วันอังคารที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ตอนที่ 25 ทุกอย่างมันเหนื่อย



ตอนที่ 25





   
   ตอนที่ 25 ทุกอย่างมันเหนื่อย...



            เกือบอาทิตย์แล้วที่ต้องมาใช้ชีวิตค่าย เพราะเป็นฤดูหนาว...และที่นี่ก็เป็นภูเขา มองไปรอบ ๆ เจอแต่ต้นไม้ ทุ่งหญ้า คืบก็ป่าศอกก็ป่า มวลไอเย็นเลยส่งผลต่อระบบในร่างกายของผมมากกว่าปกติ ตอนกลางวันยังพอทน เพราะมีไอแดด แต่พอเริ่มเย็น...ฟ้ายังไม่มืด ลมหนาวก็มาเยือน ผมนอนไม่ได้...ชาวคณะหลายคนก็นอนไม่ได้ ทั้งที่เครื่องนอนเรามีมากพอ และมากกว่าของชาวบ้านด้วยซ้ำ การก่อกองไฟจึงเป็นทางออกให้พอคลายหนาวในทุกค่ำคืน อาโชติคอยตามดูแลไม่ห่าง ไม่ใช่แค่อาโชติแต่ยังมีลูกน้องอีกสองคน ผมขอร้องให้อาโชติโทรไปหาอาเสือ ให้ช่วยจัดส่งผ้าห่มหนา ๆ จะมายังไงก็ได้ แต่ให้เราที่สุด เพื่อมาบริจาค

            พวกเราหลายคนคิดว่า ของที่เอามานั่นเพียงพอแล้ว แต่ไม่เลย...ผ้าห่มผืนเดียวมันกันหนาวแทบไม่ได้เลยด้วยซ้ำ อาเสือรับปากจะจัดมาให้อย่างทันใจ ของจะมาถึงในวันพรุ่งนี้ พร้อมเสื้อกันหนาว หมวก ถุงมือ ถุงเท้า  

            ผมขอบคุณอยู่ในใจ แต่ก็ยังไม่อยากคุยหรือเห็นหน้าอาเสืออยู่ดี

            “อาโชติ”ผมร้อง อาโชติเดินมาจับมือ

            “หนาวเหรอครับ”

            “กาวคิดถึงอาเสือ”ผมบอก อาโชติยิ้ม

            “โทรหาไหมครับ?

            “ไม่!!! กาวเกลียดอาเสือ!!!!

            “แต่ก็คิดถึง”

            “อือ”ผมพยักหน้ายอมรับ อาโชติเอาผ้าห่มมาห่มให้อีกชั้น

            “กาวหนาว”

            “ออกไปนอนตรงกองไฟไหมครับ”

            “ไม่...กาวอยากนอนในนี้”ผมบอก ไอ้นาวเดินเข้ามาในห้องพอดี มันใช้ห้องแชร์กับผม แล้วก็ไอ้โรล ไอ้บอล

            “เอายามาให้”มันส่งยามาให้ผม วันนี้ไม่ต้องออกไปช่วยข้างนอกหนึ่งวัน เนื่องจากอาเจียนไม่หยุด พี่กาวยื่นคำขาดว่าถ้าผมไม่หายในวันสองวัน อาจจะต้องส่งตัวกลับกรุงเทพฯ แต่ผมไม่ยอม...หนักสุดอาจขอเข้ารพ.ที่นี่ก็ได้

            “ขอบใจมาก”อาโชติช่วยพยุงลุกขึ้น

            “ข้างนอกเป็นไงบ้าง”ผมถาม

            “ก็ย่างอะไรกินกัน อยากออกไปไหม”ไอ้นาวถาม มันก็ดีทันทีที่รู้ว่าผมไม่สบาย เราได้คุยกันเยอะขึ้น แล้วมันก็ดีกับผมมากขึ้น

            “ไม่อ่ะ ไม่ไหว”

            “................................”มันมองหน้าผมกับอาโชติ เหมือนจะพูดอะไรแล้วไม่พูด หยิบเสื้อกันหนาวกับโทรศัพท์ของตัวเอง แล้วเดินออกไปนอกห้อง

            “ยาที่หมอให้มาหมดรึยังครับ”

            “ยัง”

            “ดีแล้ว...กินให้ตรงเวลา จะได้ไม่อาเจียนอีก”อาทิตย์นี้หนักสุด ๆ เลยก็ว่าได้ ผมแทบจะกินอะไรไม่ได้เลย พยายามเท่าไหร่ อาเจียนออกหมด ตอนนี้เลยกินได้แต่นมที่อาโชติซื้อมาให้จากในเมือง กับสตรอเบอรี่ชาวเขา

            “อาเสือจะคิดถึงกาวไหม”ผมถามออกไปอีก

            “คิดถึงสิครับ คุณท่านก็คิดถึงแต่คุณกาวคนเดียว”

            “ไม่จริงหรอก อาเสือเกลียดกาวจะตาย”

            “แน่ใจเหรอครับ?

            “อือ วันนั้นยังตบกาวเลย ต่อหน้าคนอื่นด้วย...ดีแต่ขึ้นเสียงใส่”

            “คุณกาวดื้อนี่ครับ”

            “ว่าแต่วันนั้น...อาโชติไม่ได้บอกไปใช่ไหม”ถามเพิ่งจะได้โอกาสถามออกไป อาโชติพยักหน้า ได้คำตอบจริง ๆ แล้วเลยโล่งใจซะหน่อย

            “อย่าบอกนะ...”

            “ปิดไว้อย่างนี้ มันไม่ดีหรอกนะครับ”อาโชติบอก

            “ในนี้จะไม่เป็นของใครทั้งนั้น เป็นของกาวคนเดียว”ผมบอกนัยย์ตาแข็งกร้าว หมายความตามที่พูด อาโชติจัดห้องให้อีกนิดหน่อย ก่อนจะออกไปพักผ่อน ไอ้บอลก็เข้ามาอยู่เป็นเพื่อนระหว่างที่ผมยังนอนไม่หลับ

            วันนี้มันช่วยคนงานและชาวบ้านโบกผนังอาคาร จากส่วนที่มีคนงานได้เริ่มทำไปแล้ว เป็นอาคารเรียนถาวร ชั้น เริ่มดำเนินการไปหลายส่วนแล้ว งานวางท่อและไฟฟ้าก็ต้องเริ่มไปพร้อม ๆ กัน ทุกวันจึงวุ่นวายมากกว่าปกติ เรามีเวลาแค่ 20 วัน ก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุด เพื่อให้งานที่จะส่งต่อช่างเหลือน้อยที่สุด ประหยัดงบด้วย แล้วก็จะให้ทันใช้งาน เพราะอาคารเก่าหลังเดิมเป็นไม้ จะพังแหล่มิพังแหล่

            “ไง...”

            “อือ”

            “โอเคไหมเนี่ย”มันถาม

            “เออ ยังไหว”

            “แต่หน้ามึงซีดมาก ไม่สบายขนาดนี้พ่อมึงปล่อยมาได้ไงว่ะ”ไอ้บอลนั่งลงข้าง ๆ เตียง

            “กูดื้ออยากมาเอง ถ้าไม่ให้มา...กูก็ต้องอาละวาดบ้านพังแน่”

            “เหอะ ๆ ลำบากแท้ ๆ พรุ่งนี้ฉาบกำแพง อาทิตย์หน้าก็จะทาสีแล้ว...รีบ ๆ หาย มึงบอกอยากทาสี”

            “เออ หายทันแน่ไม่ต้องห่วง แล้วไอ้โรลไปไหน”

            “ข้างนอกนู่นนนนนน”

            “ไม่เคยจะมาดูกูหรอก”

            “ฮ่าฮ่าฮ่า มันได้กีต้าร์ละ...ไม่หยุดร้องเพลงหรอกคืนนี้”

            “เสียดายว่ะ ไม่ได้ออกไปเลย”ผมบอก นอนอยู่ในนี้ทุกคืน ระหว่างที่ทุกคนเล่นสนุก

            “ไม่เป็นไร มึงจะได้นอนเอาแรง...ตอนกลางวันช่วยทำงานได้”

            “เออ”ผมหัวเราะ ช่วงนี้ก็ได้แต่งานเบา ๆ อย่างสอนหนังสือเด็ก เล่นกับเด็ก ๆ โผล่เข้าครัวบ้าง กะจะไปช่วยเพราะเวทนาเวลาไอ้คิ้วมันด่าไอ้นาว แต่เข้าไปได้กลิ่นอาหารก็ต้องออกมาอาเจียนทุกครั้งไป

            “ไปละ...นอนพักนะ”

            “อะไรว่ะมาแค่นี้?

            “คืนนี้พี่เปรี้ยวอ่ะน้อง...ขอไปซิ่งก่อน”

            “ฮ่าฮ่าฮ่า ไอ้บ้า”ผมหัวเราะจนกระทั่งมันออกไป อาโชติเดินกลับเข้ามาอีกครั้ง เอาโทรศัพท์มาวางไว้ให้ หน้าจอไฟยังติดและตัวนับเวลายังเดิน ก็เหมือนทุก ๆ วันอาเสือจะโทรมา แม้ผมจะไม่คุยอะไรเลยก็ตาม

            “อาวางโทรศัพท์ให้ตรงนี้นะ”อาโชติบอก

            “เอาออกไป แสงมันแยงตา กาวนอนไม่หลับ”ผมบอก อาโชติเดินเข้ามาดับไฟหน้าจอ แต่ยังไม่วางสาย แถมยังเปิดลำโพงเอาไว้อีก ผมถอนหายใจ

            “จะนอนแล้วเหรอ?”เสียงอาเสือกุกกักมาตามสาย อยู่บนเขาสัญญาณไม่ค่อยดี แต่ก็ยังมี...

            “....................................”ผมเงียบ

            “อาให้คนรีบเอาของไปให้แล้วนะ คงถึงพรุ่งนี้....กาวเช็คดูแล้วกัน ว่าอยากได้อะไรเพิ่มรึเปล่า”

            “.......................................”

            “วันนี้เป็นยังไงบ้าง ช่วงโชติบอกว่ากาวอยู่ที่ค่ายสนุกมาก”สนุกอะไรกัน?

            “กาวช่วยทำอาคารเรียนสนุกไหม...อย่าทำงานหนักนักนะ พักซะบ้าง”ผมเดาเอานะ...ว่าอาโชติต้องโกหกอาเสือแน่เลย อาเสือไม่รู้ว่าผมยังไม่ค่อยสบายดีสักเท่าไหร่

            “อาทำห้องดูหนังใหม่ให้กาว เอาไว้กลับมาค่อยมาดูนะ”ผมอยากเห็น เพราะชอบดูหนังมาก เคยขออาเสือไปแล้วหลายครั้ง แต่อาเสือไม่ยอมให้ทำ อยากได้แบบจอใหญ่ ๆ ไฟมืด ๆ แต่เบาะนิ่มแล้วก็นอนได้

            “กาวครับ...หลับแล้วเหรอ”

            “.....................................”ผมไม่ตอบอะไรทั้งนั้น

            “อาจะวางสายแล้วนะ”

            “......................................”

            “อยู่ไกลขนาดนี้...คงพูดกันไม่ค่อยรู้เรื่อง เอาไว้กลับมาค่อยคุยเรื่องนั้นนะครับ”อาเสือบอก ทำเอาน้ำตาผมไหล ไม่ต้องมาพูดดี เพราะกาวจะไม่ให้อภัยอาเสือ!!!!

            “......................................”

            “ห่มผ้ารึยัง กรุงเทพฯ ยังหนาวขนาดนี้...ที่โน่นต้องหนาวมากแน่ ๆ ห่มผ้าหนา ๆ นะ อาให้เอาผ้านวมไปให้กาวอีก ผืน ใช้เสร็จก็ไม่ต้องขนกลับมาก็ได้...”

            “....................................”

            “อยากได้อะไร ให้โชติโทรบอกอานะครับ กาว....”ตรงนี้เสียงตะกุกตะกัก ผมฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ว่าน้ำตาไหลออกมาตลอดเวลา

            “ฮึก.....”คุมเสียงตัวเองไม่ได้ เลยหลุดไปซะเฮือกนึง รีบมือปิดปาก อาเสือเงียบไป...เสียงพูดโน่นพูดนี่ก็ยังดังต่อไปเรื่อย ๆ อาเสือเล่าว่าวันนี้ทำอะไรบ้าง ผมนอนฟังเพลิน ๆ จนกระทั่งหลับไป
           


            รุ่งเช้า ไอ้นาวนอนที่เตียงข้าง ๆ ไอ้โรลกับไอ้บอลนอนเบียดกันที่เตียงตรงข้าม ผมมองดูโทรศัพท์ที่น่าจะวางอยู่หัวเตียง แต่ไม่เจอ อาโชติคงเข้ามาหยิบไปชาร์จแล้ว เมื่อคืนไม่รู้อาเสือวางสายไปต่อกี่โมง

            “อาบน้ำเถอะครับ”อาโชติโผล่แค่หน้าเข้ามาเรียก ผมพยักหน้า ลุกขึ้นตัวเหมือนจะร้าวทั้งตัว โอ๊ย...หนาวมาก จะให้อาบน้ำหรืออะไรไม่อยากเอามือโดนน้ำเลย แข็งใจออกไปแปรงฟัน ก่อนจะอาเจียนก่อนอาหารเช้าหนึ่งยก ไอ้คิ้วเดินมาลูบหลังให้

            “มึงไม่ดีขึ้นเลย”มันบอก

            “เดี๋ยวก็หาย”ผมจัดการตัวเองเสร็จ รีบเดินออกมาโรงครัว พวกผู้หญิงกับแม่บ้านทำอาหารเช้าไว้รอแล้ว

            “อ้าว...มากิน ๆ”เปิ้ลเรียก อาโชติก็ตักแกงร้อน ๆ มาให้ เป็นต้มฝักหมูกระดูก ของผมเอาข้าวสวยลงไปอยู่ในชามเดียวกันเรียบร้อย

            “ผัดผักก็มีนะ...”

            “ไม่เอาอ่ะ”รีบบอกก่อนจะยกมา

            “กินไปก่อน จะได้กินยา”ไอ้คิ้วบอก แม้ว่าผมจะต้องอาเจียนออกก็ตาม แต่ต้องให้มีอะไรไปวน ๆ ในท้องบ้าง

            “วันนี้เป็นยังไงกาว?”พี่กาวเดินมาถาม

            “ก็ดีขึ้นแล้ว วันนี้กาวพาเด็กไปเก็บผักนะ อยู่แต่ในห้องเรียนมันหนาว”ผมรีบบอก พี่กาวมองหน้าอาโชติแล้วก็พยักหน้า ยังไงอาโชติก็ต้องตามไปด้วยอยู่แล้ว

            “ให้นาวไปด้วยแล้วกัน...เมื่อวานให้ไปช่วยงานช่าง เกือบทำค้อนหลุดมือฟาดหน้าเพื่อน ให้ไปช่วยในครัวก็ยกหม้อน้ำเดือดหล่นพื้น ดีที่ไม่ลวกขาตัวเอง”ผมหัวเราะ มันทำอะไรเป็นบ้างแล้วคำถามนั้นก็วกกลับมาหาตัวเอง คือกูละทำอะไรเป็นบ้าง ฮา

            “อือ”ตอนสาย ๆ เลยลากไอ้นาวไปด้วยกัน มันเป็นคนเดียวในค่าย ที่กล้านอนสายจนตะวันแยงก้น น่าอายชะมัด! ปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมตื่น แถมยังเหวี่ยงกลับด้วย ตั้งแต่มาอยู่ที่ค่าย...ผมว่ามันเป็นคนแปลก ๆ บางทีก็ดี บางทีก็ดูไม่น่าคบ แต่ก็เรื่องของมันเถอะ ผมไม่ได้อะไรกะมันมาก...เห็นมันลุกขึ้นมาอาบน้ำได้ ก็ดีบุญถมเท่าไหร่

            เดินออกมาตรงก่อสร้าง เพื่อน ๆ หลายคนแบ่งหน้าที่กันทำชัดเจน งานแต่ละส่วนหยิบจับอะไรได้ก็ต้องช่วยทำ อาจจะเป็นส่วนเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ก็ทำเพื่อส่วนรวม

            “กาว...อย่าไปไกลนะ”ไอ้คิ้วตะโกนบอก ผมพยักหน้า...เดินยกน้ำที่ใส่กระติกไว้ให้พวกไอ้กลม

            “กูวางน้ำไว้นี่นะ”ทุกคนหันมาพยักหน้า แล้วก้มหน้าทำงานของตัวเองต่อ ระหว่างที่ผมทำโน่นนี่ อาโชติไม่ได้เข้ามาวุ่นวาย รู้แต่ว่าตามอยู่ไม่ห่างสายตา ผมเดินลัดเลาะแมกไม้เข้าสู่สวนหลังโรงเรียน ที่นี่มีแปลงผักเป็นของตัวเอง เลี้ยงสัตว์อย่างไก่ หมู ปลาเพื่อเป็นอาหาร และบางส่วนนำไปขายในเมือง

            เด็ก ๆ ที่นี่จะต้องทำเวร ดูแลสวนผักและสัตว์น้อยใหญ่ทั้งหลาย มีส่วนที่ต้องยกไปขายและทำหน้าที่เป็นแม่ค้า เด็กน้อยชาวเขาเติบโตมาท่ามกลางธรรมชาติที่บางทีผมก็อิจฉาเหลือเกิน

            “คุณครูพี่กาวมาแล้ว”เสียงเรียกดังขึ้น ผมเดินเข้าไปหา หันกลับไปไอ้นาวใส่เสื้อแขนยาวเดินหาวตามมา

            “วันนี้ทำอะไรกัน”

            “เก็บผักกาดไปผัดดีไหมครู ผักกาดหวานต้มก็ได้”เด็กชายสมปองเอ่ยขึ้น

            “เมื่อวานก็กินผัก วันนี้จะกินอีกแล้วเหรอ?”ไอ้นาวเดินมาถึงพอดีพูดขึ้นพร้อมทำสีหน้าเหนื่อยหน่าย เด็ก ๆ เลยยืนนิ่ง พากันงง...ถ้าไม่กินผักจะให้กินอะไร?

            “มึงคิดว่าที่นี่มีหูฉลาม?”ไอ้นาวมองผมอย่างด่าในใจ สายตามันผมว่ามันด่าผมอยู่แน่ ๆ

            “ไม่ใช่ก็เห็นว่าที่นี่มีหมูเห็ดเป็ดไก่ ทำไมไม่ฆ่ามาสักตัว...”จับท้องตัวเองอัตโนมัติ ไอ้เชี่ยนี่สายโหด!

            “มันยังไม่โตเลยครู”กาญธิดาพูด เด็กชาวเขาที่นี่ส่วนใหญ่มีชื่อเป็นภาษาไทยกันแล้ว บางคนได้รับสิทธิ์มีบัตรประชาชน แต่หลายคนก็ยังไม่มี ทุกคนพูดภาษาไทยได้ และแน่นอนว่าต้องพูดภาษาถิ่นเป็นภาษาหลัก ทำให้บางทีก็อาจมีภาษาไทยไม่ชัดบ้าง

            “อะ ๆ ไปเก็บผักกาดก็ได้”ผมบอกแล้วทุกคนก็ย้ายจากแปลงผักอะไรไม่รู้ เดินนำไปยังสวนผักกาด ผมสะพายตะกร้าไม้ไผ่ที่สานมือ หันมาบอกไอ้นาว

            “อย่าก่อเรื่องละมึง!”ผมบอก

            “เหอะบอกตัวเองดีกว่าไหมอย่าอ้วกกลางทางละ ผักนี่ต้องเก็บกินอีกหลายวัน”

            “ทำไม!?! อ้วกกูนี่ปุ๋ยชั้นดี!”ผมบอก มันยกนิ้วกลางทำหน้ากวน

            อาโชติก็เดินตามมาเหมือนกันแต่ตามอยู่ห่างออกไป เด็ก ๆ ชาวเขาร้องเพลงภาษาถิ่น จากคนที่หนึ่งเดินนำร้องขึ้น คนอื่น ๆ ก็ร้องตาม ในขบวนมีเด็กสุดแค่ 5 ขวบ เท้าเล็กก้าวยาวให้ทันตามพี่ ๆ ปากก็ร้อง มือแบออกลูบไล้ใบไม้ไปตามทาง

            “โห.....”ไอ้นาวอุทานก่อนผม ทันทีที่เงยหน้ามองสวนผักกาดที่ว่า มันเป็นผักที่ปลูกกับดิน เรียงยาวกว่าหนึ่งกิโลฯ ได้

            “ของหมู่บ้าน”สมปองเด็กโตที่สุดบอก ผมพยักหน้า สวนที่นี่ไม่ใช่ของเด็ก ๆ แต่เป็นของส่วนรวมของหมู่บ้าน

            “มึง ๆ ถ่ายรูปให้กูหน่อย”ไอ้นาวบอก ผมหัวเราะก่อนจะหยิบโทรศัพท์ที่มันยื่นมาให้ กดไปสองสามแชะ มันอมยิ้มจิ้ม ๆ อะไรของมันไม่รู้

            “มีสัญญาณเหรอวะ?”ผมถาม

            “ไม่มีอ่ะ”

            “สัส...เห็นยิ้มก็คิดว่ามี”ผมบอก

            “มา ๆ ไหนกล้องมึง กูถ่ายให้”มันถาม ผมก็ยื่นโทรศัพท์ให้มัน หน้าจอตั้งไว้เป็นรูปที่ถ่ายคู่กับอาเสือ ไอ้นาวมองแล้วหัวเราะ

            “แฟนหล่อนะมึง”มันแซว

            “สัส!”ผมด่าแต่มันหัวเราะ ก่อนจะถ่ายให้หมดสองรูป ที่เห็นไม่ไกลกันมาก...อาโชติกำลังถือกล้อง Nikon ตัวใหญ่ พร้อมเลนส์ยาว ๆ จ้องมาทางผม แบร่...จะถ่ายไปให้อาเสือดูละสิ!!!!!

            “ครูคะ...”กมลทิพย์ยื่นมีดเล็กมาให้ ผมเลยต้องช่วยตัดผักกาดพอให้คณะเรากิน เพิ่งรู้ว่า...ให้ตัดแค่ใบ เพราะจะได้เก็บรากไว้ให้มันขึ้นเองอีก ไอ้นาวแยกไปกลุ่มหนึ่ง ผมแยกมากลุ่มหนึ่ง วันนี้อากาศหนาวเหมือนเคย นี่ขนาดแดดจ้าขนาดนี้นะ ผมเอาฮู้ดสวมไว้ เด็กบางคนมองการกระทำของผมด้วยความสงสัย อยากจะเข้ามาเล่นด้วยแต่ไม่กล้า ผมเลยยิ้มให้...จากนั้นก็มีเด็ก ๆ หลายคนเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลังกันเต็ม

            ฮอตจริง ๆ เลยกู!

            “พอแล้ว...เยอะกว่านี้แบกกลับไม่ไหว”ผมบอก ไม่ใช่เบา ๆ นะ ทันทีที่ลองสะพานก็ลุกไม่ขึ้นเลย เสียงหัวเราะจากเด็กเจี๊ยวจ๊าว ยิ่งต้องพยายาม...แต่ก็ไม่ขึ้นอยู่ดี ของผมได้เต็ม ของไอ้นาวได้แครอทมา

            “มาครับ”อาโชติเดินมาถึงตัว ผมถอดสายสะพาน แล้วเอากล้องจากอาโชติมาถือไว้

            “ถ่ายรูป...”ผมกดชัตเตอร์รัวไปมา ทั้งเด็ก ๆ และไอ้นาว ช่วยกันแบกผักกลับมาโรงครัว ผมรู้สึกเวียนหัวจึงไปนั่งเล่นกับพวกไอ้โรล

            “หน้ามึงซีดอีกแล้ว”

            “อือ”

            “ปวดหัวเหรอ”

            “อือ”

            “บอกอาโชติมึงดิ”

            “เดี๋ยวก็หาย”

            “มึงก็เป็นซะอย่างเนี้ย โรคติดต่อรึเปล่าวะเวลามึงมีอะไรกะ....สวมถุงยางไหม”ไอ้โรลกระซิบถาม

            “สัส!

            “หึหึ...มีอะไรกันแล้วสินะ”

            “ไอ้เชี่ย!

            “ฮ่าฮ่าฮ่า หน้ามึงแดงด้วยอ่ะ”

            “พ่อมรึงตาย!!!!!”          

            “ฮ่าฮ่าฮ่า พ่อกูตายแล้วจริง ๆ กูไม่โกรธหรอก ฮ่าฮ่าฮ่า”ผมเลยจากที่ตรงนั้นมาด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง อาโชติเรียกให้ไปกินข้าว ระหว่างนั้นมีรถข้าวของมาถึง ผมดีใจมาก...กินรีบแล้วรีบออกไป

            “เฮ้ย เจ๋งว่ะ”ไอ้บอลบอก ช่วยกันยกของลงจากรถ สักบ่ายจะเรียกเด็กทุกคนมาแจก จะได้ใช้กันคืนนี้เลย

            “คุณท่านให้เอามาให้คุณกาวครับ”คนงานที่มากับรถ ถือถุงห่อมาให้อาโชติ อาโชติรับมาดูก่อนจะแกะออก ข้างในเป็นหมวกไหมพรมสีแดง และผ้าพันคอ สองชิ้นนี้เป็นของฝากที่อาเสือซื้อให้ตอนไปไซบีเรีย

            ก้มหน้ายิ้มน้อย ๆ เงยหน้าขึ้นมาเห็นอาโชติยิ้มอยู่เหมือนกัน เลยแกล้งทำเป็นมองอย่างอื่น

            “พรุ่งนี้ต้องลงไปในเมืองนะครับ...”

            “ไปทำไม?

            “ตรวจ...”อาโชติมองที่ท้อง

            “อ๋อ...ได้”ผมพยักหน้า งานช่วงบ่าย...เช็คของแล้วดูรายชื่อเด็ก เพื่อนสาวหลายคนจัดการส่วนนี้ได้ดีมาก ไอ้คิ้วมันดูของทั้งหมด ก่อนจะเริ่มแจก ผมกับไอ้นาวก็ไปช่วยเขาด้วย ได้เห็นรอยยิ้มก็สุขใจ ส่วนที่เหลือแจกชาวบ้าน โชคดีที่มันเยอะพอจะแจกทุกบ้าน

            ตอนเย็นเพื่อน ๆ ทุกคนนั่งเขียนบทนิทานที่จะใช้วันปิดค่าย เราเลือกเรื่องง่าย ๆ และสนุก บทที่เขียนได้ไอ้วิผู้ช่ำชองการเขียนบทละครเวทีมหาลัยฯ มาช่วยเขียนให้ จริง ๆ เขียนคนเดียว นอกนั้นเป็นที่ปรึกษา เรานอนกองระเกะระกะอยู่ตรงนอกชาน

            “หนาว”ไอ้นาวคราง ผมได้ยินฟันมันกระทบกันกึกกัก แต่ไม่อยากแซว (เดี๋ยวมันด่ากลับ) ไอ้ชัดเพื่อนซี้สุดของมัน ใช้นิ้วเท้าคีบผ้าห่มจากอีกมุมหนึ่งไปให้

            “ทำไมนิ้วมือมึงสั้นจังว่ะ”

            “นิ้วตีน ไอ้สัส!!!!!”ไอ้ชัดแก้ แล้วหัวเราะพร้อมกัน

            “มุกฮามาก กูให้ผ่าน”ไอ้คิ้วหัวเราะ ไอ้กอล์ฟมันยกหมอนมาอีก ผมก็ดึงมาไว้ใบนึง

            “วันนี้มันหนาวจังว่ะ”

            “นี่มันฤดูหนาว”

            “เออว่ะ”ผมหัวเราะ นั่งเล่นอีกสักพักทนไม่ไหว เดินกลับมาที่ห้อง ไอ้บอลเดินมาเป็นเพื่อน

            “จะนอนแล้วเหรอ”

            “เออ ไม่ไหวว่ะ”

            “มึง...กูเห็นนี่มันหล่นอยู่ตรงกระเป๋ามึงอ่ะ กูกะ ก็เลยเก็บไว้ให้”ไอ้บอลถือถุงยายื่นให้ ผมแทบจะกระชากออกจากมือมัน

            “เห็นแล้วดิ”ถามเสียงเรียบ มันพยักหน้า

            “ที่มึงไม่สบายก็เพราะ....”ผมรีบดึงมันเข้ามาในห้อง อยู่ในนั้นกันสองคน

            “อือ”บอกออกไปเลย ขี้เกียจโกหก

            “จริงดิ”ไอ้บอลทำสีหน้าตาตื่น ช็อคโลกไปแล้ว

            “กะ กี่เดือนแล้วว่ะ”

            “หมอบอกว่า 2”ผมตอบ

            “จับได้ไหม?

            “ไม่ได้!”ผมห้าม เกิดหวงขึ้นมาทันที ไอ้บอลชักมือกลับไป

            “หวงนะสัส”

            “เออ”ผมยิ้ม ยกมือลูบพุงน้อย ๆ ของตัวเอง

            “ถึงว่า...มึงดูมีน้ำมีนวลขึ้น แล้วก็....แล้วก็....”มันหยุดพูดเหมือนพยายามหาคำที่จะใช้อยู่ แต่นานเกินไม่ทันใจ ผมเลยถามโพล่งออกไปทันที

            “แล้วก็อะไรว่ะ!?

            “แล้วก็...ดูน่ารักขึ้น”ไม่รู้ว่ามันแกล้งรึเปล่า แต่ว่าสีหน้ามันแบบจริงจังมาก แล้วกูก็หน้าแดงขึ้นทันควัน

            “บ้ากูก็น่ารักงี้ทุกวันอยู่แล้ว”ผมชมตัวเอง หัวเราะเขิน ๆ

            “เหอะ ไม่ค่อยหลงตัวเอง ไอ้สัส!”ไอ้บอลหุบยิ้มทันที

            “แล้วยังไงเนี่ย พ่อมึงรู้ไหม”

            “มึงหยุดเรียกว่าพ่อซะทีได้ไหม!!??!!? มันน่าเกลียด!!!!

            “อ่อ...ผัวมึงรู้ไหม”

            เพลี๊ย!!!!! ผมมือไวมาก ตบปากมันทันที ไอ้บอลยกมือจับแก้มทำหน้าตกใจ

            “ตบกูไมมมมมมม”

            “ปากดีไง...”

            “ตรงไหน...ก็ไม่ใช่พ่อ ก็ต้องเป็นผัวสิว่ะ...ทำจนมีลูกไม่ให้เรียกผัวจะเรียกว่าอะไร”มันกวนตีนต่อ

            “ไอ้สัส”มันหัวเราะ

            “เออนั่นละ เขารู้รึยัง”

            “ยัง...”

            “ถึงว่าละ...ปล่อยให้มึงมาถึงนี่ได้”

            “มึงอย่าบอกใครนะ...กูอาย มันไม่ใช่เรื่องดีนักหรอกที่จะพูดไป”ผมขอร้องมันจริงจัง ไอ้บอลพยักหน้า

            “มีเด็กแบบนี้มึงต้องระวังเป็นพิเศษนะโว้ยพรุ่งนี้กูจะไปบอกไอ้คิ้วไม่ให้มึงยกของหนักแล้วกัน อ่อ ๆ จะไปเตือนไอ้นาวด้วย เผื่อมันคิดจะกระโดดถีบมึงแรง ๆ พรุ่งนี้ก็ไม่ต้องออกไปไหนแล้วกัน งานข้างนอกคนทำเยอะแล้ว...”

            “ไอ้บอล มึงช่วยใจเย็น ๆ ก่อน...”ผมหัวเราะ

            “กูไม่เป็นไร”ผมบอกย้ำมัน

            “ห่วงนี่หว่า”คำพูดสั้น ๆ ของมันทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาก อย่างน้อยก็มีมันเป็นเพื่อนที่คอยอยู่เคียงข้าง

            “ขอบใจมากว่ะ”

            “เออ งั้นเดี๋ยวกูย้ายมานอนข้างมึงแล้วกัน ไอ้นาวมันนอนดิ้น”

            “ฮ่าฮ่าฮ่า ดิ้นแค่ไหนมันก็ไม่กระโดดข้ามเตียงหรอกมั้ง”ผมนั่งลงบนที่นอน ไอ้บอลทำท่าเห็นด้วย

            “เออว่ะ”

            “กูจะนอนแล้ว”

            “อ่อ...เออ ๆ งั้นกูไปช่วยพวกมันข้างนอกแล้วกัน”

            “อืม”ล้มตัวลงนอน ไอ้บอลเข้าห้องน้ำแล้วเดินออกไปข้างนอก อาโชติก็เปิดประตูเข้ามาทันที

            “ทำไมต้องล็อคด้วยครับ”

            “กาวจะนอน...ถ้าจะมาดุอะไรไม่อยากฟังนะ”ผมรีบบอกก่อน อาโชติวางโทรศัพท์ไว้ข้างเตียงเหมือนเดิม คงเอาไปชาร์จไว้ให้เรียบร้อย

            “คุณท่านแค่เป็นห่วงนะ”

            “กาวง่วงอยากนอน”ผมเอ่ยออกไป

            “ครับ ๆ”อาโชติรีบวางรีบออกไป ก็เกิดความเงียบขึ้นมาทันที ผมนอนหันหลังให้โทรศัพท์ ราวกับคนปลายสายมายืนให้เห็นตรงหน้า

            “จะนอนแล้วเหรอ?”อาเสือส่งเสียงมาตามสาย

            “..................................”

            “ได้ของครบแล้วใช่ไหม อาอยากให้กาวใส่ผ้าพันคอไว้นะ คอจะได้อุ่น ๆ กาวชอบผืนนี้มากเลย...ทำไมถึงลืมไม่รู้”เหมือนพูดคนเดียว ผมดึงผ้าออก

            “อย่าเอาออกนะกาว...ใส่ไว้”เหมือนรู้ จึงรีบหันไปมองหน้าจอ คิดว่าอาโชติเป็นเฟสไทม์ตกใจหมด!!!!

            “...........................................”

            “กินยารึยัง”

            “.........................................”

            “กินแล้วสินะ กาวบอกจะนอนแล้วนี่นา”ผมนึกในใจ ขนาดบอกจะนอนแล้วยังพูดไม่หยุด ใครจะไปนอนหลับลง

            แก๊ก......เสียงเปิดประตูเข้ามา อาเสือก็เงียบ แต่ผมรู้ว่ายังไม่วางสาย ไอ้นาวโผล่หน้าเข้ามา

            “หนาววววววววว อ้าวคิดว่าหลับไปแล้ว”มันร้องทัก สัส...หมดกัน ไอ้ยินอาเสือหัวเราะ

            “คุยโทรศัพท์อยู่เหรอ กูไม่ออกนะ...กูหนาว”มันบอก ผมพยักหน้า

            “พรุ่งนี้อาโชติจะพาไปรพ.กาวนอนเถอะ อาไม่กวนแล้ว”เสียงอาเสือดังก้อง ไอ้นาวมันก็ไม่สนใจ เดินเข้าห้องน้ำ ล้างมือ ล้างหน้า แล้วซุกใต้ผ้าห่ม...ใส่หูฟังนอน

            “อาคิดถึงกาวนะครับ”

            “.........................................”ผมหลับตา ก่อนจะหลับไปในที่สุด ไม่รู้อาเสือวางไปตอนไหน แต่ไม่ใช่ตอนที่ผมเริ่มหลับแน่ ๆ น่าจะหลังจากนั้น
 


            รุ่งเช้าอาโชติเตรียมรถไว้ ไอ้คิ้วกับไอ้กอล์ฟทำหน้าที่เดินมาส่งผมที่รถ เพราะคนอื่นยังไม่ตื่น เดินผ่านเต๊นท์ไอ้ชัด มันร้องมาทักทาย

            “จะไปรพ.แล้วเหรอ”

            “เออ”

            “โชคดี ๆ”ผมพยักหน้า

            “ขอโทษด้วยว่ะ มานี่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่”

            “คิดมากน่า...รักษาตัวให้หาย ถือซะว่ามาพักผ่อนก็ได้ พวกกูไม่ได้อะไรอยู่แล้ว”ไอ้กอล์ฟบอก ผมเห็นอาโชติเลยวิ่งเหยาะ ๆ หมายจะถึงให้ตัวรถไว ๆ แต่ขาเจ้ากรรมดันสะดุดก้อนหิน ทำให้ตัวเองลื่น แถมถนนมันเป็นคล้ายเนินไม่ใช่พื้นเรียบ

            “เฮ้ย!”ผมร้อง ลื่นล้มลง...สมองประมวลผลอย่างเร็ว เอามือลงไปก่อนทานน้ำหนัก ไอ้กอล์ฟกับคิ้วแค่หันมามอง แต่อาโชติตกใจร้องลั่น

            “กาว!!!!!!!!!!!!!!!

            “อึก....”ผมล้มลงจับท้อง ตอนจะลุกขึ้น ไอ้กอล์ฟกับคิ้วคงเห็นท่าไม่ดี และใกล้ผมที่สุด ลงมาจับตัวผมไว้

            “กาวมึงเป็นอะไร!??!?!?!?!?!”เสียงไอ้คิ้วถามร้อนรน ผมกัดปากตัวเอง...เจ็บมือและเข่า (เอาเข่าลง)

            “กาว ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ!!!!!”อาโชติและคนของอาโชติวิ่งมาหน้าตาตื่น เพื่อนคนอื่นที่อยู่ใกล้ได้ยินเสียง ก็มองกันอย่างสนใจ

            “เจ็บ”บอกคำเดียว อาโชติอุ้มตัวลอย ไม่ฟังใครทั้งนั้น รีบพามารพ.

            “กาวโทรบอกกูด้วยนะ”ไอ้คิ้วตะโกนตามหลังมา

            “ขับเร็ว!!!! อดทนหน่อยนะครับ”  

            “เจ็บ”พูดได้แค่นั้น ผมกัดฟันทนอย่างที่สุด ขอโทษ ๆ ไม่ได้ตั้งใจจะล้ม อยู่กับกาวก่อนนะ!!!! บอกคนในท้องในใจ อยู่ด้วยกันก่อน...
           
             
  
            
COMMENT PLEASE



โธ่หนูกาว!!!! จะเป็นอะไรไหมหน๊อออออออ บอกแล้วให้ระวัง ๆ 


อาเสือจะว่ายังไงหน๊อ ถ้ารู้ความจริงเข้า

ยิ่งตอนนี้คนรู้เยอะแล้ว อาเสือไม่รู้...จะเป็นยังไงน้า????


เป็นห่วงจัง!!!! อย่าเป็นอะไรเลยน้า

ช่วยเป็นกำลังใจด้วยค่ะ 




















4 ความคิดเห็น:

  1. เริ่มอยากให้อาเสือดัดนิสัยเด็กดื้อละ !!!!

    ตอบลบ
  2. ว้ากกก กาวกับลูก อย่าเป็นอะไรนะ อาเสือมาเร้วววว

    ตอบลบ
  3. ของผมได้เต็ม ของนาวได้แครอท. เต็มมันคือผักอารายยยน่ะ

    ตอบลบ
  4. รู้ว่าท้อง จะวิ่งเพื่อ

    ตอบลบ