วันอังคารที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ตอนที่ 26 จะยังไงดี? 100


ตอนที่ 26



ตอนที่ 26 จะยังไงดี?

            “เป็นยังไงบ้างครับ”เสียงแรกที่เรียก ทำให้ผมค่อยหันมอง สายตาปรับสภาพรับแสง ก่อนจะเห็นหน้าอาโชติลอยมา

             “เขา...เขายังอยู่ไหม”เป็นคำที่ผมพูดขึ้นหลังจากได้สติ

             “ใจเย็น ๆ นะครับ”อาโชติร้องบอกอีก

            “อยู่ไหม...”ผมร้องถามออกไปอีก อาโชติจับมือผมเอาไว้ อยากลุกขึ้นแต่ทำได้ไม่ค่อยดี อาโชติกดไหล่นอนลงไปอีก ก่อนจะพูดออกมาเสียงดัง

            “ใจเย็น ๆ นะครับ อย่าเพิ่งลุก”

            “อยู่ไหม ๆ เขาอยู่ไหม...”ผมร้องถาม น้ำตาพรั่งพรู อยากทุบตัวเองให้สมกับความโง่เง่า เรื่องแค่นี้ก็ไม่ระวังตัว ถ้าเขาไม่อยู่ผมจะต้องเสียใจมากถึงมากที่สุดแน่ ๆ

            “อาโชติ!!!!!”ผมตวาด ทำไมไม่ตอบสักที!!!!

            “อยู่....”คำตอบที่อยากได้ มาจากคนที่เข้าประตูมาใหม่ ผมหันไปมองทันควันก่อนจะเบิ่งตากว้างขึ้น อาเสือเดินหน้าพร้อมสีหน้านิ่ง

            “อะ อาเสือ”ผมครางออกมา

            “ออกไปจัดการเรื่องหมอให้ที”อาเสือสั่งอาโชติ สายตาคมเข้มจับจ้องมาที่ผมไม่วางตา

            “ครับ...”ผมนั่งนิ่งอยู่กับที่หลังจากอาโชติออกไป ไม่อยากมองหน้าอาเสือ

            “ทำไมไม่บอกอา”คำถามแรกออกมา อาเสือเดินเข้ามาใกล้

            “.........................................”

            “กาว”

            “.........................................”ผมกำเสื้อตัวเองแน่น ยังไงก็ไม่ให้เด็ดขาด ในนี้เขายังอยู่กับกาว เป็นของกาวคนเดียว

            “อาขอโทษ...”อาเสือดึงผมเข้าไปกอด และจูบที่ขมับ ผมดันอาเสือออกอย่างรำคาญ ก่อนจะทั้งหยิกหน้า ทั้งตบแก้ม ทั้งรัวหมัดใส่ อาเสืออยู่เฉยไม่ปัดป้อง

            “ฮึก ๆ ออกไป!

            “กาว”

            “บอกให้ออกไปไง!!!!

            “อย่าออกแรง เดี๋ยวกระเทือนลูก”อาเสือร้องเตือน และเป็นคำที่ทำให้ผมชะงัก ไม่กล้าแม้แต่จะร้องไห้ ไม่มองหน้าอาเสือ อีกคนก็จับแขนผมลูบ ๆ ในใจก็คิดว่ากล้าดียังไงเรียกเขาวะ ว่า...ลูก เขาเป็นของกาวแท้ ๆ

            “เขายังอยู่ แต่หมอบอกว่าถ้ากาวล้มแรงกว่านั้นอีกนิดเดียว เขาอาจจะไปก็ได้”

            ชาวาบตั้งแต่หัวจรดเท้าเกือบไปแล้ว...

            “อามารับ กลับบ้านเรานะ”

            “ไม่”ผมรีบตอบ

            “กาว จะอยู่ให้ได้อะไร...ลูกต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ ออกไปตากแดดตากลมมันไม่ดีเลย”

            “อาเสือจะมายุ่งอะไรด้วย นี่ลูกกาว กาวจะทำอะไรมันก็เรื่องของกาว”ผมบอก

            “กาว!

            “ทำไมจะตบอีกเหรอ!?!”น้ำตาไหลเอง ไม่มีเสียงสะอื้นอีกต่อไป ผมเข้มแข็งต่อไปเพื่อเขา สัญญากับตัวเองตอนนี้เลยว่า จะแข็งแรงและทำทุกอย่างเพื่อปกป้องเขา ไม่ว่าใครหน้าไหน...ก็ไม่มีสิทธิ์ในตัวเขาทั้งนั้น!

            อาเสือชะงัก

            “อย่าตบเลย...เจ็บพอแล้ว”ผมบอก อาเสือยกมือกุมหน้าสีหน้าเคร่งเครียดมาก ก่อนจะนั่งลงที่โซฟา

            “..........................................”ระหว่างเราไม่มีบทสนทนาใด ๆ เกิดขึ้นอีก ใครจะมาเอาเขาไปต้องข้ามศพผมไปก่อน
           

            หมอบอกว่าในท้องไม่ได้รับการกระทบกระเทือนอะไรที่รุนแรง หลังจากนี้ต้องระวังให้มาก ส่วนแผลที่มือก็ไม่ได้เป็นอะไรเท่าไหร่ อีกเดี๋ยวก็กลับบ้านได้แล้ว รออาโชติคุยเรื่องยาและการระวังตัวอีกนิดหน่อย รวมถึงส่งผลตรวจครรภ์ไปรพ.ที่กรุงเทพฯ อีก

            “หิวข้าวไหม”อาเสือถาม จับมือผมไว้หลวม ๆ ผมไม่ตอบ

            “เดี๋ยวอาพาไปกินข้าว แล้วค่อยกลับค่ายนะ”

            “.........................................”ไม่ตอบ

            “อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม ขาหมู?”พอผมไม่ตอบ อาเสือก็เลยเงียบไม่พูดอะไรต่อ จนกระทั่งอาโชติเรียกอาเสือเข้าไปคุยกับหมออีกที ผมกังวล...จะเป็นอะไรรึเปล่ามีปัญหาอะไรงั้นเหรอไม่นานอาเสือก็เดินยิ้มและถือถุงยากลับมาด้วย

            “เรียบร้อย หมอบอกว่าแข็งแรงดี”ผมพยักหน้าโล่งใจ เอามือจับหน้าท้องตัวเอง

            “เดี๋ยวพากาวแวะทานอาหารสักหน่อย ค่อยกลับ”อาเสือสั่งอาโชติ แต่ผมมองหน้าอาโชติแล้วพูด

            “กาวไม่ไปนะ อยากไปข้าวที่ค่าย”ทั้งสองคนเลยเงียบ

            “อาโชติไปส่งกาวหน่อย ค่อยมาดูแลเขา”ผมใช้สรรพนามที่แตกต่าง ทำเอาอึ้งทั้งสองคน อาเสือประคองมือผมไว้ทันที อาโชติเลยเดินหนีให้ผมเคลียร์กับอาเสือ

            “กาว...”

            “...................................”

            “ทำไมพูดแบบนั้น”

            “....................................”

            “โกรธอาอยู่ใช่ไหม”

            “...................................”มันน่าโกรธไหมละ อาเสือจูงมือไปที่รถ...ก่อนจะดึงผมเข้าไปกอด ตัวเองไม่ได้ขัดขืน เพียงแต่ไม่อยากพูด

            “กินข้าวกับอาก่อนนะ...”

            “....................................”

            “อาขอโทษ จะตบอาคืนก็ได้...”ยังไม่ทันขาดคำ ผมยกมือตบอาเสือจริง ๆ คนตรงหน้าตาโตอย่างตกใจ

            “กาว”พูดเสียงอ่อย ๆ ใส่ แถมยกมือลูบแก้มตัวเอง

            “พอใจแล้วใช่ไหม?”อาเสือถาม ผมหยิกและต่อยอาเสือตุ้บตั้บ จนเจ็บมือไปเอง

            “แฮ่ก ๆ”อาเสือส่งน้ำให้ ผมกระชากมาดื่มอย่างโมโหขึ้นมา

            “กาวต้องอย่าทำอะไรรุนแรงอีกนะ...มันจะกระเทือนในนี้”นั่งนิ่งไม่มองหน้าอาเสือ ซึ่งพยายามจะหาร้านอาหารมาให้ผมเลือก หน้าอาเสือแดงไปจนถึงใบหู เพราะเมื่อกี้ที่ผมทำคงเจ็บ เหอะแต่น้อยกว่าที่ผมโดนอยู่แล้วล่ะ

            “มีร้านไหนอร่อย ๆ ดูสิ”อาเสือหยิบไอแพดออกมาดู เลื่อนขึ้นลงหาร้านที่คิดว่าน่าทาน

            “อยากทานร้านไหนดี”อาเสือคว้าผมเข้าไปกอดเอาไว้

            “จุ๊บ”โดนจูบขมับไปหนึ่งที อาเสือกระซิบ

            “กินข้าวนะ...เจ้าตัวเล็กจะได้แข็งแรง”นั่นละ ผมเลยนั่งพิงอาเสือให้โดนกอดเฉย ๆ อาเสือสไลด์ไอแพดตัวเองขึ้นลง อาโชติขึ้นรถมาแต่ไม่ออกสักที เพราะยังเลือกร้านไม่ได้ ผมยื่นมือไปเลื่อนร้านนึง สไลด์ลงมาเพราะอาเสือสไลด์เร็วไป มองแทบไม่ทัน

            “หืม...อันนี้เหรอ”อาเสือถาม ผมเลื่อนดูไปอีก กดดูไปหลาย ๆ เว็บ

            “นี่ไหม....ชื่อร้านอะไร”อาเสือถามอีกครั้ง ผมเลื่อนไปอีก จนเจอร้านที่ลงรูปอาหารน่าอร่อย

            “นี่”

            “นี่เหรอ?”อาเสือยิ้มดีใจที่ผมพูดด้วยคำแรก กระชับกอดผมขึ้น

            “โชติไปตามร้านนี้”อาเสือยื่นไอแพดให้อาโชติ ที่นั่งอยู่ข้างหน้า อาโชติบอกทางลูกน้องแล้วมุ่งหน้าไปทันที

            ป้ายร้านโดดเด่น ร้านสลุงคำ ผมมองรอบ ๆ อย่างสนใจ เพราะว่าเป็นร้านที่มีกลิ่นอายเมืองเหนือมาก ตกแต่งได้น่ารักดี อาเสือพาเดินลงจากรถเข้าไปในร้าน ส่วนใหญ่มีคนต่างชาติเสียมากกว่า ผมเดินโดยมีอาเสือเกาะกุมไปตลอดทาง

            “ช่วงโชติหาอะไรทานซะ”อาเสือหันไปสั่ง

            “ครับ”อาโชติกับลูกน้องเดินแยกออกไป คงจะไปหาที่นั่ง ผมจะเดินตามแต่อาเสือจับเอวไว้

            “กาวนั่งข้างในนะ...ข้างนอกร้อน”

            “..................................”อาเสือจูงไปนั่งในโต๊ะด้านใน

            “รับประทานอะไรดีเจ้า”พนักงานหน้าสวยคนหนึ่งเดินเอาเมนูมาให้ อาเสือนั่งฝั่งเดียวกัน ยื่นเมนูให้ผมดู

            “ขอเวลาอ่านเมนูก่อนครับ”อาเสือยิ้มให้ สงสัยเคลิ้มมากเลยสิ เพราะเห็นยิ้มกว้างซะขนาดนั้น เห็นแล้วหงุดหงิด!!!!!

            “กินอะไรดี...”อาเสือหันมาถาม ผมก็จิ้ม ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ จิ้มมันทุกอย่าง!!!!! โมโห!!!!!!!!

            “เป็นอะไรกาว!?...หืม”

            “อืออออ”เอาเมนูฟาดอาเสือ ตรงนี้ไม่มีคนผมเลยกล้าทำ

            “กาวเป็นอะไร”อาเสือคว้าเมนูไว้ สีหน้าโมโห

            “ฮึก...ตุ้บๆ ๆ ๆ ๆ”ผมตบอาเสือไปสองสามที อาเสือก็กำมือเอาไว้

            “เป็นอะไรครับ?

            “ฮึก ๆ ๆ”น้ำตาเริ่มไหล หมั่นไส้อาเสือที่สุด!!!! เหมือนอีกคนจะทำอะไรผมไม่ได้ เลยดึงเข้าไปกอด พอปลอดคนก็ก้มลงจูบผม

            “เป็นอะไรไป บอกอาสักหน่อย”

            “.........................................”มองอาเสือ น้ำตาเต็มสองตา อาเสือกอดแน่น ๆ

            “จุ๊ ๆ ๆ”

            “..............ฮึก ๆ ฮึก...............”แอบเช็ดน้ำตา แล้วก็หยุดร้องเฉย ๆ งงตัวเอง!? แต่ไม่สนใจ...

            “สั่งอาหารเลยนะ กาวกินได้...ตัวเล็กจะได้กินด้วย”อาเสือจับท้อง ผมฟาดมือใหญ่ทันที!!! โทษฐานจับโดยไม่ได้ขออนุญาต

            “โอ๊ยยย อาเจ็บ”ผมไม่สนใจ อาเสือลูบมือตัวเอง ก่อนจะเรียกพนักงานมาสั่งอาหาร

            “เอาหมูรมควัน ไส้อั่ว ลาบหมูคั่ว น้ำพริกหนุ่ม วุ้นเส้นผัดไข่เค็มกุ้งสด มีแต่ของเผ็ดจัง....กาวจะกินได้เหรอ”อาเสือบ่น ๆ พนักงานก็แนะนำ

            “ปลาช่อนทอดน้ำปลาก็อร่อยนะเจ้า ไม่เผ็ดด้วย”

            “เอาไหม”อาเสือหันมาถาม ผมพยักหน้าสีหน้านิ่ง

            “งั้นรับด้วยครับ เอ๊ะนี่ ๆ เห็ดหอมผัดกุ้งสด แกงฮังเล”เหมือนว่าพนักงานจะจดไม่ทันแล้ว ผมสะกิดอาเสือ ส่งสายตาประมาณว่าให้พอแล้ว อาเสือยิ้มซะหล่อ ก่อนจะร้องบอกข้าวเปล่าโถนึงและน้ำเปล่า

            “คุณท่านครับ”อาโชติเดินเข้ามา เอาถุงยาให้

            “มียาต้องทานก่อนอาหารครับ”

            “อ่อ ขอบใจ”อาเสือรับมาดู พอน้ำมาก็ให้ผมกินยาก่อน

            “โชติสั่งอาหารไปเผื่อเด็ก ๆ ที่ค่ายด้วยนะ”

            “ได้ครับ”แอบปลื้มในความรอบคอบของอาเสือ นั่งรออาหารอาเสือก็จับมือขึ้นไปจูบ

            “กาวต้องดูแลตัวเองดี ๆ รู้ไหม ห้ามทำอะไรที่เป็นอันตรายเด็ดขาด”เริ่มสั่ง

            “อย่ามาสั่ง!”ผมรีบเถียงออกไป อาเสือเลยเงียบ ยกมือมาบิดจมูกผมหนึ่งที

            “อื้อ!!!! ไอ้อาเสือบ้า!!!!”ยกมือทุบอาเสืออีก อาเสือหัวเราะ

            “เจ็บ ๆ”ร้องว่าเจ็บแล้วกำมือผมไว้ ผมเบะปากเค้นน้ำตา แต่มันไม่อออก

            “โอ๋ อาไม่พูดละ”นั่งทานอาหารกันไปเงียบ ๆ บางอย่างผมทานไม่ได้ พยายามแล้วแต่กลิ่นมันไม่ไหวจริง ๆ อาเสือจะรู้เพราะถ้าสิ่งไหนที่ผมผลักออก คือมันไม่ไหวแล้ว ที่กินได้ก็จะมีน้ำพริกหนุ่ม ไส้อั่ว ส่วนแกงฮังเลนี่ต้องขอบาย เห็ดหอมอะไรนี่ก็ไม่ได้ไหวจริง ๆ ไม่ใช่เขาทำไม่อร่อยนะ แต่นี่คงเป็นอาการแพ้อย่างที่หมอบอก

            “ทนกินได้ไหม เจ้าตัวเล็กจะได้กินด้วย”อาเสือพยายามป้อน อยากให้กินไอ้เห็ดหอม แต่เข้าปากไปเท่านั้น ขย้อนออกมาทันที อาเสือเกือบเอามือรองไม่ทัน ผมคายไอ้ที่เพิ่งเข้าปากใส่มืออาเสือ

            “ไม่เอา”บอกเสียงสั่นน้ำตาคลอ ถ้าบังคับอีกมันไม่ไหวแล้วนะ

            “งั้นทานเท่าที่ทานได้แล้วกัน”อาเสือบอก ป้อนอย่างอื่นจนหมด แต่ไม่ค่อยอยากให้กินน้ำพริกหนุ่ม ทั้งที่ผมชอบเพราะมันอร่อย

            “เผ็ดจะตาย เดี๋ยวลูกสำลัก”ผมชะงัก เขิน ๆ ที่อาเสือเรียกเขาว่าลูก คำนั้นออกมาจากปากอาเสือโดยไม่ตะขิดตะขวงใจอะไรเลย รู้สึกพอใจอยู่ลึก ๆ แต่อีกใจนึงก็หวงมากหงุดหงิดอยู่เล็กน้อย

            หลังจากทานอาหารเสร็จอาเสือสัญญาว่าจะกลับมาส่งที่ค่าย แวะเอาอาหารมาให้เพื่อน ๆ ผู้หิวโหยทั้งหลาย แล้วจะให้อาโชติขับลงไปส่งในเมือง

            “นอนนี่ก็ได้ครับ...ความจริงที่นอนก็พอให้นอนได้อีกสบายเลยครับ”พี่กาวใหญ่เอ่ยปากชวน ผมกดสายตามองเคือง ๆ

            “อืม อาจารย์เห็นด้วยนะคะ เย็นมากแล้วขับรถขึ้นลงเขาอันตรายจะตาย”อาจารย์พูดขึ้นมา สะกิดใจผมที่ลืมคิดถึงเรื่องนี้ไป ถ้าอาโชติลงไปส่งอาเสือ กว่าจะลงไป กว่าจะขึ้นมา...ลำบากแย่

            “อืม”อาเสือทำท่าคิดหันมามองผม 

            “งั้นคงต้องขอรบกวนสักคืนแล้วกันนะครับ”ทุกคนยิ้มยินดี ยกเว้นผม!
           


            งานหนักก็ต้องพักผ่อนตามอัธยาศัย เพราะผมไม่ได้ช่วยงานหนัก ๆ แถมยังกินแรงคนอื่น เลยช่วยไอ้วิมันพิมพ์บทละคร ไอ้บอลเอาหมอนมาหนุนหลังไว้ให้อย่างรู้งาน ได้อยู่กับเพื่อน ๆ แบบนี้ อาเสือไม่ได้เข้ามายุ่ง แต่นั่งออกไปคุยกับพ่อเฒ่าชาวบ้านอยู่ที่เรือนไม้อีกหลัง

            “ปวดมืออ่า”

            “เหอ ๆ กูว่าละ...มานี่ พิมพ์ต่อเอง”ไอ้วิด่า แต่ผมไม่ได้เลื่อนตัวหนี

            “เฮ้ย...กูว่าอากาศหนาวอย่างนี้ ต้องโดนเหล้าขาวสักหน่อยดีกว่า”ไอ้ชัดชวน

            “พอเลยมึงพรุ่งนี้งานยังมี”ไอ้คิ้วร้องห้าม

            “โธ่ กินแค่นิดเดียว...กรึ่บสองกรึ่บพอให้อบอุ่นร่างกาย”

            “เหอะ!”รออาจารย์ที่ดูแลเข้าห้องนอน ไอ้ชัดมันเอาเหล้าขาวมาขวดนึง วางไว้กลางเรือนชาน

            “ไอ้เชี่ย!!! มีมาจริง ๆ ด้วย เอามาจากไหนว่ะ”

            “กูฝากลุงที่ลงไปขายผักในเมืองซื้อมาโว้ย มา ๆ ให้จะกินบ้าง”ไอ้พวกเชี่ย มันกระเถิบเข้าหาโดยอัตโนมัติ รวมถึงกูด้วย แฮะ ๆ เหล้าหนึ่งขวดกับกระสืออีกกว่าสิบชีวิต ไอ้นาวนอนหัวเราะ

            “มึงต้องแบ่งคนละสองหยดถึงจะพอคนกิน!”มันพูดแดกดัน

            “มึงน่ะกินไม่ได้!”ไอ้บอลจิ้มหน้าผากผมหน้าหงาย

            “อะไรเมิ่ง!!!!!!”ผมด่า มันทำหน้าด่าผม...แล้วก้มมองท้อง

            “แค่นิดเดียวเถอะ”

            “นิดเดียวก็ไม่ได้ โน่นพ่อมึงมองสิบครั้งแล้ว ถอยไป!!!! ตรงนี้มันมุมของผู้ใหญ่เค้าจะคุยกัน”แล้วพวกมันก็เดินแทบจะข้ามหัวผมไปนั่งล้อมลงกะไอ้ชัด

            “เฮ้ย ๆ ของมันมีน้อย เราต้องมาเล่นเกมส์กันสักหน่อย”เจ้าของขวดพูดขึ้น

            “เกมส์ไรว่ะ”ไอ้นาวถาม มันเป็นอีกคนที่ไม่ได้เข้าไปนั่งล้อมวง ได้แต่ส่งเสียงแห่งความเสือกเข้าไป

            “เกมส์พูดเรื่องที่ไม่มีใครรู้ แล้วกูจะให้หนึ่งกรึ่บ”

            “ยังไงว่ะ”ไอ้โรลโผล่หน้าเข้าไปถาม

            “เรื่องอะไรเกี่ยวกับเพื่อนฮา ๆ  ใครก็ได้นะโว้ยที่นี่ ที่คิดว่าไม่มีคนอื่นรู้”ไอ้ชัดบอก

            “ไอ้เชี่ยนี่มันเกมส์ขายความลับเพื่อน เฮ้ย!!!! กูเล่น ๆ เกมส์แบบนี้กูชอบ”ไอ้โรลเพื่อนชั่วมันข้ามไอ้กอล์ฟกับไอ้ปี่เข้าไปนั่งเผชิญหน้าไอ้ชัดเรียบร้อยแล้วครับ

            “มึงจะเล่นคนแรกหน้ามึงเลวออกเลยห้ามเล่นกูนะสัส!!!

            “เอามันเลย!!!!”ทุกคนเชียร์

            “รักกูมาดิ ไอ้พวกเวน เออ ๆ เริ่ม”

            “กู....”

            “เดี๋ยว!!!! จะโกหกหรือเชี่ยไรก็ได้ แต่ให้เนียนนะสัส! คิคิคิ”

            “เอ่อ พูดอะไรดีว่ะ...เอาเรื่องไอ้จิดแล้วกัน พวกมึงต้องไม่รู้แน่...เมื่อวานมันเข้าห้องน้ำเว้ย ยืนเหยี่ยวแล้วไม่ล้างมือ เสือกมาลูบหัวไอ้ก้องเล่น”

            “ยี๋!!!! วันไหนว่ะ...”สาว ๆ ร้อง

            “ไอ้เชี่ย!”ไอ้ก้องตบกระบาลไปหนึ่งที

            “น้ำไม่ไหล จิดเลยเช็ดอย่างเดียว แฮะๆ”ทุกคนหัวเราะเสียงดัง

            “ไอ้เลว!!!!!”เสียงรุมประณามดังกึกก้อง

            “เฮ้ย!? เมื่อวานตอนไหนว่ะ...ก็เมื่อวานกูให้มันช่วยหั่นแตงทำกับข้าวตอนเย็น”ไอ้หวานถามโพล่งออกมา ทุกคนมองหน้าหาคำตอบกันใหญ่ เจ้าตัวมันหัวเราะแฮะ ๆ ไม่ยอมตอบ

            “ก็ก่อนที่มึงจะจิกมันเข้าครัวไง!!!”ไอ้โรลหัวเราะ เทเหล้าหนึ่งกรึ่บ

            “อี๋!!! ไอ้เลว!!!! ไอ้ชั่ว!!!!! สกปรก!!!! ซกมกที่สุด!!!”เสียงด่ามันยังมีต่อไป ไอ้โรลจะทำเนียนยกอีกกรึ่บ แต่โดนไอ้ชัดโบกเสียก่อน

            “ไอ้สัส พอ!

            “มึงแม่ง!!!!”บ่นแล้วเดินออกมานั่งข้างผมโว้ย ไอ้นาวยื่นเท้าไปให้มันนวด ไอ้โรลมันก็นวดอย่างรู้งาน เหอ ๆ ปากมันก็พูดพล่ามไปเรื่อย

            “เดี๋ยวผัวแม่งตามมาด่า เมาแล้วอ้อนทุกทีเลย”ไอ้ชัดพูดเสียงดัง

            “อ้อนไรว่ะ!?”ไอ้คิ้วถาม

            “อ้อนตรีนนนนนนน”ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกัน

            “ไอ้พวกเลววววววว”เรียกคำด่าจากไอ้โรลได้เป็นอย่างดีเลย ไอ้ปี่เอาบ้างครับ

            “เฮ้ยกูก็มีเรื่องจะมาเล่า”

            “อะไรว่ะ!?!

            “ไอ้มดมันมีแฟนแล้วนะโว้ยยยยยย”

            “เฮ้ยจริงเหรอว่ะ!?”ไอ้ชัดทำหน้าตกใจ ไอ้มดเป็นหญิงไทยใบหน้างาม ผิวขาวผ่อง ตาตี๋เท่าเส้นดายขีดเดียว และตัวใหญ่ขนาดลูกช้าง คึคึคึ

            “ขนาดมันยังขายออกเลยนะโว้ย”ไอ้ชัดพูดแล้วมองไอ้คิ้วหัวจรดเท้า โดยไอ้คิ้วโบกไปหนึ่งที

            “กูรักนวลสงวนตัวไอ้สัส!!!!”เรียกเสียงเฮได้อีกรอบ ผมทนไม่ไหวแล้วโว้ยยยยย วางงานแล้วเดินผ่าไปนั่งกลางวง

            “เฮ้ย ๆ ขอกูบ้างดิ”ทำท่าเหมือนหมาขอข้าว ไอ้ชัดมันเทใส่แก้ว

            “อ๊ะ...”ผมแล่บลิ้น กำลังจะหยิบ..มันก็ดึงออก ไอ้สลัดผัก!!!!!!

            “คนอื่นเขามีเรื่องฮา ๆ มาเล่า มึงละมีอะไร...?”ไอ้เพื่อนเวรถาม

            “กูไม่มีอ่ะ...แต่กูอยากกิน”ผมคว้าแก้วมาก่อน แต่ช้ากว่าอีกมือ แย่งกันจนเหล้ากระฉอกออก ผมเงยหน้ามองอีกมือที่ว่า

            “แก้วนี้ของกู!”กระแทกเสียงใส่ไอ้บอล

            “มึงกินไม่ได้ ไม่สบายไม่ใช่เหรอไง”

            “เออ!!!!”ทุกคนพยักหน้า

            “เฮ้ย ให้มันสักกรึ่บ...พรุ่งนี้คงได้ลุกวิ่งขึ้นไปแบกปูน สบาย...”ไอ้วิส่งเสียงมา

            “เออ ๆ แก้ไข้โว้ย...แก้ไข้”เพื่อนคนอื่นก็เชียร์ ผมยักคิ้วอย่างเป็นต่อ แต่ไอ้บอลทำหน้าเครียด

            “มึงไม่สบาย...แล้วพ่อมึงก็นั่งอยู่โน่น”มันย้ำ

            “เฮ้ย...เรื่องสิว ๆ อาเสือไม่ว่าหรอก”ผมจะชักแก้วออกจากมือมัน ศึกสงครามน้ำหมักครับท่านผู้ชม!!! ไอ้บอลมันทำหน้าเครียดมากขึ้น ก่อนจะพูดให้ได้ยินกันสองคน

            “ลูกออกมาหูตาไม่มีนะสัสกินเข้าไปดิ!”คว้าแก้วได้ มันก็ยกเอือกเดียวหมด ทิ้งให้ทุกคนมองและร้องโหยหวนอย่างเสียดาย

            “ไป ๆ เดี๋ยวพ่อจับตีก้น”ไอ้ชัดมันไล่ผมทันที

            “ไอ้พวกเวร!”ลุกอย่างเสียหน้า แต่ก็ดีใจที่มันห้ามไว้ได้ทัน ท้องแล้วกินไม่ได้เหรอว่ะ...แค่กรึ่บเดียวเอง!?!?!
 


            “เฮ้ย...ไม่เรียกอามึงเข้ามานอนในห้องว่ะ เอาเตียงชิดกันมันก็นอนได้ตั้งสามคน หรือไม่งั้นให้ไอ้นาวมานอนตรงกลางกูกะไอ้บอลก็ได้”ไอ้โรลเสนอ หลังจากไปขอหมอนกับผ้าห่มชาวบ้านมาเพิ่มอีกชุด และผ้าห่มผมก็มีตั้งสองผืน เลยทำตัวมีน้ำใจ...แบ่งให้อีกตั้งผืน

            “มึงอยากฟังเขาบ่นไหมละ!?”มันส่ายหน้า ไอ้นาวทำหน้าแย๋ ๆ คงจะคิดว่าแค่แฟนมันบ่นคนเดียวก็คงพอแล้ว เห็นเมื่อเย็นมันโทรศัพท์หาแฟน ไม่รู้อะไร...สงสัยงอนกัน ไม่ได้แอบฟังนะโว้ย ก็มันได้ยิน

            “แต่นอนข้างนอกมันก็หนาวนะโว้ย”ไอ้โรลมันยังไม่ยอมแพ้

            “พวกไอ้ชัดมันยังนอนกันได้ นอนมาหลายคืนแล้วด้วย”

            “มันเหมือนกันที่ไหนว่ะ ไอ้พวกนั้นมันหนังหนา...นอนกลางดินกินกลางทราย เดี๋ยวพ่อมึงก็ไม่สบายไปอีกคน”ผมถอนหายใจ จะว่าห่วงก็ห่วง ถึงเดินลุกออกไปจะไปดูหน่อยว่านอนยังไงกัน พอดีเดินสวนไอ้บอลหน้าห้อง

            “อย่าทำแบบนั้นอีกนะโว้ย...”มันเตือน

            “เออออออออ”ทำตัวเป็นอาเสืออีกคนนึงแล้ว!

            “ยังไม่นอนอีกเหรอ”อาเสือถามขึ้น ตอนผมเดินไปถึงกลางชาน ห้องมันไม่พอ อาโชติกับลูกน้องก็นอนในมุ้งตรงนี้ พวกสาว ๆ อุตส่าห์มากางมุ้งให้ส่วนตัวอีกด้านหนึ่ง ผมไม่ตอบอะไร...ยื่นผ้าห่มให้ แต่อาเสือส่ายหน้า

            “กาวเอาเถอะ...”

            “จึ้ก!!!!”ผมทำหน้าไม่สบอารมณ์ อุตส่าห์เอามาให้แล้วทำหยิ่งจะให้คนอื่นมองว่าผมเป็นเด็กใจร้ายใช่ไหม

            “กาวต้องนอนที่อุ่น ๆ ห่มไว้...”อาเสือไม่ยอมรับไปสักที ผมเลยโยนวางตรงพื้น

            “นอนได้ก็นอน นอนไม่ได้ก็กลับไปเลย!”พูดแค่นั้น ก็สะบัดหน้าเดินเข้าห้องตัวเอง ดีที่ตรงนั้นไม่มีคนไม่งั้นอาเสือคงได้เสียหน้ามากกว่าเดิมแน่ กลับมานอนที่ห้องตัวเอง ไม่ได้นึกห่วงอะไรอาเสืออีก จนกระทั่งค่อนคืนที่กำลังหลับสบาย ไอ้โรลมันมาสะกิดผม ในขณะที่ทุกคนรอบเตียงหลับไปแล้ว

            “กาว ๆ”มันเรียก

            “หืม?”ผมมองหน้ามันในความมืด แต่รู้ว่าเป็นไอ้โรลนั่นแหละ

            “เอาผ้าห่มไปให้พ่อมึงอีกดิ ไปเยี่ยวมาเมื่อกี้ กูเห็นเขาม้วนที่นอนไปห่ม”ไอ้โรลบอก ผมรีบลุกทันที ในใจก็นึกว่าแล้วอาโชติไปไหนว่ะ!?!?!?! ไอ้โรลลากผ้าห่มผืนหนาตามมาด้วย ผมมองอาเสือที่อยู่ในมุ้ง แล้วมองอาโชติกับลูกน้องที่หลับสนิท ถ้าอาเสือโดนฆ่าตอนนี้ ก็คงไม่มีใครรู้ตัว

            “ขอบใจ มึงไปเถอะ...”บอกแค่นั้น มันพยักหน้าเข้าใจทันที

            “เอาผ้าห่มอีกไหม...กูเอาออกมาให้อีก”ผมพยักหน้า มันก็ไปเอามาให้จริง ๆ

            “จะนอนนี่ใช่ไหม”มันถาม

            “อืม”หน้าแดงขึ้นแต่มันคงไม่เห็นหรอก (มั้ง?)

            “เออ ๆ”ไอ้โรลมันพูดง่าย นิดเดียวก็เข้าใจ ผมยิ้มขอบคุณมันก่อนจะผลุบเข้าไปในมุ้งอาเสือ แกะผ้าห่มออก แค่ขยับนิดเดียว อาเสือก็รู้ตัวแล้ว

            “ตื่นมาทำไมกาว?”อาเสือถาม ผมเอามือปิดปากไว้ไม่อยากให้คนอื่นตื่นมาได้ยินหรือเห็นอะไรทั้งนั้น คลี่เบาะนอนออก แล้วห่มผ้าผืนบางของอาเสือ ก่อนจะเพิ่มความหนาของผ้าห่มอีกสองชั้น แล้วสอดตัวลงนอนข้าง ๆ อาเสือ เห็นอีกคนยิ้มกว้าง แล้วดึงผมไปกอด

            “จุ๊บ”อาเสือใช้ปากเย็น ๆ หอมแก้มผม ผมเอามือจิกแขนอาเสือแน่น!!!! แต่ไม่มีเสียงร้องสักแอะ เกิดความย่ามใจหยิกอีกเจ็บ ๆ  ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ จนพอใจ อาเสือผ่อนลมหายใจอุ่น ๆ รดใบหู ก่อนจะพูดเสียงกระซิบว่า

            “อาเจ็บ...”มือหนาเลื่อนมาคล้องตัวผมไว้แน่น ตัวเองก็ซุกเข้าอกอาเสือ รู้สึกว่า...คืนนี้อบอุ่นกว่าทุกคืน (จะยอมให้นอนด้วยแค่คืนเดียวเท่านั้นแหละนะ!!?!)




COMMENT PLEASE















ตอนที่ 25 ทุกอย่างมันเหนื่อย



ตอนที่ 25





   
   ตอนที่ 25 ทุกอย่างมันเหนื่อย...



            เกือบอาทิตย์แล้วที่ต้องมาใช้ชีวิตค่าย เพราะเป็นฤดูหนาว...และที่นี่ก็เป็นภูเขา มองไปรอบ ๆ เจอแต่ต้นไม้ ทุ่งหญ้า คืบก็ป่าศอกก็ป่า มวลไอเย็นเลยส่งผลต่อระบบในร่างกายของผมมากกว่าปกติ ตอนกลางวันยังพอทน เพราะมีไอแดด แต่พอเริ่มเย็น...ฟ้ายังไม่มืด ลมหนาวก็มาเยือน ผมนอนไม่ได้...ชาวคณะหลายคนก็นอนไม่ได้ ทั้งที่เครื่องนอนเรามีมากพอ และมากกว่าของชาวบ้านด้วยซ้ำ การก่อกองไฟจึงเป็นทางออกให้พอคลายหนาวในทุกค่ำคืน อาโชติคอยตามดูแลไม่ห่าง ไม่ใช่แค่อาโชติแต่ยังมีลูกน้องอีกสองคน ผมขอร้องให้อาโชติโทรไปหาอาเสือ ให้ช่วยจัดส่งผ้าห่มหนา ๆ จะมายังไงก็ได้ แต่ให้เราที่สุด เพื่อมาบริจาค

            พวกเราหลายคนคิดว่า ของที่เอามานั่นเพียงพอแล้ว แต่ไม่เลย...ผ้าห่มผืนเดียวมันกันหนาวแทบไม่ได้เลยด้วยซ้ำ อาเสือรับปากจะจัดมาให้อย่างทันใจ ของจะมาถึงในวันพรุ่งนี้ พร้อมเสื้อกันหนาว หมวก ถุงมือ ถุงเท้า  

            ผมขอบคุณอยู่ในใจ แต่ก็ยังไม่อยากคุยหรือเห็นหน้าอาเสืออยู่ดี

            “อาโชติ”ผมร้อง อาโชติเดินมาจับมือ

            “หนาวเหรอครับ”

            “กาวคิดถึงอาเสือ”ผมบอก อาโชติยิ้ม

            “โทรหาไหมครับ?

            “ไม่!!! กาวเกลียดอาเสือ!!!!

            “แต่ก็คิดถึง”

            “อือ”ผมพยักหน้ายอมรับ อาโชติเอาผ้าห่มมาห่มให้อีกชั้น

            “กาวหนาว”

            “ออกไปนอนตรงกองไฟไหมครับ”

            “ไม่...กาวอยากนอนในนี้”ผมบอก ไอ้นาวเดินเข้ามาในห้องพอดี มันใช้ห้องแชร์กับผม แล้วก็ไอ้โรล ไอ้บอล

            “เอายามาให้”มันส่งยามาให้ผม วันนี้ไม่ต้องออกไปช่วยข้างนอกหนึ่งวัน เนื่องจากอาเจียนไม่หยุด พี่กาวยื่นคำขาดว่าถ้าผมไม่หายในวันสองวัน อาจจะต้องส่งตัวกลับกรุงเทพฯ แต่ผมไม่ยอม...หนักสุดอาจขอเข้ารพ.ที่นี่ก็ได้

            “ขอบใจมาก”อาโชติช่วยพยุงลุกขึ้น

            “ข้างนอกเป็นไงบ้าง”ผมถาม

            “ก็ย่างอะไรกินกัน อยากออกไปไหม”ไอ้นาวถาม มันก็ดีทันทีที่รู้ว่าผมไม่สบาย เราได้คุยกันเยอะขึ้น แล้วมันก็ดีกับผมมากขึ้น

            “ไม่อ่ะ ไม่ไหว”

            “................................”มันมองหน้าผมกับอาโชติ เหมือนจะพูดอะไรแล้วไม่พูด หยิบเสื้อกันหนาวกับโทรศัพท์ของตัวเอง แล้วเดินออกไปนอกห้อง

            “ยาที่หมอให้มาหมดรึยังครับ”

            “ยัง”

            “ดีแล้ว...กินให้ตรงเวลา จะได้ไม่อาเจียนอีก”อาทิตย์นี้หนักสุด ๆ เลยก็ว่าได้ ผมแทบจะกินอะไรไม่ได้เลย พยายามเท่าไหร่ อาเจียนออกหมด ตอนนี้เลยกินได้แต่นมที่อาโชติซื้อมาให้จากในเมือง กับสตรอเบอรี่ชาวเขา

            “อาเสือจะคิดถึงกาวไหม”ผมถามออกไปอีก

            “คิดถึงสิครับ คุณท่านก็คิดถึงแต่คุณกาวคนเดียว”

            “ไม่จริงหรอก อาเสือเกลียดกาวจะตาย”

            “แน่ใจเหรอครับ?

            “อือ วันนั้นยังตบกาวเลย ต่อหน้าคนอื่นด้วย...ดีแต่ขึ้นเสียงใส่”

            “คุณกาวดื้อนี่ครับ”

            “ว่าแต่วันนั้น...อาโชติไม่ได้บอกไปใช่ไหม”ถามเพิ่งจะได้โอกาสถามออกไป อาโชติพยักหน้า ได้คำตอบจริง ๆ แล้วเลยโล่งใจซะหน่อย

            “อย่าบอกนะ...”

            “ปิดไว้อย่างนี้ มันไม่ดีหรอกนะครับ”อาโชติบอก

            “ในนี้จะไม่เป็นของใครทั้งนั้น เป็นของกาวคนเดียว”ผมบอกนัยย์ตาแข็งกร้าว หมายความตามที่พูด อาโชติจัดห้องให้อีกนิดหน่อย ก่อนจะออกไปพักผ่อน ไอ้บอลก็เข้ามาอยู่เป็นเพื่อนระหว่างที่ผมยังนอนไม่หลับ

            วันนี้มันช่วยคนงานและชาวบ้านโบกผนังอาคาร จากส่วนที่มีคนงานได้เริ่มทำไปแล้ว เป็นอาคารเรียนถาวร ชั้น เริ่มดำเนินการไปหลายส่วนแล้ว งานวางท่อและไฟฟ้าก็ต้องเริ่มไปพร้อม ๆ กัน ทุกวันจึงวุ่นวายมากกว่าปกติ เรามีเวลาแค่ 20 วัน ก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุด เพื่อให้งานที่จะส่งต่อช่างเหลือน้อยที่สุด ประหยัดงบด้วย แล้วก็จะให้ทันใช้งาน เพราะอาคารเก่าหลังเดิมเป็นไม้ จะพังแหล่มิพังแหล่

            “ไง...”

            “อือ”

            “โอเคไหมเนี่ย”มันถาม

            “เออ ยังไหว”

            “แต่หน้ามึงซีดมาก ไม่สบายขนาดนี้พ่อมึงปล่อยมาได้ไงว่ะ”ไอ้บอลนั่งลงข้าง ๆ เตียง

            “กูดื้ออยากมาเอง ถ้าไม่ให้มา...กูก็ต้องอาละวาดบ้านพังแน่”

            “เหอะ ๆ ลำบากแท้ ๆ พรุ่งนี้ฉาบกำแพง อาทิตย์หน้าก็จะทาสีแล้ว...รีบ ๆ หาย มึงบอกอยากทาสี”

            “เออ หายทันแน่ไม่ต้องห่วง แล้วไอ้โรลไปไหน”

            “ข้างนอกนู่นนนนนน”

            “ไม่เคยจะมาดูกูหรอก”

            “ฮ่าฮ่าฮ่า มันได้กีต้าร์ละ...ไม่หยุดร้องเพลงหรอกคืนนี้”

            “เสียดายว่ะ ไม่ได้ออกไปเลย”ผมบอก นอนอยู่ในนี้ทุกคืน ระหว่างที่ทุกคนเล่นสนุก

            “ไม่เป็นไร มึงจะได้นอนเอาแรง...ตอนกลางวันช่วยทำงานได้”

            “เออ”ผมหัวเราะ ช่วงนี้ก็ได้แต่งานเบา ๆ อย่างสอนหนังสือเด็ก เล่นกับเด็ก ๆ โผล่เข้าครัวบ้าง กะจะไปช่วยเพราะเวทนาเวลาไอ้คิ้วมันด่าไอ้นาว แต่เข้าไปได้กลิ่นอาหารก็ต้องออกมาอาเจียนทุกครั้งไป

            “ไปละ...นอนพักนะ”

            “อะไรว่ะมาแค่นี้?

            “คืนนี้พี่เปรี้ยวอ่ะน้อง...ขอไปซิ่งก่อน”

            “ฮ่าฮ่าฮ่า ไอ้บ้า”ผมหัวเราะจนกระทั่งมันออกไป อาโชติเดินกลับเข้ามาอีกครั้ง เอาโทรศัพท์มาวางไว้ให้ หน้าจอไฟยังติดและตัวนับเวลายังเดิน ก็เหมือนทุก ๆ วันอาเสือจะโทรมา แม้ผมจะไม่คุยอะไรเลยก็ตาม

            “อาวางโทรศัพท์ให้ตรงนี้นะ”อาโชติบอก

            “เอาออกไป แสงมันแยงตา กาวนอนไม่หลับ”ผมบอก อาโชติเดินเข้ามาดับไฟหน้าจอ แต่ยังไม่วางสาย แถมยังเปิดลำโพงเอาไว้อีก ผมถอนหายใจ

            “จะนอนแล้วเหรอ?”เสียงอาเสือกุกกักมาตามสาย อยู่บนเขาสัญญาณไม่ค่อยดี แต่ก็ยังมี...

            “....................................”ผมเงียบ

            “อาให้คนรีบเอาของไปให้แล้วนะ คงถึงพรุ่งนี้....กาวเช็คดูแล้วกัน ว่าอยากได้อะไรเพิ่มรึเปล่า”

            “.......................................”

            “วันนี้เป็นยังไงบ้าง ช่วงโชติบอกว่ากาวอยู่ที่ค่ายสนุกมาก”สนุกอะไรกัน?

            “กาวช่วยทำอาคารเรียนสนุกไหม...อย่าทำงานหนักนักนะ พักซะบ้าง”ผมเดาเอานะ...ว่าอาโชติต้องโกหกอาเสือแน่เลย อาเสือไม่รู้ว่าผมยังไม่ค่อยสบายดีสักเท่าไหร่

            “อาทำห้องดูหนังใหม่ให้กาว เอาไว้กลับมาค่อยมาดูนะ”ผมอยากเห็น เพราะชอบดูหนังมาก เคยขออาเสือไปแล้วหลายครั้ง แต่อาเสือไม่ยอมให้ทำ อยากได้แบบจอใหญ่ ๆ ไฟมืด ๆ แต่เบาะนิ่มแล้วก็นอนได้

            “กาวครับ...หลับแล้วเหรอ”

            “.....................................”ผมไม่ตอบอะไรทั้งนั้น

            “อาจะวางสายแล้วนะ”

            “......................................”

            “อยู่ไกลขนาดนี้...คงพูดกันไม่ค่อยรู้เรื่อง เอาไว้กลับมาค่อยคุยเรื่องนั้นนะครับ”อาเสือบอก ทำเอาน้ำตาผมไหล ไม่ต้องมาพูดดี เพราะกาวจะไม่ให้อภัยอาเสือ!!!!

            “......................................”

            “ห่มผ้ารึยัง กรุงเทพฯ ยังหนาวขนาดนี้...ที่โน่นต้องหนาวมากแน่ ๆ ห่มผ้าหนา ๆ นะ อาให้เอาผ้านวมไปให้กาวอีก ผืน ใช้เสร็จก็ไม่ต้องขนกลับมาก็ได้...”

            “....................................”

            “อยากได้อะไร ให้โชติโทรบอกอานะครับ กาว....”ตรงนี้เสียงตะกุกตะกัก ผมฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ว่าน้ำตาไหลออกมาตลอดเวลา

            “ฮึก.....”คุมเสียงตัวเองไม่ได้ เลยหลุดไปซะเฮือกนึง รีบมือปิดปาก อาเสือเงียบไป...เสียงพูดโน่นพูดนี่ก็ยังดังต่อไปเรื่อย ๆ อาเสือเล่าว่าวันนี้ทำอะไรบ้าง ผมนอนฟังเพลิน ๆ จนกระทั่งหลับไป
           


            รุ่งเช้า ไอ้นาวนอนที่เตียงข้าง ๆ ไอ้โรลกับไอ้บอลนอนเบียดกันที่เตียงตรงข้าม ผมมองดูโทรศัพท์ที่น่าจะวางอยู่หัวเตียง แต่ไม่เจอ อาโชติคงเข้ามาหยิบไปชาร์จแล้ว เมื่อคืนไม่รู้อาเสือวางสายไปต่อกี่โมง

            “อาบน้ำเถอะครับ”อาโชติโผล่แค่หน้าเข้ามาเรียก ผมพยักหน้า ลุกขึ้นตัวเหมือนจะร้าวทั้งตัว โอ๊ย...หนาวมาก จะให้อาบน้ำหรืออะไรไม่อยากเอามือโดนน้ำเลย แข็งใจออกไปแปรงฟัน ก่อนจะอาเจียนก่อนอาหารเช้าหนึ่งยก ไอ้คิ้วเดินมาลูบหลังให้

            “มึงไม่ดีขึ้นเลย”มันบอก

            “เดี๋ยวก็หาย”ผมจัดการตัวเองเสร็จ รีบเดินออกมาโรงครัว พวกผู้หญิงกับแม่บ้านทำอาหารเช้าไว้รอแล้ว

            “อ้าว...มากิน ๆ”เปิ้ลเรียก อาโชติก็ตักแกงร้อน ๆ มาให้ เป็นต้มฝักหมูกระดูก ของผมเอาข้าวสวยลงไปอยู่ในชามเดียวกันเรียบร้อย

            “ผัดผักก็มีนะ...”

            “ไม่เอาอ่ะ”รีบบอกก่อนจะยกมา

            “กินไปก่อน จะได้กินยา”ไอ้คิ้วบอก แม้ว่าผมจะต้องอาเจียนออกก็ตาม แต่ต้องให้มีอะไรไปวน ๆ ในท้องบ้าง

            “วันนี้เป็นยังไงกาว?”พี่กาวเดินมาถาม

            “ก็ดีขึ้นแล้ว วันนี้กาวพาเด็กไปเก็บผักนะ อยู่แต่ในห้องเรียนมันหนาว”ผมรีบบอก พี่กาวมองหน้าอาโชติแล้วก็พยักหน้า ยังไงอาโชติก็ต้องตามไปด้วยอยู่แล้ว

            “ให้นาวไปด้วยแล้วกัน...เมื่อวานให้ไปช่วยงานช่าง เกือบทำค้อนหลุดมือฟาดหน้าเพื่อน ให้ไปช่วยในครัวก็ยกหม้อน้ำเดือดหล่นพื้น ดีที่ไม่ลวกขาตัวเอง”ผมหัวเราะ มันทำอะไรเป็นบ้างแล้วคำถามนั้นก็วกกลับมาหาตัวเอง คือกูละทำอะไรเป็นบ้าง ฮา

            “อือ”ตอนสาย ๆ เลยลากไอ้นาวไปด้วยกัน มันเป็นคนเดียวในค่าย ที่กล้านอนสายจนตะวันแยงก้น น่าอายชะมัด! ปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมตื่น แถมยังเหวี่ยงกลับด้วย ตั้งแต่มาอยู่ที่ค่าย...ผมว่ามันเป็นคนแปลก ๆ บางทีก็ดี บางทีก็ดูไม่น่าคบ แต่ก็เรื่องของมันเถอะ ผมไม่ได้อะไรกะมันมาก...เห็นมันลุกขึ้นมาอาบน้ำได้ ก็ดีบุญถมเท่าไหร่

            เดินออกมาตรงก่อสร้าง เพื่อน ๆ หลายคนแบ่งหน้าที่กันทำชัดเจน งานแต่ละส่วนหยิบจับอะไรได้ก็ต้องช่วยทำ อาจจะเป็นส่วนเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ก็ทำเพื่อส่วนรวม

            “กาว...อย่าไปไกลนะ”ไอ้คิ้วตะโกนบอก ผมพยักหน้า...เดินยกน้ำที่ใส่กระติกไว้ให้พวกไอ้กลม

            “กูวางน้ำไว้นี่นะ”ทุกคนหันมาพยักหน้า แล้วก้มหน้าทำงานของตัวเองต่อ ระหว่างที่ผมทำโน่นนี่ อาโชติไม่ได้เข้ามาวุ่นวาย รู้แต่ว่าตามอยู่ไม่ห่างสายตา ผมเดินลัดเลาะแมกไม้เข้าสู่สวนหลังโรงเรียน ที่นี่มีแปลงผักเป็นของตัวเอง เลี้ยงสัตว์อย่างไก่ หมู ปลาเพื่อเป็นอาหาร และบางส่วนนำไปขายในเมือง

            เด็ก ๆ ที่นี่จะต้องทำเวร ดูแลสวนผักและสัตว์น้อยใหญ่ทั้งหลาย มีส่วนที่ต้องยกไปขายและทำหน้าที่เป็นแม่ค้า เด็กน้อยชาวเขาเติบโตมาท่ามกลางธรรมชาติที่บางทีผมก็อิจฉาเหลือเกิน

            “คุณครูพี่กาวมาแล้ว”เสียงเรียกดังขึ้น ผมเดินเข้าไปหา หันกลับไปไอ้นาวใส่เสื้อแขนยาวเดินหาวตามมา

            “วันนี้ทำอะไรกัน”

            “เก็บผักกาดไปผัดดีไหมครู ผักกาดหวานต้มก็ได้”เด็กชายสมปองเอ่ยขึ้น

            “เมื่อวานก็กินผัก วันนี้จะกินอีกแล้วเหรอ?”ไอ้นาวเดินมาถึงพอดีพูดขึ้นพร้อมทำสีหน้าเหนื่อยหน่าย เด็ก ๆ เลยยืนนิ่ง พากันงง...ถ้าไม่กินผักจะให้กินอะไร?

            “มึงคิดว่าที่นี่มีหูฉลาม?”ไอ้นาวมองผมอย่างด่าในใจ สายตามันผมว่ามันด่าผมอยู่แน่ ๆ

            “ไม่ใช่ก็เห็นว่าที่นี่มีหมูเห็ดเป็ดไก่ ทำไมไม่ฆ่ามาสักตัว...”จับท้องตัวเองอัตโนมัติ ไอ้เชี่ยนี่สายโหด!

            “มันยังไม่โตเลยครู”กาญธิดาพูด เด็กชาวเขาที่นี่ส่วนใหญ่มีชื่อเป็นภาษาไทยกันแล้ว บางคนได้รับสิทธิ์มีบัตรประชาชน แต่หลายคนก็ยังไม่มี ทุกคนพูดภาษาไทยได้ และแน่นอนว่าต้องพูดภาษาถิ่นเป็นภาษาหลัก ทำให้บางทีก็อาจมีภาษาไทยไม่ชัดบ้าง

            “อะ ๆ ไปเก็บผักกาดก็ได้”ผมบอกแล้วทุกคนก็ย้ายจากแปลงผักอะไรไม่รู้ เดินนำไปยังสวนผักกาด ผมสะพายตะกร้าไม้ไผ่ที่สานมือ หันมาบอกไอ้นาว

            “อย่าก่อเรื่องละมึง!”ผมบอก

            “เหอะบอกตัวเองดีกว่าไหมอย่าอ้วกกลางทางละ ผักนี่ต้องเก็บกินอีกหลายวัน”

            “ทำไม!?! อ้วกกูนี่ปุ๋ยชั้นดี!”ผมบอก มันยกนิ้วกลางทำหน้ากวน

            อาโชติก็เดินตามมาเหมือนกันแต่ตามอยู่ห่างออกไป เด็ก ๆ ชาวเขาร้องเพลงภาษาถิ่น จากคนที่หนึ่งเดินนำร้องขึ้น คนอื่น ๆ ก็ร้องตาม ในขบวนมีเด็กสุดแค่ 5 ขวบ เท้าเล็กก้าวยาวให้ทันตามพี่ ๆ ปากก็ร้อง มือแบออกลูบไล้ใบไม้ไปตามทาง

            “โห.....”ไอ้นาวอุทานก่อนผม ทันทีที่เงยหน้ามองสวนผักกาดที่ว่า มันเป็นผักที่ปลูกกับดิน เรียงยาวกว่าหนึ่งกิโลฯ ได้

            “ของหมู่บ้าน”สมปองเด็กโตที่สุดบอก ผมพยักหน้า สวนที่นี่ไม่ใช่ของเด็ก ๆ แต่เป็นของส่วนรวมของหมู่บ้าน

            “มึง ๆ ถ่ายรูปให้กูหน่อย”ไอ้นาวบอก ผมหัวเราะก่อนจะหยิบโทรศัพท์ที่มันยื่นมาให้ กดไปสองสามแชะ มันอมยิ้มจิ้ม ๆ อะไรของมันไม่รู้

            “มีสัญญาณเหรอวะ?”ผมถาม

            “ไม่มีอ่ะ”

            “สัส...เห็นยิ้มก็คิดว่ามี”ผมบอก

            “มา ๆ ไหนกล้องมึง กูถ่ายให้”มันถาม ผมก็ยื่นโทรศัพท์ให้มัน หน้าจอตั้งไว้เป็นรูปที่ถ่ายคู่กับอาเสือ ไอ้นาวมองแล้วหัวเราะ

            “แฟนหล่อนะมึง”มันแซว

            “สัส!”ผมด่าแต่มันหัวเราะ ก่อนจะถ่ายให้หมดสองรูป ที่เห็นไม่ไกลกันมาก...อาโชติกำลังถือกล้อง Nikon ตัวใหญ่ พร้อมเลนส์ยาว ๆ จ้องมาทางผม แบร่...จะถ่ายไปให้อาเสือดูละสิ!!!!!

            “ครูคะ...”กมลทิพย์ยื่นมีดเล็กมาให้ ผมเลยต้องช่วยตัดผักกาดพอให้คณะเรากิน เพิ่งรู้ว่า...ให้ตัดแค่ใบ เพราะจะได้เก็บรากไว้ให้มันขึ้นเองอีก ไอ้นาวแยกไปกลุ่มหนึ่ง ผมแยกมากลุ่มหนึ่ง วันนี้อากาศหนาวเหมือนเคย นี่ขนาดแดดจ้าขนาดนี้นะ ผมเอาฮู้ดสวมไว้ เด็กบางคนมองการกระทำของผมด้วยความสงสัย อยากจะเข้ามาเล่นด้วยแต่ไม่กล้า ผมเลยยิ้มให้...จากนั้นก็มีเด็ก ๆ หลายคนเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลังกันเต็ม

            ฮอตจริง ๆ เลยกู!

            “พอแล้ว...เยอะกว่านี้แบกกลับไม่ไหว”ผมบอก ไม่ใช่เบา ๆ นะ ทันทีที่ลองสะพานก็ลุกไม่ขึ้นเลย เสียงหัวเราะจากเด็กเจี๊ยวจ๊าว ยิ่งต้องพยายาม...แต่ก็ไม่ขึ้นอยู่ดี ของผมได้เต็ม ของไอ้นาวได้แครอทมา

            “มาครับ”อาโชติเดินมาถึงตัว ผมถอดสายสะพาน แล้วเอากล้องจากอาโชติมาถือไว้

            “ถ่ายรูป...”ผมกดชัตเตอร์รัวไปมา ทั้งเด็ก ๆ และไอ้นาว ช่วยกันแบกผักกลับมาโรงครัว ผมรู้สึกเวียนหัวจึงไปนั่งเล่นกับพวกไอ้โรล

            “หน้ามึงซีดอีกแล้ว”

            “อือ”

            “ปวดหัวเหรอ”

            “อือ”

            “บอกอาโชติมึงดิ”

            “เดี๋ยวก็หาย”

            “มึงก็เป็นซะอย่างเนี้ย โรคติดต่อรึเปล่าวะเวลามึงมีอะไรกะ....สวมถุงยางไหม”ไอ้โรลกระซิบถาม

            “สัส!

            “หึหึ...มีอะไรกันแล้วสินะ”

            “ไอ้เชี่ย!

            “ฮ่าฮ่าฮ่า หน้ามึงแดงด้วยอ่ะ”

            “พ่อมรึงตาย!!!!!”          

            “ฮ่าฮ่าฮ่า พ่อกูตายแล้วจริง ๆ กูไม่โกรธหรอก ฮ่าฮ่าฮ่า”ผมเลยจากที่ตรงนั้นมาด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง อาโชติเรียกให้ไปกินข้าว ระหว่างนั้นมีรถข้าวของมาถึง ผมดีใจมาก...กินรีบแล้วรีบออกไป

            “เฮ้ย เจ๋งว่ะ”ไอ้บอลบอก ช่วยกันยกของลงจากรถ สักบ่ายจะเรียกเด็กทุกคนมาแจก จะได้ใช้กันคืนนี้เลย

            “คุณท่านให้เอามาให้คุณกาวครับ”คนงานที่มากับรถ ถือถุงห่อมาให้อาโชติ อาโชติรับมาดูก่อนจะแกะออก ข้างในเป็นหมวกไหมพรมสีแดง และผ้าพันคอ สองชิ้นนี้เป็นของฝากที่อาเสือซื้อให้ตอนไปไซบีเรีย

            ก้มหน้ายิ้มน้อย ๆ เงยหน้าขึ้นมาเห็นอาโชติยิ้มอยู่เหมือนกัน เลยแกล้งทำเป็นมองอย่างอื่น

            “พรุ่งนี้ต้องลงไปในเมืองนะครับ...”

            “ไปทำไม?

            “ตรวจ...”อาโชติมองที่ท้อง

            “อ๋อ...ได้”ผมพยักหน้า งานช่วงบ่าย...เช็คของแล้วดูรายชื่อเด็ก เพื่อนสาวหลายคนจัดการส่วนนี้ได้ดีมาก ไอ้คิ้วมันดูของทั้งหมด ก่อนจะเริ่มแจก ผมกับไอ้นาวก็ไปช่วยเขาด้วย ได้เห็นรอยยิ้มก็สุขใจ ส่วนที่เหลือแจกชาวบ้าน โชคดีที่มันเยอะพอจะแจกทุกบ้าน

            ตอนเย็นเพื่อน ๆ ทุกคนนั่งเขียนบทนิทานที่จะใช้วันปิดค่าย เราเลือกเรื่องง่าย ๆ และสนุก บทที่เขียนได้ไอ้วิผู้ช่ำชองการเขียนบทละครเวทีมหาลัยฯ มาช่วยเขียนให้ จริง ๆ เขียนคนเดียว นอกนั้นเป็นที่ปรึกษา เรานอนกองระเกะระกะอยู่ตรงนอกชาน

            “หนาว”ไอ้นาวคราง ผมได้ยินฟันมันกระทบกันกึกกัก แต่ไม่อยากแซว (เดี๋ยวมันด่ากลับ) ไอ้ชัดเพื่อนซี้สุดของมัน ใช้นิ้วเท้าคีบผ้าห่มจากอีกมุมหนึ่งไปให้

            “ทำไมนิ้วมือมึงสั้นจังว่ะ”

            “นิ้วตีน ไอ้สัส!!!!!”ไอ้ชัดแก้ แล้วหัวเราะพร้อมกัน

            “มุกฮามาก กูให้ผ่าน”ไอ้คิ้วหัวเราะ ไอ้กอล์ฟมันยกหมอนมาอีก ผมก็ดึงมาไว้ใบนึง

            “วันนี้มันหนาวจังว่ะ”

            “นี่มันฤดูหนาว”

            “เออว่ะ”ผมหัวเราะ นั่งเล่นอีกสักพักทนไม่ไหว เดินกลับมาที่ห้อง ไอ้บอลเดินมาเป็นเพื่อน

            “จะนอนแล้วเหรอ”

            “เออ ไม่ไหวว่ะ”

            “มึง...กูเห็นนี่มันหล่นอยู่ตรงกระเป๋ามึงอ่ะ กูกะ ก็เลยเก็บไว้ให้”ไอ้บอลถือถุงยายื่นให้ ผมแทบจะกระชากออกจากมือมัน

            “เห็นแล้วดิ”ถามเสียงเรียบ มันพยักหน้า

            “ที่มึงไม่สบายก็เพราะ....”ผมรีบดึงมันเข้ามาในห้อง อยู่ในนั้นกันสองคน

            “อือ”บอกออกไปเลย ขี้เกียจโกหก

            “จริงดิ”ไอ้บอลทำสีหน้าตาตื่น ช็อคโลกไปแล้ว

            “กะ กี่เดือนแล้วว่ะ”

            “หมอบอกว่า 2”ผมตอบ

            “จับได้ไหม?

            “ไม่ได้!”ผมห้าม เกิดหวงขึ้นมาทันที ไอ้บอลชักมือกลับไป

            “หวงนะสัส”

            “เออ”ผมยิ้ม ยกมือลูบพุงน้อย ๆ ของตัวเอง

            “ถึงว่า...มึงดูมีน้ำมีนวลขึ้น แล้วก็....แล้วก็....”มันหยุดพูดเหมือนพยายามหาคำที่จะใช้อยู่ แต่นานเกินไม่ทันใจ ผมเลยถามโพล่งออกไปทันที

            “แล้วก็อะไรว่ะ!?

            “แล้วก็...ดูน่ารักขึ้น”ไม่รู้ว่ามันแกล้งรึเปล่า แต่ว่าสีหน้ามันแบบจริงจังมาก แล้วกูก็หน้าแดงขึ้นทันควัน

            “บ้ากูก็น่ารักงี้ทุกวันอยู่แล้ว”ผมชมตัวเอง หัวเราะเขิน ๆ

            “เหอะ ไม่ค่อยหลงตัวเอง ไอ้สัส!”ไอ้บอลหุบยิ้มทันที

            “แล้วยังไงเนี่ย พ่อมึงรู้ไหม”

            “มึงหยุดเรียกว่าพ่อซะทีได้ไหม!!??!!? มันน่าเกลียด!!!!

            “อ่อ...ผัวมึงรู้ไหม”

            เพลี๊ย!!!!! ผมมือไวมาก ตบปากมันทันที ไอ้บอลยกมือจับแก้มทำหน้าตกใจ

            “ตบกูไมมมมมมม”

            “ปากดีไง...”

            “ตรงไหน...ก็ไม่ใช่พ่อ ก็ต้องเป็นผัวสิว่ะ...ทำจนมีลูกไม่ให้เรียกผัวจะเรียกว่าอะไร”มันกวนตีนต่อ

            “ไอ้สัส”มันหัวเราะ

            “เออนั่นละ เขารู้รึยัง”

            “ยัง...”

            “ถึงว่าละ...ปล่อยให้มึงมาถึงนี่ได้”

            “มึงอย่าบอกใครนะ...กูอาย มันไม่ใช่เรื่องดีนักหรอกที่จะพูดไป”ผมขอร้องมันจริงจัง ไอ้บอลพยักหน้า

            “มีเด็กแบบนี้มึงต้องระวังเป็นพิเศษนะโว้ยพรุ่งนี้กูจะไปบอกไอ้คิ้วไม่ให้มึงยกของหนักแล้วกัน อ่อ ๆ จะไปเตือนไอ้นาวด้วย เผื่อมันคิดจะกระโดดถีบมึงแรง ๆ พรุ่งนี้ก็ไม่ต้องออกไปไหนแล้วกัน งานข้างนอกคนทำเยอะแล้ว...”

            “ไอ้บอล มึงช่วยใจเย็น ๆ ก่อน...”ผมหัวเราะ

            “กูไม่เป็นไร”ผมบอกย้ำมัน

            “ห่วงนี่หว่า”คำพูดสั้น ๆ ของมันทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาก อย่างน้อยก็มีมันเป็นเพื่อนที่คอยอยู่เคียงข้าง

            “ขอบใจมากว่ะ”

            “เออ งั้นเดี๋ยวกูย้ายมานอนข้างมึงแล้วกัน ไอ้นาวมันนอนดิ้น”

            “ฮ่าฮ่าฮ่า ดิ้นแค่ไหนมันก็ไม่กระโดดข้ามเตียงหรอกมั้ง”ผมนั่งลงบนที่นอน ไอ้บอลทำท่าเห็นด้วย

            “เออว่ะ”

            “กูจะนอนแล้ว”

            “อ่อ...เออ ๆ งั้นกูไปช่วยพวกมันข้างนอกแล้วกัน”

            “อืม”ล้มตัวลงนอน ไอ้บอลเข้าห้องน้ำแล้วเดินออกไปข้างนอก อาโชติก็เปิดประตูเข้ามาทันที

            “ทำไมต้องล็อคด้วยครับ”

            “กาวจะนอน...ถ้าจะมาดุอะไรไม่อยากฟังนะ”ผมรีบบอกก่อน อาโชติวางโทรศัพท์ไว้ข้างเตียงเหมือนเดิม คงเอาไปชาร์จไว้ให้เรียบร้อย

            “คุณท่านแค่เป็นห่วงนะ”

            “กาวง่วงอยากนอน”ผมเอ่ยออกไป

            “ครับ ๆ”อาโชติรีบวางรีบออกไป ก็เกิดความเงียบขึ้นมาทันที ผมนอนหันหลังให้โทรศัพท์ ราวกับคนปลายสายมายืนให้เห็นตรงหน้า

            “จะนอนแล้วเหรอ?”อาเสือส่งเสียงมาตามสาย

            “..................................”

            “ได้ของครบแล้วใช่ไหม อาอยากให้กาวใส่ผ้าพันคอไว้นะ คอจะได้อุ่น ๆ กาวชอบผืนนี้มากเลย...ทำไมถึงลืมไม่รู้”เหมือนพูดคนเดียว ผมดึงผ้าออก

            “อย่าเอาออกนะกาว...ใส่ไว้”เหมือนรู้ จึงรีบหันไปมองหน้าจอ คิดว่าอาโชติเป็นเฟสไทม์ตกใจหมด!!!!

            “...........................................”

            “กินยารึยัง”

            “.........................................”

            “กินแล้วสินะ กาวบอกจะนอนแล้วนี่นา”ผมนึกในใจ ขนาดบอกจะนอนแล้วยังพูดไม่หยุด ใครจะไปนอนหลับลง

            แก๊ก......เสียงเปิดประตูเข้ามา อาเสือก็เงียบ แต่ผมรู้ว่ายังไม่วางสาย ไอ้นาวโผล่หน้าเข้ามา

            “หนาววววววววว อ้าวคิดว่าหลับไปแล้ว”มันร้องทัก สัส...หมดกัน ไอ้ยินอาเสือหัวเราะ

            “คุยโทรศัพท์อยู่เหรอ กูไม่ออกนะ...กูหนาว”มันบอก ผมพยักหน้า

            “พรุ่งนี้อาโชติจะพาไปรพ.กาวนอนเถอะ อาไม่กวนแล้ว”เสียงอาเสือดังก้อง ไอ้นาวมันก็ไม่สนใจ เดินเข้าห้องน้ำ ล้างมือ ล้างหน้า แล้วซุกใต้ผ้าห่ม...ใส่หูฟังนอน

            “อาคิดถึงกาวนะครับ”

            “.........................................”ผมหลับตา ก่อนจะหลับไปในที่สุด ไม่รู้อาเสือวางไปตอนไหน แต่ไม่ใช่ตอนที่ผมเริ่มหลับแน่ ๆ น่าจะหลังจากนั้น
 


            รุ่งเช้าอาโชติเตรียมรถไว้ ไอ้คิ้วกับไอ้กอล์ฟทำหน้าที่เดินมาส่งผมที่รถ เพราะคนอื่นยังไม่ตื่น เดินผ่านเต๊นท์ไอ้ชัด มันร้องมาทักทาย

            “จะไปรพ.แล้วเหรอ”

            “เออ”

            “โชคดี ๆ”ผมพยักหน้า

            “ขอโทษด้วยว่ะ มานี่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่”

            “คิดมากน่า...รักษาตัวให้หาย ถือซะว่ามาพักผ่อนก็ได้ พวกกูไม่ได้อะไรอยู่แล้ว”ไอ้กอล์ฟบอก ผมเห็นอาโชติเลยวิ่งเหยาะ ๆ หมายจะถึงให้ตัวรถไว ๆ แต่ขาเจ้ากรรมดันสะดุดก้อนหิน ทำให้ตัวเองลื่น แถมถนนมันเป็นคล้ายเนินไม่ใช่พื้นเรียบ

            “เฮ้ย!”ผมร้อง ลื่นล้มลง...สมองประมวลผลอย่างเร็ว เอามือลงไปก่อนทานน้ำหนัก ไอ้กอล์ฟกับคิ้วแค่หันมามอง แต่อาโชติตกใจร้องลั่น

            “กาว!!!!!!!!!!!!!!!

            “อึก....”ผมล้มลงจับท้อง ตอนจะลุกขึ้น ไอ้กอล์ฟกับคิ้วคงเห็นท่าไม่ดี และใกล้ผมที่สุด ลงมาจับตัวผมไว้

            “กาวมึงเป็นอะไร!??!?!?!?!?!”เสียงไอ้คิ้วถามร้อนรน ผมกัดปากตัวเอง...เจ็บมือและเข่า (เอาเข่าลง)

            “กาว ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ!!!!!”อาโชติและคนของอาโชติวิ่งมาหน้าตาตื่น เพื่อนคนอื่นที่อยู่ใกล้ได้ยินเสียง ก็มองกันอย่างสนใจ

            “เจ็บ”บอกคำเดียว อาโชติอุ้มตัวลอย ไม่ฟังใครทั้งนั้น รีบพามารพ.

            “กาวโทรบอกกูด้วยนะ”ไอ้คิ้วตะโกนตามหลังมา

            “ขับเร็ว!!!! อดทนหน่อยนะครับ”  

            “เจ็บ”พูดได้แค่นั้น ผมกัดฟันทนอย่างที่สุด ขอโทษ ๆ ไม่ได้ตั้งใจจะล้ม อยู่กับกาวก่อนนะ!!!! บอกคนในท้องในใจ อยู่ด้วยกันก่อน...
           
             
  
            
COMMENT PLEASE



โธ่หนูกาว!!!! จะเป็นอะไรไหมหน๊อออออออ บอกแล้วให้ระวัง ๆ 


อาเสือจะว่ายังไงหน๊อ ถ้ารู้ความจริงเข้า

ยิ่งตอนนี้คนรู้เยอะแล้ว อาเสือไม่รู้...จะเป็นยังไงน้า????


เป็นห่วงจัง!!!! อย่าเป็นอะไรเลยน้า

ช่วยเป็นกำลังใจด้วยค่ะ