วันอาทิตย์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ตอนที่ 17 - ความผิดติดตัว... 100%









ตอนที่ 17 ความผิดติดตัว...


            ผมตื่นมาตอนสัก โมงเช้า เหวี่ยงมือหาร่างอาเสือแต่ไม่มี เอามือตบที่นอนอย่างขัดใจ ทั้งที่รู้ว่าสายป่านนี้อาเสือก็ต้องลุกไปนั่งรอที่โต๊ะอาหารอยู่ก่อนแล้ว

            “ตื่นสาย คุณท่านจะรอนะคะ”น้ำเสียงคุ้น ๆ ผมสะดุ้ง...ตะโกนออกไปลั่น

            “สุดา!!!!!!!!!!!!!!”ลืมตาโพล่งขึ้นมา สุดาจริง ๆ ด้วย ยืนถือผ้าเช็ดตัวแบบนี้ไม่ผิดแน่ ด้านหลังมีแม่บ้านอีกสองคน ผมรีบลุกขึ้น

            “สุดา!!!!!

            “ค่ะ สุดาจริง ๆ รีบไปอาบน้ำแต่งตัวได้แล้วค่ะ คุณท่านรออยู่ห้องอาหารนานแล้ว”ผมยังตื่นเต้นดีใจไม่ได้หาย

            “แล้วสมหมาย”

            “อือ...คิดว่ายังไงละคะ”

            “สวนเหรอ? ไม่ได้ถูกไล่ออกใช่รึเปล่า”สุดาส่ายหน้าเป็นคำตอบ หัวใจผมพองโตอีกครั้ง...

            “บอกแล้วอาเสือไม่กล้าทำหรอก”

            “หึหึ อย่าทำอีกเชียวนะคะ จำไว้เป็นบทเรียนเลย”สุดาทำเสียงดุ เริ่มเข้ามาจัดที่นอน ผมจึงจำเป็นต้องลุกขึ้นส่องกระจกดูสภาพหน้าตัวเองตอนตื่นก่อน

            “แล้ว...อาเสือไม่ได้ไล่ออกจริง ๆ ใช่ไหม แค่แกล้งให้กาวตกใจใช่ไหม”

            “คิดว่าอย่างนั้นเหรอคะ สุดากลัวแทบตาย”

            “ใครจะรู้เล่าว่าอาเสือจะไล่ออกจริง ๆ”

            “นั่นแหละค่ะ อย่าได้คิดทำอีกเชียว...ถ้าโดนให้ออกไม่ใช่แค่สุดาลำบากนะคะ คุณกาวก็จะลำบากเหมือนกัน”

            “รู้แล้วน่า มาถึงก็บ่นเลยนะ...”ผมแกล้งพูด

            “เก็บห้องแล้ว ลงไปช่วยงานข้างล่างซะสุดา นายให้อยู่ต่อแต่ก็ยังมีความผิดกันอยู่นะ”อาโชติเดินเข้ามาพร้อมเสียงดุ ๆ สุดารีบก้มหน้าทำงานของตัวเองต่อไป

            “กาวไม่อยากคุยกับอาโชติหรอก!”ผมสะบัดหน้าหนี

            “ครับ คุณท่านรออยู่...และรออยู่นานแล้ว ถ้าจะให้ดี...ช่วยรีบไปอาบน้ำ วันนี้เราจะไปมหาลัยฯ คุณกาวพร้อมกัน”ทันทีที่อาโชติแจ้งกำหนดการณ์ ทำให้ผมเสียวสันหลังวาบ นึกขึ้นได้ยังมีอีกคดี...ที่ยังไม่เคลียร์ ถ้าอาเสือรู้ว่าโดดเรียนบ่อยขนาดนี้ โดนตีหลังลายแน่ ๆ เลย ทำยังไงดี...!!!!

            ปิ๊ง!!!! ต้องรีบประจบเสียก่อน!!!!!!! ผมรีบกลับไปห้องตัวเอง อาบน้ำอย่างไว ก่อนจะแต่งตัวแล้วลงมาข้างล่าง อาเสือนั่งรอที่ห้องอาหารอยู่ก่อนแล้ว ผมรีบเข้าไปนั่งระหว่างนั้นแม่บ้านก็เสิร์ฟ ข้าวผัดไส้กรอก แต่ผมไม่อยากกินข้าว

            “ไม่มีไข่ดาวเหรอ”ผมถาม อาเสือละสายตาจากช่องข่าว หันมามองผม...แล้วสั่งแม่บ้าน

            “เอาโจ๊กก็ได้ เช้า ๆ กาวไม่ค่อยกินข้าวหรอก”

            “โจ๊กก็ข้าว กาวจะกินแต่ไข่กับไส้กรอก”ผมรีบบอก อุ้ย!!!! ลืมไป...ห้ามขัดใจอาเสือ!!!!!

            “เออ โอเค ๆ กาวจะกินข้าวก็ได้ ไม่ต้องไปทำมาใหม่หรอก”แม่บ้านทำหน้าตื่นตะลึง เพราะได้ตีกันในห้องอาหารแทบทุกครั้งที่เจอหน้า ผมรีบยิ้มหวานให้แม่บ้าน เธอยิ่งตะลึงเข้าไปใหญ่ ทำหน้าอย่างกับโดนผีหลอก ไม่ใช่แค่แม่บ้าน อาเสือถึงกับยื่นมือมาวัดไข้ที่หน้าผาก


            “กาวไม่สบายรึเปล่า ก็ปกติดีนี่...หรือว่าเมื่อคืนฝันร้ายเกินไป”ผมปัดมือออก


            “สบายดีน่า นี่น่ะ...ถ้าไปทำใหม่ก็ต้องเสียเวลา วันนี้กาวมีเรียนเช้า”ผมรีบแก้ตัว อาเสือพยักหน้าพร้อมเบ้ปาก ทำเหมือนไม่เชื่อ

            “งั้นเหรอ ถ้ากาวเป็นแบบนี้ทุกครั้งก็ดี...อาจะได้ไม่ต้องเหนื่อย กับการต้องเถียงกับเราในอาหารทุกมื้อ”

            “บัตเตอร์เค้กกาวอยู่ไหน”ผมมองหา ปกติต้องมีมาวาง...ไม่ว่าผมจะกินหรือไม่ แต่วันนี้ไม่เห็น มีแค่ข้าวผัด นมสดแก้วใหญ่ น้ำเปล่า

            “กินข้าวแล้วจะไม่อิ่มหรือไง”อาเสือหัวเราะ

            “วันนี้นึกอยากกินนี่!!! เอามาให้กาวหน่อย!!!”ผมเรียกหา ไม่นานก็ได้มาสองชิ้น กินข้าวอย่างช้า ๆ ประวิงเวลา (ทั้งที่บอกมีเรียนเช้า) ในสมองกำลังคิดหาทางออก จะทำยังไงดี แกล้งทำเป็นป่วยดีไหม...หรือว่าจะโทรไปนัดอาจารย์ก่อน แต่ต้องโทรไปขอเบอร์จากไอ้บอลนี่ก่อนสิ หรือว่าจะแกล้งบอกให้อาเสือค่อยไปวันหลัง เพราะวันนี้มีสอบ โอ๊ย...

            “อาจารย์มานะ จะว่างตอน 8.30 น. นะครับ ผมนัดเวลาให้เรียบร้อยแล้ว”อาโชติเดินเข้ามาบอกอาเสือ

            “โอเค รีบทานเร็วกาว อาจะไปคุยกับอาจารย์ที่ปรึกษาแล้วอาจจะต้องเข้าพบอธิบดีอีกสักหน่อย”ผมเริ่มเหงื่อแตก คิดฟุ้งซ่านไปแล้ว...ตาย ๆ คราวนี้ตายแน่ ๆ

            “แต่ว่ากาวมีเรียน”

            “หืมกาวก็ไปเรียน ให้อาไปคุยแค่คนเดียวก็พอ”

            “แต่ว่า...อาจารย์เขาไม่มีสอนหรือไง”

            “อาโชติก็บอกแล้วนี่ว่า นัดเวลาไว้แล้ว”อาเสือเอาผ้ากันเปื้อนเช็ดมุมปากให้ ผมขมวดคิ้ว

            “แต่....”

            “ไม่ต้องแต่แล้ว รีบ ๆ ทาน เดี๋ยวได้สายกันพอดี”อาเสือดุ ผมทำปากจู๋...อาเสือก็รีบยกกาแฟดื่ม

            “วันนี้กาวจะไปเตะบอลกับเพื่อนด้วย สุดาได้ซักรองเท้าให้ไหม”ผมหันไปถามสุดา ที่เดินเข้ามาพอดี

            “เอ่อ...คุณกาวไม่ได้บอกสุดาไว้ล่วงหน้านี่คะ”ผมทำหน้ามุ่ยลงทุกที

            “ก็เพิ่งนึกขึ้นได้ ว่าพวกไอ้บอลมันจะไปเตะบอลเย็นนี้ กาวไม่มีรองเท้าเลยสิ ไม่อยากไปเรียนแล้ว”ผมบ่น

            “น้อย ๆ หน่อย คู่นั้นไม่มี ก็ใส่คู่อื่นไปก่อนก็ได้ เอาคู่สีดำแถบเขียวก็ได้”อาเสือหันไปสั่งสุดา

            “กาวไม่อยากใส่คู่นั้น”ผมบอกเสียงอ่อย ๆ

            “งั้นวันนี้ก็ไม่ต้องเล่นสักวันนึง วันนี้เอาไปซักให้เค้าซะนะสุดา”

            “ค่ะ”

            “อาเสือ พากาวไปซื้อก่อนไปเรียนไม่ได้เหรอ...”

            “หึหึ แค่นี้จะให้อาซื้อให้ใหม่เลยเหรอ?

            “นะ ๆ อาเสือ คราวที่แล้วแฟนไอ้โรลมันซื้อรองเท้าให้อย่างดี มันเลยเตะดีทำประตูได้ตั้ง 3-0 กาวแพ้ราบคาบ เหนื่อยก็เหนื่อย แถมพวกมันยังทับถมอีกด้วย”

            “เล่นดีไม่เห็นจะเกี่ยวกับรองเท้าตรงไหน?”อาเสือหัวเราะ ทุกคนในห้องก็ด้วย

            “เกี่ยว!”เผลอเสียงดังใส่อาเสืออีกแล้ว ดีที่อาเสือไม่ได้ถือสา กลับลุกขึ้นยืน

            “เอาคู่สีดำนั่นแหละ สุดา ใส่ถุงแล้วเอาไปไว้ที่รถเลย อาจะไปรอที่รถนะ...ทานให้อิ่ม ไว ๆ”อาเสือเดินออกไปแล้ว ทิ้งให้ผมนั่งหายใจฟึดฟัดในห้องอาหารเพียงลำพัง สุดท้ายสุดาเดินเข้ามาหา

            “จะทานอะไรเพิ่มไหมคะ”

            “สุดา ช่วยหน่อยสิ...อาเสือไปมหาลัยฯ คราวนี้ตายแน่ ๆ”

            “จะให้ช่วยยังไงละคะ ลองโทรไปหาเพื่อนคุณกาวดีไหม”

            “เออ ใช่”ผมรีบกดโทรศัพท์โทรออก แต่อาโชติดันเดินเข้ามาตามขัดจังหวะ เลยจำต้องวางสายไป กินไม่ลงแล้ว หยิบเค้กบัตเตอร์ใส่กระเป๋า แล้วเดินออกไปที่รถ

            “อาเสือ”ผมเรียก และอาเสือหันมามอง

            “กาวอยากกินน้ำเต้าหู้แถวมหาลัยฯ ให้อาโชติแวะไปก่อนได้รึเปล่า”

            “ไว้วันหลังเถอะ”อาเสือพูดเรียบ ๆ แล้วจับมือผมไปวางบนตัก

            “มือกาวเย็นมาก”

            “เอ่อ...กาว กาวเป็นผีมั้ง”ผมเล่นมุกเห่ย ๆ เท่าที่สมองจะคิดได้ อาเสือหัวเราะเบา ๆ

            “เวลาตื่นเต้นมือกาวจะเย็น”รู้ทัน!!!! ผมชักมือออก

            “เปล่าซะหน่อย”แกล้งหันไปมองนอกหน้าต่าง มองวิวสองข้างทางไปเรื่อย ๆ แต่ความคิดฟุ้งเป็นบ้าไปแล้ว คนเคยทำผิดจะรู้ความรู้สึกแบบนี้ดี มันจะกังวลคิดไปต่าง ๆ นานา จะทำยังดีว้า...จะทำยังไงดี สมองคิดอยู่แค่นี้ จนคนขับรถเลี้ยวเข้ามาในรั้วมหาลัยฯแล้ว ยังไม่รู้ตัว

            “กาว”

            “อ่อ ฮะๆ”

            “อาเรียกหลายทีแล้ว เป็นอะไรนะเรา!”ทำเสียงดุ ๆ ผมยิ้มเจื่อน ๆ

            “อาเสือ ไปดูห้องเรียนกาวก่อนนะ ชมรมก็ได้...ครั้งที่แล้วอาเสือบริจาคเงินให้ชมรมตั้งเยอะ พี่กาวใหญ่ที่เป็นประธานยังไม่ได้พูดขอบคุณอาเสืออย่างเป็นทางการเลย”ผมเร่งชวน อาเสือเอามือลูบผมเบา ๆ

            “ไม่สำคัญอะไรหรอก”กรรม...อาเสือไม่ตามน้ำ

            “เออ อ่อ...อาเสือ”

            “มีอะไรปิดบังอาอยู่ใช่ไหม”อาเสือถามตรงประเด็น ผ่าง!!!! ผมนั่งหลังตรงโดยอัตโนมัติ ทำหน้าตาขึงขัง!!!!

            “เปล่าซะหน่อย”

            “งั้นก็ดี ไปเรียนได้แล้ว...เดี๋ยวอาจะอยู่จนกาวเรียนเสร็จ”

            “แล้ว...ไม่ไปทำงาน?

            “วันนี้ตอนเย็น เราต้องไปงานด้วยกัน”ผมกลืนน้ำลายดังเอือก ทำไมวันนี้มันหลายเรื่องจังฟ่ะ!!!!

            “ไปได้แล้ว...มีอะไรโทรมาหาอานะ ช่วงโชติตามไปดูแลกาวไป”

            “เอ๋!!!!! ไม่ต้องๆ ๆๆๆ”ผมรีบห้าม “อาโชติไปกับอาเสือเถอะ กาวเดินไปเองได้ นั่น!!!! เพื่อนกาวมาแล้ว นาว!!!! นาว!!!!! .....กาวไปก่อนนะ”ผมรีบถือกระเป๋าตัวเองลงมา ไม่ได้ยินเสียงอาโชติไล่ตามหลังว่าลืมรองเท้า และไม่ได้หันกลับไปมองอีก

            มะนาวมันกำลังจะขึ้นห้องเรียน มองผมอย่างงง ๆ ที่ผมตะโกนเรียกมัน ตามันโต ๆ แป๋วน่ารักดี แต่งตัวมาเรียนแค่นี้ มันยังแต่งได้แบบน่ารัก ใคร ๆ ก็มองมันตั้งแต่เดินเข้ามา แต่เจ้าตัวเดินหน้านิ่งไม่คุยกับใคร ทำเหมือนเบื่อโลก ผมรีบวิ่งเข้าไปหา พร้อมหอบแฮ่กเล็กน้อย

            “กูกับมึงสนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่ว่ะ”มันถามออกมาคำแรก ปากสวย ๆ นั่นถ้าไม่ติดคำหยาบแรกที่ทัก ก็คงจะน่ารักกว่านี้ มันทำหน้านิ่ง ๆ มองผมหัวจรดเท้า

            “คนสวยขี้หงุดหงิดจังว่ะ”ผมแกล้งแซว

            “ไปไกล ๆ กูเลยไป๊!!!!”แล้วมันก็กดลิฟท์ไม่ให้ผมขึ้น แต่ไม่คิดจะขึ้นไปอยู่แล้ว ผมต้องรีบไปหาอาจารย์ก่อนที่อาเสือจะไปถึง รีบวิ่ง ๆ ใช้ทางลัด จนถึงหน้าห้องอาจารย์ที่ปรึกษา แต่ว่าอาจารย์ไม่อยู่ที่นี่ ผมใช้โทรศัพท์โทรไป แต่อาจารย์ก็ไม่รับสาย โทรอีกก็ตัดสายผมทิ้ง

            “เฮ้ยไม่ขึ้นเรียนเหรอว่ะ”เจอไอ้โรลผ่านมาพอดี

            “ไอ้บอลไปไหนว่ะ!!!!!”ผมรีบถามกลับ

            “มันไปเวียดนามกับครอบครัวมัน นี่มันไม่ได้บอกเหรอ”ผมส่ายหน้า ปวดหัวสุด ๆ ทำไมต้องไปวันนี้ด้วยเนี่ย!!!!!

            “มันไปทำอะไร”

            “ก็เห็นมันบอกว่าน้าแต่งงานนะ เมื่อเช้ามันยังแวะเอางานมาฝากกูส่งอยู่เลย”ไอ้โรลบอก

            “โธ่เว้ยกูตายแน่ ๆ วันนี้อาเสือมาคุยกับอาจารย์มานะ เรื่องที่กูขาดเรียน”

            “พ่อมึงก็รู้แล้วใช่เหรอไง”

            “เออ ส่วนนั้นอ่ะรู้...แต่ไม่รู้ว่าขาดเยอะกว่าที่แจ้ง กูตายแน่ ๆ”

            “ซวยละ แล้วมึงจะเอายังไง”ไอ้โรลทำหน้ายุ่งยาก

            “กูต้องหาตัวอาจารย์ก่อน ยังไงก็อย่าให้อาเสือเจอกับอาจารย์เป็นดีที่สุด”

            “เหอะ ๆ เขาไม่เจอกัน เขาก็โทรคุยกันเว้ย!!!!!!”คำพูดไอ้โรลทำเอาฝันของผมดับวูบ อยากจะเป็นลมตรงนั้น แล้วค่อยตื่นมาตอนอาเสืออารมณ์ดี

            “ไป ๆ ขึ้นห้องเรียน ทำตัวเป็นเด็กดีก่อนจะถูกพ่อมึงฆ่า!”ไอ้โรลหัวเราะที่เห็นผมหน้าซีดซะได้ หัวใจมันแห้งเหี่ยวไปหมด จริงอย่างมันว่า...ถึงไม่เจออาจารย์ยังไงก็โทรคุยกันได้อยู่ดี



            เลิกเรียนตอนบ่ายกว่า ๆ ผมยังไม่ได้กินข้าวเที่ยง เพราะเข้าเรียนติด ๆ กัน ไอ้โรลแยกไปห้องซ้อมดนตรี ส่วนตัวเองก็เข้ามานั่งในรถตัวลีบ กลับบ้านพร้อมอาเสือ นั่งนิ่ง...ไม่ยอมพูดจาเลย ทำเอาผมอึดอัดตลอดทางกลับบ้าน ในหัวพยายามนึกเรื่องที่อยากพูด แต่มันนึกไม่ออก

            “บอกป้าชื่นตั้งโต๊ะอาหารเลย ส่วนกาว...ไปเปลี่ยนเสื้อแล้วมาคุยกับอาก่อน”

            “คุยก่อนไม่ได้เหรอ อ่า..ก็ได้”ผมบอกเสียงเบา เมื่อเห็นหน้าอาเสือ สุดาถอยเลี่ยงไปขึ้นไปรอบนห้อง ผมวางของแล้วปิดประตู เพราะไม่มีคนตามขึ้นมาอีก

            “เป็นยังไงคะ”

            “เดาสิ”

            “ก็คงไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่”

            “อาเสือเงียบไปเลย เหมือนพายุใหญ่กำลังจะมา”ผมบอก รับเสื้อจากสุดามาเตรียมไปเปลี่ยนในห้องน้ำ

            “ถ้าคุณท่านต่อว่ามา ก็ต้องอดทนนะคะ....อย่าไปเถียงเด็ดขาด มีประสบการณ์แล้ว....”สุดาเตือน

            “จะกลั้นให้ถึงที่สุด”ผมบอก แล้วรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าลงมาหาอาเสือ ทีแรกอาโชติจะอยู่ด้วย แต่อาเสือก็ให้ไปดูข้างนอก ตอนนี้มีสัตวแพทย์มาฉีดยาให้สัตว์เลี้ยงในบ้าน ยกเว้นไอ้ตาล

            “อาเสือ กาวอยากกินบานาน่าโตเกียว ที่อาเสือซื้อมาจากญี่ปุ่นอีก ถ้าไปคราวนี้ซื้อมาฝากกาวด้วยนะ”ผมรีบอ้อน อาเสือไม่ตอบ วางกระดาษลงบนโต๊ะแล้วมองหน้าผม

            “ไม่เข้าเรียน ไปไหนมา...”

            “..................................”เงียบสิครับ

            “อาจารย์มานะ บอกว่าเดือนที่แล้วเห็นหน้ากันนับครั้งได้ ทั้ง ๆ ที่อาโชติไปส่งกาวทุกวัน ทำไมไม่เข้าเรียน?”อาเสือทำเสียงเข้ม ผมหน้าเสียไปแล้ว

            “..................................”

            “ความเงียบของกาวจะเริ่มทำให้อาโมโห”

            “อาเสือ..!!”ผมหน้างอ

            “หรือต้องให้ทำโทษคราวนี้ให้เลิกคบกลุ่มเพื่อนกลุ่มนี้ดีไหม...พากันไปสร้างแต่เรื่องอะไรก็ไม่รู้ ไม่เห็นจะสร้างสรรค์”

            “อืออออออ!”จับแขนอาเสือเขย่า

            “ทำไมต้องพูดแบบนั้น!!!!”ผมร้องบอก

            “ก็กาวพูดไม่เคยฟัง แล้วที่นี้จะทำยังไง อีกไม่กี่เดือนก็จะออกฝึกงานแล้ว เกรดเราตอนนี้เท่าที่อาจารย์ลองคำนวณมาให้มันก็อยู่ในขั้นย่ำแย่มากที่เดียว บอกอาหน่อยจะทำยังไง”

            “ต่อไปนี้จะไม่ขาดแล้วน่า อย่าด่ากาวเลยนะ นี่ก็เครียดไม่รู้จะทำยังไงแล้ว”ผมโอดครวญ

            “ถึงว่าสิ วันนี้อ้อนให้อาทำโน่นทำนี่แปลก ๆ เพราะมีความผิดติดตัวนี่เอง”

            “ก็อาเสือโหดจะตาย วันนี้กาวไม่ดื้อไม่เถียงแล้วไง...อาเสือไม่ดีใจเหรอ”

            “เฮ้อ เรานี่นะ...ถ้าขืนเป็นแบบนี้ โดนรีไทร์คงโทษใครไม่ได้ อาก็จะไม่ช่วยเราด้วย”

            “จะปล่อยให้กาวโดนไล่ออกหรือไงล่ะ!!!!”ผมเสียงดังใส่อย่างลืมตัว

            “ก็อาถึงบอกให้ตั้งใจหน่อยไง!!!

            “..........................................”งอนอาเสือละ จะด่าอะไรซ้ำซากนักหนา ตอนนี้มันก็เครียด ๆ อยู่แล้ว อาเสือก็ไม่เคยให้กำลังใจเลย ผมเอามือจิกหมอนแน่น

            “อาจะไม่พูดแล้วนะ ถ้าโดดอีกคราวนี้...อาจะให้ออกเลย”

            “.........................................”

            “กาว.....หันหน้ามาหาอา”

            “..........................................”

            “กาว....”อาเสือเรียก

            “กาวเกลียดอาเสือ จะเกลียดให้มากขึ้น  ๆ”

            “อย่ามางี่เง่าไม่มีเหตุผล”

            “กาวรู้ว่าตัวเองผิด อาเสือไม่ให้กำลังใจเลย! มีแต่ด่า ๆ”

            “ก็กาวทำผิดจริง ๆ นี่ อาก็แค่ตักเตือน...ให้กาวเข้าใจสถานการณ์ของตัวเองตอนนี้ จะมาทำเล่น ๆ ไม่ได้ อีกหน่อยก็ต้องกลายไปเป็นคนทำงานแล้ว กาวต้องรู้จักรับผิดชอบตัวเอง”อาเสือจับแขนผมเอาไว้

            “เฮ้อ...โอเค ๆ ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว หันหน้ามาหาอา”อาเสือบอกเสียงเข้ม ผมบิดแขนตัวเองออกก่อนจะหันหน้าไปกอดอาเสือ แล้วเอามือทุบที่หน้าขาอา

            “เกลียดอามากไหม”อาเสือถาม

            “มาก”

            “เด็กดื้อเอ้ยมีเรื่องให้อาปวดหัวไม่เว้นแต่ละวัน”อาเสือร้องบอก จับคางผมเชิดขึ้นแล้วจูบแผ่วเบา ริมฝีปากแตะกันพอนุ่มนวลแล้วผละออก

            “ไปทานข้าวได้แล้ว แล้วถ้ามีเรื่องอะไรขึ้นมาอีก อาจะลงโทษสถานหนักสำหรับกาว เข้าใจไหม”

            “อืออออออ อย่าพูดแบบนั้น!”ผมร้องบอก

            “ถ้าไม่คิดจะฟังกันบ้างก็ลองดู”

            “อาเสือใจร้ายกับกาว!!!!”ผมทำเสียงสะบัดตอบ อาเสือกดจูบอีกหน

            “อาใจร้าย เพราะผลประโยชน์ของกาวทั้งนั้น! อย่าทำให้อาต้องโมโห...เข้าใจไหมกาว”

            “คิดว่าอาเสือโมโหเป็นคนเดียวหรือไง กาวต้องบอกอาเสือว่า...อย่าทำให้กาวโมโหเหมือนกันนั่นแหละ กาวน่ะอาละวาดเก่งไม่แพ้อาเสือหรอก!!!!”ผมได้ทีคุยโอ่ทับ อาเสือกอดผมแน่นมากทีเดียว

            “ทำไมกับอาดื้อจัง...”อาเสือบ่นเบา ๆ

            “กาวอยากดื้อแค่กับอาเสือ”ผมบอก อาเสือกัดจมูกผมน่ะ!!!! รีบผลักอาเสือออก เอามือจับจมูกตัวเอง

            “กาวเจ็บนะ!!!!!!!”ผมร้อง อาโชติวิ่งเข้ามาหน้าตาตื่นหลังจากที่ได้ยินเสียง ทำเอาผมอายอีกรอบ อาเสือก็ไม่ว่าอะไร ได้แต่นั่งหัวเราะน่าหมั่นไส้!

            “ไม่มีอะไรหรอก ไปพักผ่อนเถอะช่วงโชติ”อาเสือสั่ง

            “ครับ”

            “ลุกออกไปทานข้าวได้สักทีนะ...อาหิวจะตายแล้ว”อาเสือบ่นอีกที ก่อนจะพากันเดินไปห้องอาหาร

__________________________________________

            ผมโทรหาไอ้บอลไม่ติดเลย มีแต่ไอ้โรลที่โทรมาถามว่าเป็นอะไรไหม ผมบอกมันไปว่าทุกอย่างยังโอเค กูยังมีชีวิต มันหัวเราะก่อนจะวางสายไป สุดากำลังวุ่นวายกับหัวผมอยู่ หลังจากที่ปลุกปล้ำผมให้นั่งตัดผมอยู่นาน

            “สั้นไหมคะ เอาขึ้นอีกไหม”

            “แค่นี้ยังไม่สั้น!?!?!??!?!”โอ้มายก๊อด!!!!!! จะเอาให้เห็นติ่งหูเลยไหม!!!!!!

            “แบบนี้ก็น่ารักดีค่ะ คุณกาวหน้าสวย...ทำทรงไหนก็เข้า”คำชมรึเปล่า ผมนั่งเล่มเกมส์ตลอดเวลา เสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงอาบน้ำแต่งชุดสูทที่ได้ไปตัดมา คืนนี้ต้องออกงาน สุดาคอยช่วยแต่งตัวให้เพราะว่ามันมีหลายชั้น

            “อึดอัด”

            “คับเหรอคะ อึดอัดตรงไหนคะ”

            “อึดอัดที่มันมีหลายชั้น”ผมบอก ทำหน้ายุ่ง...

            “ทนหน่อยนะคะ มาคะ...ให้พี่อูติดกระดุมให้”สุดาหันไปสั่งพี่แม่บ้านอีกคน ผมก็ยืนนิ่ง ๆ จนกระทั่งเสร็จเรียบร้อย หัวจรดเท้า

            “โห...เท่ห์สุด ๆ เลยค่ะ ดูเป็นหนุ่มน้อยที่น่ารักมาก”สุดาเอ่ยชม ทำให้ผมแอบดีใจ จะยิ้มก็ไม่ยิ้ม มองตัวเองในกระจก ก็เห็นผู้ชายเท่ห์ ๆ คนนึงยืนอยู่ตรงนั้น

            “คืนนี้คงไม่มีใครหล่อกว่าคุณกาวแน่ ๆ เลยค่ะ”เริ่มยอมากขึ้น แต่ก็ทำให้ผมมั่นใจขึ้นมากกว่าเดิม สุดาดึงเสื้อให้เข้ารูปเรียบร้อย ก่อนจะปล่อยให้ผมเดินลงมาข้างล่าง อาเสือนั่งรออยู่นาน ผมค่อย ๆ ก้าวขาลงเบา ๆ รู้สึกอายอาเสือขึ้นมา ปกติไม่ค่อยแต่งตัวแบบนี้สักเท่าไหร่

            แอบพิจารณาอาเสือก็ใส่เสื้อสีเข้ม สีเดียวกับผม เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายเข้าชุดกันกับของผม ไม่ว่าจะเป็นกระดุม หรือกระเป๋า แต่อาเสือใส่แล้วก็ดูดีกว่าผมอยู่มากทีเดียว!!!!! อะไรอ่ะ!!!!!! ทำไมต้องมาใส่แบบเดียวกันก็ไม่รู้!!!!

            อาเสือหันมามองพอดี ถูกสายตาเข้ม ๆ จ้องค้างนาน ก็ทำเอาเขินไม่น้อย ผมยกมือเกาหัวด้วยความเก้อเขินเล็กน้อย อาเสือลุกขึ้นมายืนตรงหน้า ส่วนคนอื่น ๆ ก็หนีหน้าไปทำหน้าที่ของตน ยิ่งยืนขึ้นอาเสือยิ่งตัวสูงดูดี ผมยืนอยู่บันไดขั้นสุดท้าย ยังไม่ก้าวลงมา แต่อาเสือมายืนตรงหน้าแล้ว

            “จุ๊บ กาวของอา...น่ารักมาก”อาเสือยิ้มพอใจ

            “กาวก็น่ารักอยู่แล้ว”ผมบอกแก้เขิน

            “แต่วันนี้น่ารักกว่าปกติ หลานอาโตเป็นหนุ่มแล้วจริง ๆ”อาเสือพูดเหมือนพึมพำ

            “อาเสือก็ดูดีเหมือนกันละน่า แต่น้อยกว่ากาว”ผมบอกพร้อมหัวเราะ อาเสือถือกล่องเล็ก ๆ มาด้วย พอเปิดออกเป็นนาฬิกาเรือนหรู จับมือผมและใส่ให้

            “เรือนนี้อาให้ยืมก่อน ถ้าทำตัวดี...อาถึงจะให้”

            “ไม่ให้กาวก็จะเอา เพราะมันอยู่บนข้อมือกาวแล้ว”ผมชูมือขึ้นสูง อาเสือยิ้มและยิ้ม

            “เป็นเด็กดีของอา...”

            “จูบกาวหน่อย”ผมร้องบอก อาเสือก็ทำตาม จนผมแทบลืมไปว่าเรายืนอยู่กลางบ้าน

            “สุดาทาลิปมันอะไรให้”

            “ไม่รู้ กาวไม่ชอบกลิ่นมัน อยากเอากระดาษเช็ดออกให้หมด”อาเสือปัดมือผมทิ้ง

            “อาชอบ...กลิ่นแอปเปิ้ลใช่ไหม จุ๊บ...อาชอบก็พอแล้ว”อาเสือบอก จนผมหน้าแดง เขินตลอดทางที่ถึงงาน
 


            งานเปิดตัวชิ้นส่วนธุรกิจยานยนตร์ เป็นงานที่จัดภายในโรงแรมหรูกลางกรุงฯ ที่นี่จะรวมนักธุรกิจและไฮโซชื่อดังมากมาย มีทั้งลูกหลานคนมีตังค์ก็จะรอมาเปิดตัวกันที่งานนี้ มันกึ่ง ๆ งานการกุศล เพราะมีการระดมเงินทุนเพื่อไปบริจาคให้แก่เด็กยากไร้ตามต่างจังหวัด ผมถึงบอกไง...ว่างานนี้มีแต่พวกใส่หน้ากาก

            อาเสือเองก็บริจาคไปไม่น้อย ในนามชื่อของบริษัท จิตใจฝักใฝ่ทำกุศลรึเปล่าผมไม่ทราบ แต่พอรู้ว่าเงินส่วนนี้เอาไปลดหย่อนภาษีได้ แถมอาเสือยังได้หน้า บริษัทเป็นที่จดจำ

            “สวัสดีครับ”

            “อ้าว สวัสดีครับ กาวนี่...คุณสามารถ เป็นเจ้าของบริษัท เอ็กซ์เจริญ นี่กาวครับ หลานชาย”อาเสือแนะนำ ผมยิ้มน้อย ๆ พร้อมยกมือไหว้

            “ตามสบายนะครับ หนูเอาเครื่องดื่มมาเสิร์ฟแขกหน่อย”พนักงานชายเดินถือเครื่องดื่มมา อาเสือเลือกน้ำโซดาให้ผม และตัวเองก็ถือแก้วแชมเปญ

            บทสนทนาส่วนใหญ่น่าเบื่อและเริ่มมีคนเข้ามาหาอาเสือเยอะขึ้น ผมซึ่งขี้รำคาญอยู่แล้ว ถึงถอยร่นไปยืนอยู่ไกลออกมา เห็นคนของอาเสืออย่างอาโชติและอานัยก็ปะปนอยู่ภายในงานด้วย

            “เด็กน้อยที่ไหนมายืนถอนหายใจตรงนี้นะ”ผมเงยหน้ามองตามเสียง

            “พี่พต!!!!!!

            “พี่ไม่คิดว่าจะเป็นกาวเลยนะ มากับคุณสรนัฐเหรอ”พี่พตถาม

            “อือ อาเสืออยู่นั่น”ผมชี้มือบอก อาเสือหันมามองก่อนจะหันหน้าไปคุยต่อ

            “เราเลยเหงาสิ ถูกปล่อยให้ยืนคนเดียว”

            “ก็คงงั้น พี่พตมากับใคร”ผมถาม

            “คนเดียว”

            “โห...ออกงานคนเดียว จะหล่อคนเดียวว่างั้น”ผมได้ทีแซวพี่พตใหญ่ พี่พตหัวเราะ

            “ตอนนี้มีคนแย่งหล่อซะละ ถ้ารู้ว่ากาวมางานนี้ด้วย พี่คงไม่ใช่ชุดสีนี้มา มันดูเสร่อยังไงไม่รู้เนอะ”ผมหัวเราะคิก มองพี่พตหัวจรดเท้า

            “พี่พตก็เท่ห์ดี แต่น้อยกว่ากาว”ผมบอก

            “เราน่ารักต่างหาก”พี่พตแก้ ยื่นมือจะจับหัวผม แต่ผมชะงักและเบี่ยงตัวออกหลบเสียก่อน

            “ไปเดินเล่นกันไหม...”พี่พตถาม ผมจ้องหน้าก่อนจะหันไปมองอาเสือ หันว่ายังคุยติดพันอยู่จึงตอบตกลงพี่พต ไม่ได้ไหนไกลหรอก แค่ระเบียงตรงนั้นนั่นเอง หลุดออกมาจากห้องงานได้ผมก็หายใจโล่งขึ้น

            “วิวสวยจัง”ผมบอก ทุกอย่างตรงหน้ามืดไปหมด มีแสงไฟเป็นจุด ๆ วิบวับ เหมือนแสงของดาว

            “อยู่กับเขา ได้ไปไหนบ้างรึเปล่า”พี่พตถาม

            “ไปสิ คิดว่าอาเสือจะห้ามกาวได้เหรอ”ผมตอบ

            “อือ ก็ดี....”คำตอบสั้น ๆ ไม่รู้ว่าพี่พตคิดอะไรอยู่ ทำเอาผมเงียบตามไปบ้าง

            “กาว...ถ้าพี่มีเรื่องอยากจะขอร้องอะไรกาวสักอย่างทำได้ไหม”พี่พตพูดขึ้นทำให้ผมมองหน้า

            “.....................................”

            “บริษัทของครอบครัวเราไง...กาวก็รู้ตอนนี้ ไอ้...เอ่อ คุณสรนัฐถือหุ้นเกือบครึ่งนึง พี่อยากจะเอากลับมาเป็นของครอบครัวเราต่อ แค่กาวเซ็นทุกอย่างลงสัญญาฉบับนี้ซะ ทุกอย่างก็จะเรียบร้อย บริษัทที่อาม่านรักไง...กาวยังจำได้ไหม”พี่พตถาม ไม่รู้ว่าเขาถือเอกสารมาด้วยตอนไหน แต่ตอนนี้มาอยู่ในมือผมแล้ว ผมรับมาอย่างงง ๆ รู้สึกว่าอาเสือจะเคยพูดถึงเรื่องนี้แล้ว และผมก็จำได้ว่าตัวเองยังไม่ได้เซ็นหุ้นของตัวเองขายให้ใคร

            “พี่ขอแค่นี้”พี่พตบอก ยกมือลูบแก้มผมเบา ๆ

            “ตะ แต่ว่า....”

            “อาม่านต้องดีใจแน่ ๆ ที่กาวทำให้ครอบครัวเรามีความสุขอีกครั้ง”พี่พตย้ำคำเดิม

            “แต่......”

            “หึหึ ดูหน้าคุณสรนัฐของกาวสิ เขามีความสุขกับสมบัติเรามานานแล้วนะ...จะปล่อยคนแบบนี้ไปงั้นเหรอ พอได้อีกเขาก็ไม่หยุดหรอก เมื่อไหร่ที่ใจโลภ...อะไรก็ไม่เคยพอ”เสียงพี่พตดังก้องในหู

            อาเสือกำลังถูกห้อมล้อมไปด้วยสาว ๆ มากมาย ทั้งสาวเล็ก สาวใหญ่ บ้างก็มากับแม่...ให้เข้ามาทำความรู้จักกันอาเสือ โดนโปรยเสน่ห์ขนาดนั้น...อาเสือยังยิ้มกว้างจนน่าหมั่นไส้

            “ออกมาทำอะไรตรงนี้ครับ”เสียงอาโชติเดินออกมาตาม ผมยัดกระดาษของพี่พตใส่เสื้อด้านใน

            “อากาศเย็น เดี๋ยวจะไม่สบายเอานะครับ”อาโชติบอกอีกหน

            “แค่คุยกับพี่พต ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”ผมแก้ต่าง

            “เอาไว้โทรคุยกันนะพี่พต”

            “อือ พี่หวังว่าจะเป็นข่าวดี”พี่พตตอบ ผมพยักหน้าเดินผ่านทุกคนในงานอย่างรวดเร็ว ก่อนชะงักเท้าเพื่อหยุดมองอาเสือ ชอบใช่ไหมละ!!!!!!!!! อยู่กับผู้หญิงเยอะ ๆ แบบนั้น!!!!!!!!!!!!!!!!!!

            “มาแล้วเหรอ อาจะแนะนำ.........”

            “กาวจะไปรอที่รถ อยากกลับบ้านแล้ว!!! ง่วง!!!!!”ผมตัดบทไป ทำเอาทุกคนนิ่งอึ้งทำหน้าเจื่อน ๆ ตัวเองไม่สนใจหรอก สะบัดหน้าเดินหนีมาที่รถ โดยมีอาโชติเดินตาม

            นั่งในรถสักแปปเดียวอาเสือก็ออกมาตาม ขึ้นมานั่งข้าง ๆ กัน อาโชตินั่งประจำที่และคนขับก็ด้วย

            “ลงไปก่อนช่วงโชติ ฉันจะคุยกับกาว”อาเสือทำเสียงนิ่ง

            “ครับ”

            “ไม่คุย ไม่ต้องลง!”ผมร้องห้าม แต่อาโชติไม่ฟัง ทั้งสองคนลงจากรถไป ไปยืนห่างจากตัวรถพอสมควร เห็นอานัยเดินมาคุยอะไรกันก็ไม่รู้ รถอานัยจอดอยู่ห่างออกไปอีก

            “เป็นอะไร!?!?!”อาเสือถามเสียงนิ่ง ๆ

            “...............................”ผมไม่ตอบ

            “กาว...”โดนอาเสือตะคอก ผมเลยยกมือขึ้นจะทุบอาเสือ

            “ก็อาเสือน่ะ!!!!!!!!!! ฮึ่ย!!!!!!!!!!!!

            “อาทำไม!?

            “อาเสือชอบใช่ไหม คุยกับผู้หญิงคนอื่นเยอะแยะ อิพวกคุณนายพวกนั้นก็เหมือนกัน ชอบเอาลูกหลานมาเสนอหน้า กาวเกลียดที่สุด!!!

            “พูดจาให้เพราะกับอา!

            “ไม่อยากพูด!!!!!!! เกลียด ๆ บอกแล้วว่าไม่อยากมา!!!!

            “กาว!!!

            “ไม่ต้องมาจับ...ไปไกล ๆ กาวเลย!!!!

            “กาว!!!!!



  
























COMMENT PLEASE



ขอบคุณที่อ่านและคอมเม้นค่ะ ^^


http://my.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=1051149