งนิดเดียวก็จะหลุดละ เล่นเขย่าแรงขนาดนั้น ก๊อกมันหลุดออกแล้วน้ำก็พุ่งซู่
            “เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”ผมกับมันกระโดดหลบไปคนละทาง
            “เฮ้ย น้ำรั่วโว้ย ไอ้นาว ไอ้กาวทำน้ำรั่ว”เสียงใครสักคนตะโกน กูอยากเถียงละเกินว่าไม่ใช่กู๊!!!!!
            รีบหาอุปกรณ์กันมาแก้ไขกันยกใหญ่ โดนด่าอีกตามระเบียบ ผมเดินมาหาอาโชติที่ยืนมองว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่มีอาเสือ สงสัยจะนอนพัก
            “หึหึ”
            “อย่าหัวเราะแบบนั้นนะ...ไม่ใช่ฝีมือกาวสักหน่อย ไอ้นาวมันตัวซวยชะมัด!”ผมบอก เดินเข้าครัวเพื่อช่วยงาน แต่โดนไล่ออกมานั่งจ๋อยกันสองคน
            “เฮ้ยนั่น!”ผมชี้มือให้มันดู งูที่กำลังเลื้อยผ่านไป
            “เฮ้ย!!!!!”มันกระโดดขึ้นนั่งบนเตียงไม้ ผมก็กระโดดเหมือนกันแต่กระโดดเข้าหางูนะ คริคริคริ
            “งูดิน ไม่น่ากลัว”ผมบอก
            “ไอ้เชี่ย!!!!!! ว๊ากกกกกกกกกก”ผมจับมันก็ร้องออกมาเลย
            “มึงกลัวเหรอ คริคริคริ”ผมชอบจะตาย แกล้งมันหน่อยดีกว่า
            “ไอ้เชี่ยๆ  ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ”
            “คุณกาว!!!!”อาโชติต่อว่า ผมหัวเราะก่อนจะโยนงูทิ้ง แล้วเบะปาก
            “ไม่เห็นจะน่ากลัว!!!!
            “ไอ้เวร!!! หัวใจเกือบวาย”
            “คริคริคริ”ว่าแล้วจับไปแกล้งพวกผู้หญิงหน่อยดีกว่า ผมเล่นสนุกไอ้นาวก็เอาด้วย ควานหางูตัวเมื่อกี้ มันเลื่อยไปเร็วมาก ๆ กำลังจะลงดิน ผมเอาเท้าตะปบจับขึ้นมาใหม่ คริคริคริ
            “เปิ้ล ๆ มีอะไรจะให้”ผมบอก ไอ้นาวเตรียมกล้องถ่ายรูป
            “อะไรเหรอ”
            “แบมือมาสิ”เปิ้ลน่ารักนะ สวยหวานด้วย ยิ้มทีหนุ่ม ๆ ใจละลายกันเป็นแถว
            “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
            “กาว!!!!!”อาเสือเดินเข้ามาพอดี ตกใจมาก ผมกับไอ้นาวหัวเราะ
            “ไอ้พวกบ้า”แล้ววิ่งหนีออกไปเลย
            “ถ่ายทันป่ะว่ะ”
            “ทัน ๆ กร๊าก ๆ ๆ”
            “กาวววววว”อาเสือทำหน้าดุ ไอ้นาวเลยวิ่งหนีหายไปเลย ผมโยนงูเก็บทิ้ง คราวนี้ทิ้งจริง ๆ แล้วกระโดดกอดอาเสือ (ตรงนั้นไม่มีคน)
            “....................................”แต่ก็ยังไม่ยอมคุยกับอาเสืออยู่ดี อาเสือกอดตอบกลับ ก่อนจะจูบหน้าผาก
            “ทำไมทำแบบนั้นนิสัยไม่ดีเลย”
            “ยุ่ง!”หยิกแก้มอาเสือ แล้ววิ่งหนีออกมา ทานอาหารกลางวัน ผมกับไอ้นาวช่วยกันตักข้าวเอาใจเปิ้ล เพราะดูท่าจะกลัว จนร้องไห้ไปเลย ฮ่าฮ่าฮ่า แต่พอหายกลัวก็กลับมาหัวเราะตามเดิม
            ตอนเย็นทุกคนรีบไปอาบน้ำ เรียกว่าแย่งกันอาบก็ได้ กินข้าวแล้วนัดรวมพล เพื่อฟังงานเหมือนเดิม แต่วันนี้เพื่อนหลายคนดูอ่อนล้ามากขึ้น อาจเพราะงานที่ต้องเร่งรีบ ไอ้นาวผลัดนวดขาให้ไอ้โรล คนอย่างมันก็ทำความดีกับเขาเป็นเหมือนกันนะ เหอ ๆ
            “ไม่มีทีวีดูข่าวเลยว่ะ”ไอ้ชัดบ่น เป็นธรรมดา เรามาอยู่ที่นี่กันหลายวันแล้ว น่าแปลกที่ผมไม่ต้องฟังเพลงจากโทรศัพท์ของตัวเองเหมือนอย่างทุกทีเลยด้วยซ้ำ ตื่นมาก็สดชื่นกว่าปกติ คนอื่นคิดว่าผมจะอยู่ไม่ได้ ทีไหนได้...ผมกลับชอบเอามาก ๆ
            “นวดดี ๆ”มันกล้าหาญสั่งลูกพี่ ไอ้นาวตบหัวดังแปะ ทำเอาทุกคนที่ได้ยินหัวเราะอย่างสะใจ
            “อะไรมึงเนี่ย!!!! เตี้ยแล้วไม่เจียมเดี๊ยะ ๆ”
            “ฮ่าฮ่าฮ่า”ทุกคนหัวเราะที่แกล้งไอ้นาวได้
            “เฮ้ย...พ่อมึงนั่งมองอยู่โน่น ไม่เรียกเขามาว่ะ”ไอ้บอลนี่ก็เสือ กได้ที่เนอะ
            “ยุ่งไรกะเขา”
            “หรือเขาจะรอมึงไปนอน...ไป ๆ เดี๋ยวพ่อมึงเหงา...นอนคนเดียว”มันพูดแซวให้ได้ยินแค่ผม
            “มึงจะยุ่งอะไรกับเขาเนี่ย”
            “มึงไม่ห่วงเขาหรือไง ให้เขามานั่งรอทุกคืน”
            “กูขอร้องเขางั้นสิ?”ไอ้นี่มันก็แปลกนะ ใช่เรื่องของมันรึเปล่า
            “......................................”ไอ้บอลเงียบ เป็นความเงียบที่ทำให้ผมอึดอัด เพราะไม่เคยทะเลาะเรื่องบ้าบออะไรกับมัน
            “เขาไม่เป็นไรหรอกน่า”ผมย้ำอีกที มันก็พยักหน้า คล้ายว่าให้เป็นเรื่องนึงที่ผ่านไป หันไปมองอาเสือก็ส่งยิ้มมาให้ ตัวเองยังนั่งสนทนากับคนเฒ่าคนแก่อย่างออกรส ปล่อยให้อยู่กลุ่มนั้นก็เหมาะกับอาเสืออยู่แล้ว
            “มึงอ้วนขึ้นเปล่าว่ะ”ไอ้โรลถาม เอาแขนมาจับ ๆ นวด ๆ
            “จะไม่อ้วนได้ไงก็มันทะ....แค่ก ๆ ๆ”ไอ้บอลกลับลำทันทีที่เห็นสีหน้าจากผม ไม่ต้องการให้ใครรับรู้นะคือ..อย่างน้อยก็ต้องไม่ใช่ตอนนี้
            “อะไรว่ะ”
            “กูอ้วนแล้วไง...คนเขาอุดมสมบูรณ์ ใครจะผอมอย่างมึง อย่างไอ้นาว”ผมด่ากลับ
            “อ้าว ไอ้เชี่ยอยู่ดีไม่ว่าดี...กูไปเกี่ยวอะไรด้วย!”ไอ้นาวทำหน้าแค้นเคืองใส่
            “ก็มึงผอม”
            “หนักหัวพ่อมึงไหมละจ๊ะ!?”มันด่าแบบแยกเขี้ยวยิ้มให้
            กำลังนั่งคุยเล่นกันหลายคน มีตำรวจป่าไม้มาบอกว่าให้ปิดไฟนอน เพราะมีพวกค้าไม้เถื่อนอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้าน ให้เราห้ามออกไปไหน
            “ใครจะออกว่ะ”ไอ้คิ้วกระซิบ แต่ก็ดี...เหนื่อยเมื่อล้ามาทั้งวัน แยกย้ายกันไปนอน อาเสือจูงมือกลับบ้านพักชของตัวเอง
            “วันนี้เหนื่อยไหม”
            “ก็เหนื่อยทุกวัน”ผมตอบส่ง ๆ เดินนำไปยังที่นอนตัวเอง ไม่ใช่แค่ผมกับอาเสือ อาโชติกับลูกน้องก็เพิ่งคุยกับอาจารย์เสร็จ ไอ้นาว ไอ้โรล ไอ้บอล ก็เดินตามมา ไอ้กอล์ฟ ไอ้ลิงก็อยู่ห้องไม่ไกลกันเท่าไหร่
            “ฝันดีค้าบๆ”ไอ้บอลตะโกนบอกทุกคน แล้วก็ตะโกนบอกฝันดีกันไปมา ผมเข้ามุ้งมานอนประจำที่ของตัวเอง ตรงข้าง ๆ อาเสือ มุดเข้าไปอาเสือก็มุดตาม ลูกน้องอาโชติปิดไฟ แล้วมุ้งไปนอนมุ้งไม่ไกลกัน
            “ไม่สบายหรือไง”ถามเสียงนิ่ง อาเสือหัวเราะข้างหูก่อนกอดแน่นขึ้น
            “แค่อากาศเปลี่ยน กาวไม่ต้องห่วงอาหรอก ห่วงตัวเองกับลูกเถอะ วันนี้ไปเล่นซนมาทั้งวัน”
            “อย่าทึกทักว่าเขาเป็นลูกอาเสือจะได้ไหม”ผมตวาดขึ้น อาเสือจ้องตาลุกวาว
            “แล้วไม่ใช่เหรอ!?”เสียงนิ่งกว่าเดิม
            “ไม่ใช่!”ผมตอบกลับด้วยทิฐิ อาเสือแยกเขี้ยว...ทำสายตาเย็นชา
            “แล้วแต่กาวแล้วกัน จะคิดยังไงก็ตาม...ความจริงก็เป็นความจริงอยู่วันยังค่ำ”ทำเอาเถียงไม่ออก ผมฟึดฟัดนอนดิ้นไม่ยอมให้อาเสือกอดเหมือนเคย
            “กาว!
            “ทำไม!!!!”ยกมือหยิกอาเสือ ทั้งรัวกำปั้นใส่มือหนา อาเสือกำมือผมไว้ได้ทัน เราทำทุกอย่างภายใต้ความมืดและพยายามไม่ให้เกิดเสียง
            “ดื้อนักนะเรา!
            “แล้วจะทำไมละ นี่ ๆ ๆ”ทั้งหยิกทั้งข่วนจนเหนื่อยไปเอง เสียงหอบของอาเสือรดใส่ใบหู ยังรู้สึกร้อนผ่าว
            “เรานี่มัน...จริง ๆ เลยนะ”อาเสือกัดฟันพูด คงจะโมโหมาก แต่ทำอะไรไม่ได้
            “ลูกดูสิ...แม่เค้าดื้อกับพ่อขนาดไหน”
            “ไม่ต้องฟ้องเขาเลย!!!!! เขาไม่ฟังอาเสือหรอก!!!!”เอามือกอดพุงตัวเอง ราวกับปิดหูไม่ให้ในท้องได้ยิน
            “รู้ได้ไงไม่ฟัง...”
            “ไม่ให้ฟัง!!!!”บอกอย่างถือดี อีกคนโอบกอดเอวผมผ่านแขนที่ล็อคเอาไว้อยู่ก่อน
            “ลูกครับ...ทำไงกับคนดื้อดีครับ อะไรนะ...อ๋อ จัดการได้เลย โอเค ๆ”แล้วก็ยื่นหน้ามาหอมแก้มผม แบบเน้น ๆ จนตัวเองเขิน (แต่ทำเป็นรำคาญ) แล้วดันอาเสือออก
            “ออกไปนอนข้างนอกเลยป่ะ!!!!!!”ผมว่า อาเสือหัวเราะพอใจ นอนยื้อแย่งกันอยู่แบบนั้น จนมีแสงไฟฉายส่องเข้ามา
            “คุณโชติครับ”เสียงเรียกของคนแก่ อาเสือหันไปมองมุ้งที่มืดสนิทของอาโชติ แต่คนนอนแล้ว เพราะนิ่งกันเหลือเกิน เสียงเรียกมาอีกหน คราวนี้อาเสือปล่อยมือจากผม แล้วลุกขึ้นนั่ง
            “โชติคงนอนแล้ว ไม่อะไรรึเปล่าครับ”
            “อ่อ คุณเสือ คือว่า...ผมจะชวนคุณโชติไปดูร่องรอยไอ้พวกที่มันเข้ามาลักลอบตัดไม้น่ะครับ”
            “คนไม่พอเหรอ”อาเสือถาม
            “ครับ พ่อเฒ่าบอกว่าไม่ให้เด็ก ๆ ออกไป เลยว่าจะมาขอแรงคุณโชติสักหน่อย แกตัวใหญ่และมีไหวพริบดีน่ะครับ”จะไม่ให้ดีได้ยังไง คนที่ถูกฝึกมาเป็นบอดี้การ์ดแบบอาโชติ ต้องทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว ไม่ว่าจะบุกน้ำ ลุยไฟอะไรก็ตาม ต้องเผชิญได้ทุกสถานการณ์
            “โชตินอนแล้ว ผมไปเองก็ได้”อาเสือบอก ผมตกใจหันมองคนพูดขวับ!
            “อาไปแปบเดียว เดี๋ยวก็กลับ”
            “ไม่!”ผมไม่ให้ไป!!!!
            “กาว...”
            “มีอะไรกันเหรอครับ”อาโชติตื่นมาได้ทันพอดี โดนชักชวนให้ไปช่วย อาโชติก็รับปาก อาเสือยังยืนยันจะไปด้วย เหลือลูกน้องไว้สองคนให้ดูแลผม
            “ถ้าเป็นอะไรไม่ต้องกลับมาเลยนะตายอยู่ที่นั่นเลย!!!”พูดใส่อารมณ์และน้ำตาคลอ เสือก้มลงจูบที่หน้าท้องผมแผ่วเบา
            “อาไม่เป็นอะไรหรอกน่า...แค่ไปดูเฉย ๆ”
            “นั่นแหละ ถ้าเป็นอะไร...ไปนะ ไม่ต้องมาพูดกัน”น้ำตาคลอ
            “ขอบคุณครับ...ที่ห่วงอา”
            อาเสือดื้อ!!!! ห้ามยังไงก็ไม่ฟังหรอก เปลี่ยนเสื้อและรองเท้าก็ไปยืนรอกันข้างนอก ผมไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไป แม้จะส่งก็ตาม เลยเดินเข้าห้องไอ้บอล ไปนอนกับพวกมัน และนึกห่วงอาเสือจนนอนไม่หลับเลย...
            “ไอ้บ้าอาเสือ!!!! ฮึก....”
           
            
COMMENT PLEASE




 รู้สึกเหมือนว่าตอนนี้ยังไม่ได้ดังใจสักเท่าไหร่ ต้องขอโทษ





ด้วยค่ะ  จะพยายามปรับปรุงให้ดีขึ้น




















4 ความคิดเห็น:

  1. โอยย อาเสืออ่ะ ทิ้งกาวไปทำไมเนี่ยะ กาวก็อีกคนกลับไปกับอาเสือได้แล้ว ฮู้ววว์
    ถึงคนเขียน เป็นกำลังใจให้นะคะ

    ตอบลบ
  2. ว่าเค้าดื้อ ที่ไหนได้แมร่งก็ดื้อพอๆกัน ลูกออกมานี่คงอย่างลิง😂😂

    ตอบลบ
  3. ไก่จิกเสืออีกละ555 อาเสือก็โท้นนน ทน กาวนี่มะไรจะเลิกดื้อนะ

    ตอบลบ