วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ตอนที่ 9 – “เสียงที่เกลียด” 100%




ตอนที่ 9 – “เสียงที่เกลียด”



            กลับบ้านมาพร้อมอาเสือ พอลงจากรถผมวิ่งไปหากรงไอ้ตาลก่อน เพราะเห็นสมหมายกำลังจะให้อาหารมันอยู่พอดี ผมชอบดู เวลามันค่อย ๆ เขมือบเหยื่ออันโอชะเข้าไป กรามอันทรงพลังอ้ากว้างสุดเพื่อรับอาหารเข้าไป คราวนี้เป็นไก่แจ้ตัวไม่เล็กไม่ใหญ่ คงทำให้มันพออิ่มไปได้อีกอาทิตย์ อาเสือหิ้วกระเป๋าของผมเข้าบ้าน มีอาโชติและลูกน้องเดินตามถือกระเป๋าของอาเสือเอง

            “อย่าเข้าไปในกรงนะ...กาว!!!!”อาเสือร้องตะโกนมา ผมยกสัญลักษณ์โอเคขึ้นเหนือหัว แล้วเรียกสมหมาย

            “สมหมายยยยยยย”ร้องเรียกเสียงดัง สมหมายชะงัก ก่อนจะยิ้มให้แล้วถือถังออกมา

            “ผมใส่เข้าไปแล้วครับ เดี๋ยวมันหิวก็คงจัดการเอง”สมหมายบอก ผมเกาะกรงยืนดู ไอ้ตาลค่อย ๆ แล่บลิ้นสองแฉก สำรวจสิ่งมีชีวิตที่มาใหม่ ภายในกรงตัวเองอย่างช้า ๆ

            “กินเร็วไอ้ตาล...”ผมบอก ให้ยืนลุ้นตั้งนานสองนาน มันก็ยังไม่จัดการสักที จนเมื่อยละ!

            “มันคงอายมั้งครับ ฮะฮ่ะฮ่า”สมหมายหัวเราะ

            “กินสิไอ้ตาล กิน ๆ”ผมยังเชียร์ไม่เลิก สมหมายส่งเสียงหัวเราะแปลก ๆ ทำให้ผมรู้สึกขัดใจเป็นอย่างมาก  

            “ไปเถอะครับ มันคงกินไม่ลง”สมหมายบอกอีก

            “ยุ่ง มีอะไรก็ไปทำเลย”ผมบอก แต่สมหมายไม่ปล่อยให้ผมยืนหน้ากรงคนเดียวหรอก ผมไม่ไปเจ้าตัวก็ไม่ไปเหมือนกัน

            “.................................”

            “มีอะไรก็ไปทำเถอะน่า ไม่เข้าไปหรอก”ผมบอก

            “แฮะ ๆ งานเสร็จแล้วครับ”ผมถามหายใจ มองหน้าสมหมายเต็ม ๆ สะกดอารมณ์ของตัวเองไม่ให้ระเบิด เพราะไม่ชอบให้ใครมาขัดใจ

            “อะไรที่ให้ไปทำ เรียบร้อยดีไหม?”ผมถามเสียงนิ่ง อีกคนดันยิ้มแหยะ ๆ แบบนี้

            “ว่าละ ไร้ประสิทธิ์ภาพไม่เคยเปลี่ยน”เดาไม่ยาก...

            “โธ่ คุณหนูครับ...อย่าทำเลยนะครับ มันไม่ดีหรอก เดี๋ยวคุณท่านจะโกรธขึ้นมาอีก ได้เจ็บตัวเหมือนคราวที่แล้ว ไม่เข็ดหรือไงครับ”สมหมายพูด

            “ไม่เข็ด ไม่เคยเข็ด!!! ไม่กลัวด้วยจะบอกให้!!!!!

            “คุณท่านโมโหที แม่บ้านก็กลัวกันเป็นแถว อย่าทำเลยนะครับ”เสียงเว้าวอนจากสมหมาย ผมทำหน้าเชิด

            “เรื่อง!?! อย่ามายุ่ง!!! ให้ไปทำอะไร...ก็ทำ แค่นั้นพอ!!!!”ผมตวาดเสียงดัง

            “กาว!!!!เสียงเรียกดังขัดขึ้นมาเสียก่อน  ผมกับสมหมายสะดุ้ง อาเสือยืนหน้าโหดอยู่หน้าประตูบ้าน ผมหันหน้าไปหาสมหมายอย่างเอาเรื่อง

            “ฝากไว้ก่อนเถอะ!!! เดี๋ยวค่อยกลับมาเคลียร์ธุระของเราต่อทีหลัง!”บอกแล้วเดินเข้าบ้านทันที

            ของว่างก่อนอาหารเย็นวันนี้ ป้าแม่ครัวทำมันเชื่อมราดน้ำกะทิ และน้ำเสาวรสปั่น ผมชอบกะทิคั้นสดเพราะมันหวานหอมกว่ากะทิกล่องตามร้านค้า ซึ่งถ้าใช้มันแม้แต่นิดเดียวผมจะไม่มีวันแตะเด็ดขาด แค่ได้กลิ่นก็สัมผัสได้ มันเชื่อมก็ต้องทำหวานพอดี เสิร์ฟจานใหญ่ ๆ แยกกะทิมาให้ผมตัดราดเอง แบบนี้ชอบที่สุด แทบจะยกน้ำกะทิซดเพียว ๆ ได้เลย อาเสือนั่งรอในห้องอาหารแล้ว อยู่ที่ทำงานก็กินแต่กาแฟ กลับมาบ้านก็ยังเสิร์ฟกาแฟ แต่ยังมีขนมปังราดคาราเมล และวิปครีมน่ากินอีก

            “อย่ากินเยอะ เดี๋ยวทานอาหารเย็นไม่ได้ลง”อาเสือเตือน ผมหยิบผ้ามาเช็ดมือก่อน

            “เอายังไงแน่ คราวนั้นก็บอกให้กินเยอะ ๆ มาคราวนี้ก็ห้ามไม่ให้กินเยอะ!?!?!”ผมถามเสียงนิ่ง ๆ

            “ข้าวน่ะกินเยอะ ๆ แต่ขนมหวานน่ะ...กินให้น้อยลง”อาเสือพูด ผมทำปากขมุบขมิบ นั่งทานส่วนของตัวเองไปเรื่อย ๆ ชอบกะทิหวานมันหอม ยิ่งกินยิ่งเพลิน...

            “วันพฤหัสหน้า จะให้ช่วงโชติพาไปวัดตัวสำหรับชุดสูทนะ”อาเสือบอก ผมเงยหน้าขึ้นมา

            “ไปไหน?

            “วันศุกร์มีงาน....”

            “ไม่ไป!”ผมสวนออกไปก่อน คงจะงานชุมนุมไฮโซไฮซ้ออีกละสิ อาเสือหน้านิ่ง

            “ทานให้เสร็จแล้วค่อยพูดกัน”อาเสือพูด แต่ผมกินไม่ลงแล้ว วางช้อนทันที

            “เกลียดอาเสือที่สุด ชอบบังคับ!!!!

            “มันจำเป็นต้องไป....”

            “ไม่ชอบ! อาเสือชอบปล่อยกาวทิ้งไว้งานแบบนั้น บอกหลายครั้งแล้วว่า ไม่ชอบ!!! ไม่ชอบ!!! ไม่ชอบ!!!”ผมตะโกน มือกำช้อนแน่น

            “กาว...!!!”คนตรงหน้าขึ้นเสียงใส่

            “บอกว่าไม่ไป...ไม่ชอบ!!! ก็ชอบบังคับ!!!!! เคล้ง!!!! ผมขว้างช้อนในมือหล่นพื้น อาโชติขยับตัว อาเสือก็พยายามจะคว้ามือผม อาโชติยืนขวางตอนจะวิ่งออก แต่อาเสือร้องห้าม

            “ปล่อยเขาไป”สิ้นคำอาเสือ ผมตวัดสายตามองหน้าคนพูด อยากจะวิ่งเข้าไปทุบใบหน้าคมเข้มนั่นซะเหลือเกิน แต่ไม่กล้า...กลัวอาโชติเอาปืนยิงหัวแบะ ผมวิ่งหนีขึ้นห้องและขังตัวเองอยู่ในห้องคนเดียว ไม่มีคนตามขึ้นมาเหมือนทุกครั้ง ก็ดีเหมือนกัน! คิดว่าบอกไปแบบนั้นก็คงเข้าใจแล้ว

            ภายในห้องส่วนตัว ผมเอาไอแพดเสียบลำโพงแล้วเปิดเพลงเสียงดัง ก่อนจะเข้าไปอาบน้ำชำระล้างร่างกาย กลิ่นสบู่ L'oocitane ทำให้รู้สึกผ่อนคลายอย่างที่สุด มันหอมเย็น ๆ ดีเลยใช้มาตลอด ถึงแม้จะราคาแพงก็ตาม อาบน้ำและแต่งตัวออกมาข้างนอก สุดากำลังจัดที่นอน และทำความสะอาดในห้อง ร่วมกับแม่บ้านอีก 2 คน พอผมออกจากห้องน้ำ ก็เข้าไปทำความสะอาดในห้องน้ำต่อ

            “ฝากบอกสมหมายด้วยนะ ว่างานที่สั่งไป...กรุณาจัดการให้เรียบร้อย”ผมบอก

            “โธ่...อย่าหาเรื่องเลยค่ะ คุณกาว”

            “ห้ามเถียง! เอามาให้ทันวันศุกร์แล้วกัน”ผมบอก เมื่อคิดอะไรดี ๆ ออก
            “หาเรื่องให้ตัวเองเจ็บตัวแท้ ๆ นะคะ”

            “หึหึหึ แต่มันคุ้มนะ...อาเสือต้องหน้าแตกแน่ ๆ”แค่คิดก็สนุกแล้ว นั่งลงเช็ดผมตัวเอง ก่อนจะถูกเรียกลงไปทานอาหาร แต่ผมบอกไปว่าอิ่มแล้ว...เหนื่อย เดี๋ยวจะนอนเลย อาเสือก็ไม่ได้ว่าอะไร ทั้งที่จริง...ผมนอนเล่นไอแพดอยู่บนเตียง วันนี้พวกไอ้บอลคงไปเที่ยวกันเหมือนเคย ไม่ได้โทรหามันอีก และมันก็ไม่ได้โทรหาผม เฮ้อ...วันนี้น่าเบื่อที่สุด เล่นไปเล่นมาก็หลับ...ผล็อยไป เสียงสุดายังขนเสื้อผ้ามาไว้ให้ในตู้อยู่เลย
           
            ปัง!!!! ปัง!!!!!!!! ปัง ปัง ปัง!!!!!!!!!!!!!

            ผม ที่หลับไปตั้งนานแล้ว สะดุ้งตื่น...เพราะเสียงปึงปังอันดัง ไฟในห้องถูกปิด เดาว่าไม่เป็นอาโชติก็คงจะเป็นสุดาที่เข้ามาปิดให้ ผมตกใจ...ตัวเองไม่ชอบเสียงแบบนี้อยู่แล้ว ก็ผุดขึ้นนั่งบนเตียง เหมือนว่าร่างกายมันเด้งขึ้นเอง


            ปัง!!!!! ปัง!!!!!!!! ปัง!!!!!!!!!!!!!!!!!


            โฮ่ก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ โฮ่ง ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ เสียงหมาเห่าดังสลับกัน อย่างกับมีสงครามกลางเมือง ด้วยความรีบร้อน ผมจะวิ่งลงจากเตียงแต่ขาดันพันกับผ้าห่ม ล้มลงไปนอนกองกับพื้น

            “โอ๊ย แม่งเอ้ย!!!!”สบถออกมาเสียงดัง สะดุ้งออกมาเป็นระยะ ๆ ที่ได้ยินเสียง


            ปัง!!!!! ปัง!!!!!!!! ปัง!!!!!!!!!!!!!!!!!


          ปัง!!!!! ปัง!!!!!!!! ปัง!!!!!!!!!!!!!!!!!


            “กาว!

            “อาเสือ!!!!”หันไปมองแสงที่ประตู อาเสือเปิดประตูเข้ามา ผมวิ่งไปกอดอาเสือสุดตัว

            “เสียงอะไร!?!?!?!?!”ถามเสียงรัว รู้ว่าตัวสั่นมาก

            “ใจเย็น ๆ แค่พลุ...”อาเสือพูด เสียงมันก็ยังดังไม่หยุด

            “อาจะเปิดหน้าต่างให้ดู”อาเสือจะเดินไปที่หน้าต่าง ผมขืนตัวไว้...ร้องลั่นห้อง

            “ไม่เอ๊า!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! อร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!”เขาเรียกอะไรนะ...กรีดร้อง? นั่นแหล่ะ...แบบคนเสียสติเลยด้วยซ้ำ ผมเกลียดเสียงแบบนี้ เกลียดเอามาก ๆ

            “อาจะให้ดูไง...พลุสวย”อาเสือบอก แต่ผมจะเป็นบ้าไปแล้ว อาโชติวิ่งขึ้นมาทั้งชุดนอน

            “มีอะไรรึเปล่าครับ”อาโชติถาม อาเสือส่ายหน้า

            “ดูไหม”อาเสือหันมาถามผม

            “ไม่!!!!”กรีดร้องอีกครา อาหนุ่มหัวเราะเบา ๆ ทำให้ผมขุ่นเคือง เห็นความกลัวของผมเป็นเรื่องล้อเล่นหรือไง!?!?!?!?!

            ปุงปัง!!!!! ปุงปัง!!!!!!!! ปุงปัง!!!!!!!!!!!!!!!!!

            เสียง ที่ดังขึ้นอีกระลอก ทำให้ผมสะดุ้งกอดอาเสือ มองไปทางผ้าม่านที่ถูกปิด มีแสงวูบวาบของประกายไฟบนท้องฟ้างดงาม ก่อนจะพลันดับหายไปในที่สุด และเริ่มดอกใหม่ไปเรื่อย ๆ และเรื่อย ๆ

            โฮ่ง ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ โฮ่ง ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ

            “ไปนอนเถอะ...ไม่มีอะไรหรอก”อาเสือบอก อาโชติมองอย่างสำรวจ แต่ยอมเดินออกไป ผมรู้สึกเหมือนตัวเองแก่ลงอีกซัก 10 ปี ความกลัวเป็นแบบนี้เอง...

            “นอนได้แล้ว พรุ่งนี้มีเรียนเช้าใช่ไหม”อาเสือบอก ผมส่ายหน้า...ไม่ยอมปล่อยมือ

            “ไม่กล้านอนอ่ะ!?!?!?!?! เสียงมันดัง!?!?!?”ผม บอก ยังหอบหายใจแบบคนตกใจอยู่เลย อาเสือพาเดินมานอนบนเตียง แต่ผมไม่ยอมปล่อยมืออาเด็ดขาด เสียงมันยังไม่หยุด จะจุดอะไรหนักหนาเนี่ย

            “อาเสือให้คนไปบอกหน่อย จุดบ้าจุดบออะไรหนักหนา!!!”พูดอย่างคนหัวเสีย อาเสือหัวเราะ

            “อาจะไปยุ่งเขาได้ยังไงละ มันเป็นเทศกาล...ก็ต้องมีการจุดเป็นธรรมดา”
            “กาวไม่ชอบ!!!!

            “โอเค ๆ ไม่ชอบ! งั้นอาจะอยู่ตรงนี้จนกว่ากาวจะหลับดีไหม”อาเสือบอก ผมถอนหายใจ...ก่อนจะพยักหน้า

            “อย่าหนีไปไหนนะ!!!”คาดโทษไว้ก่อน อาเสือหัวเราะ

            “เตียงกาวอานอนไม่ค่อยสบาย ไปห้องอาได้ไหม”มองหน้าอาเสือช้า ๆ เตียงผมเป็นเตียงกว้างก็จริง แต่ผมชอบนอนแบบเบาะนิ่ม ๆ นอนทีตัวเองก็เหมือนจะฝังจมลงไปกับที่นอน หมอนและหมอนข้างเต็มเตียง ขนมกินเล่นวางบนหัวนอน (ยังไม่ได้แกะ) อุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์วางเต็มเตียง

            ผมพยักหน้า...เดินตามอาออกไป ห้องอาเสืออยู่อีกฝั่ง เป็นห้องใหญ่ที่สุดของบ้าน เปิดประตูเข้าไปได้ ผมก็กระโดดลงบนเตียง อาเสือชอบเปิดแอร์จนเย็นจัด ผ้าห่มหนาดูเหมือนจะคลุมร่างผมไว้มิดดีแล้ว อาเสือเดินมาล้มตัวนอนลงข้าง ๆ และกอดผมไว้ หูผมก็กระดิกฟังเสียงพลุอันน่าสะพรึง ยังไม่หยุดเลย..!!!

            “นอนได้แล้ว! กลัวก็ไม่ต้องไปฟัง!!”อาเสือบอก

            “ไม่ฟังได้ไง!!! เสียงดังขนาดนี้...ถึงไม่ตั้งใจฟังมันก็ได้ยินเอง!!”ผมเถียงกลับ สะดุ้งเหมือนตัวกระตุกเข้าหาอาเสือทุกที ที่ได้ยินเสียงปุงปัง!

            “อากอดไว้แล้วไง ไม่ต้องกลัวแล้ว”อาเสือบอก

            “ก็มันได้ยิน...”อาเสือถอนหายใจ ก่อนจะกอดหัวผมลงไปฝังกับอกหนา เอาผ้าห่มคลุมร่างเราสองคนไว้ ผมกำเสื้ออาเสือแน่น เสียงพลุที่ดังดูจะเบาบางลงมากแล้ว ตัวเองหลับตาปี๋และใจเต้นตึกตัก (ด้วยความกลัว)

            นอนไม่ค่อยหลับเลย มันไม่สบายตัว เพราะไอ้พลุบ้า ๆ นั่นทำเอาขวัญผวา อาเสือค่อยตบหลังให้เบา ๆ ทุกครั้งที่สะดุ้ง ผมฝันร้ายด้วย ฝันว่าได้กลับเข้าไปในบ้านตัวเองอีกครั้ง ยืนอยู่ตรงนั้นท่ามกลางไฟที่ลุกโชน เสียงระเบิดของหม้อแปลงดังลั่น ตัวเองวิ่งออกมาไม่ทัน...โดนไฟลวก ดิ้นทุรนทุรายอยู่ตรงบันได

            สะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก กอดอาเสือร้องไห้แน่น อาเสือไม่พูดอะไรสักคำ...ได้แต่กอดผมไว้ทั้งคืน

            “ตื่นได้แล้ว เช้าแล้ว”อาเสือเรียก ผมเหมือนคนพึ่งจะได้นอน พอถูกเรียกก็ขัดใจ!

            “.....วันนี้ไปเรียนเช้านี่....กาว...กาว...”เสียงเริ่มเข้มขึ้นเรื่อย ๆ ผมง่วงมาก กอดอาเสือแน่นไม่ปล่อย

            “ไม่ไป นะ ๆ ง่วงมาก...เมื่อคืนฝันร้าย”ผมบอกเสียงเบา

            “เช้าแล้ว ไม่ต้องกลัวแล้ว”

            “ไม่เอา...กลัว!!! ยังกลัว!!!!”ผมบอก ทำคิ้วขมวด

            “อาต้องไปทำงาน”ผมเงียบ ปล่อยมือตัวเองออก น้ำตาไหล

            “กาวก็แค่ฝัน...อาเสือจะพูดแบบนี้ใช่ไหม!? ถ้าไม่ใส่ใจทีหลังก็ไม่ต้องมาดู!

            อาเสือดึงผมเข้าไปกอดเหมือนเดิม

            “เด็กอะไรนะ เอาใจยากที่สุดในโลก...บอกหน่อย อาต้องทำยังไง...ไม้แข็งก็แล้ว ไม้อ่อนก็แล้ว”อาเสือบ่น

            “ก็กาวไม่เหลืออะไรแล้วนี่...ไปไหนไม่ได้แล้ว อาเสือเลยจะทำยังไงกับกาวก็ได้”ผมบอก อาเสือส่ายหน้า

            “เฮ้อ...”

            “ไม่ต้องถอนหายใจขนาดนั้นหรอก!!!! เดี๋ยวกลับห้องก็ได้!!!!!”ผมบอก

            “ยังไม่ว่าอะไรเลย เรานี่มันดื้อจริง ๆ เลยนะ แต่ก่อนไม่เห็นเป็น”

            “ก็แต่ก่อน อาเสือยังไม่ฆ่ะ.............”กำลังจะตะโกนใส่หน้า แต่อาเสือตัดบทซะก่อน

            “อะ ๆ โอเค ๆ งั้นนอนต่อ...ยังไม่ต้องไปก็ดีเหมือนกัน อาจะให้โชติไปตามหาว่า ใครที่มันจับแขนเราเมื่อวาน”อาเสือพูด ผมพยักหน้า     

            “แล้วทำไมอาเสือไม่ลุกไปอาบน้ำ ไปทำงาน?”ผมถาม

            “วันนี้อาหยุด....”อาเสือพูดเสียงเบา ผมตาโต...ลุกขึ้นนั่ง จ้องหน้าอาเสือ

            “ห๊ะ!?!?!?! หยุดเหรอ????

            “.................................”อีกคนยิ้ม ไม่พูดอะไร
            “หยุดกับเขาเป็นด้วยเหรอ?”ผมถาม อาเสือหัวเราะเบา ๆ

            “นอนต่อไหม...อาก็ง่วงละ เด็กที่ไหนไม่รู้นอนร้องไห้ทั้งคืน ไม่ค่อยได้นอนเลย”อาเสือบอก ดึงผมลงไปนอนด้วยกัน ทั้งที่ตัวเองยังงง ๆ ร้อยวันพันปีไม่เคยหยุด...อะไรเข้าสิง หรือว่าผีอาม่านกันนะ

            “นี่อาเสือจริงรึเปล่า”ผมถาม อาเสือหัวเราะลั่น กดจูบที่ริมฝีปากของผม ก่อนจะผละออกแล้วยิ้มให้เก๋ ๆ

            “รู้รึยังว่าตัวจริงหรือตัวปลอม”ผมเม้มปากพยักหน้า รู้สึกว่าหน้าแดง ๆ
           



            ลง ทุนหยุดงาน...เพราะอย่างนี้นี่เอง ลากผมมาวัดตัวสำหรับชุดสูทจนได้ ผมหน้างอง้ำตั้งแต่เดินเข้าห้าง จนกระทั่งอยู่ในร้านลองชุดแล้ว พนักงานเอาชุดมาให้ลองเยอะมาก อาเสือสบายสุดแค่นั่งไขว้ห้างเฉย ๆ แล้วดูว่า ผ่านหรือไม่ผ่านเท่านั้น ลองไปแล้วสัก 10 ชุด อาเสือไม่ให้ผ่านสักชุด สุดท้ายก็ต้องตัดใหม่

            “กาวตัวเล็ก หาไซส์ยาก อาว่า...ตัดใหม่ไปเลยดีกว่า”อาเสือบอก ผมทำหน้าเมื่อยสุด ๆ ๆ ๆ ตอนที่รอชุดก็มานั่งเอนหลังบนโซฟาหรูในร้าน ยังไม่ทันหลับดี...พนักงานก็มาเรียกไปลองชุดอีก ฮึ่ม ๆ

            กว่าจะได้เสื้อข้างนอก ข้างใน เน็คไท กางเกง อาเสือจะให้ตัดผมด้วย...แต่อันนี้มากเกินไปละ

            “ไม่!!!!”ผมหน้างอ
            “ตัดให้ไอ้ผมปรก ๆ หน้า ออกซะบ้าง...จะได้ดูเรียบร้อย”อาเสือบอก

            “ไม่!!!!”ผมย้ำ เริ่มโมโหใกล้บ้าเต็มที พนักงานยืมทำหน้าเจื่อน ๆ สองสามคน อาเสือจ้องหน้าดุ ๆ ใส่ผม ที่พูดไม่ฟัง ต่อหน้าคนอื่น

            “ตัดออกสักหน่อย...”

            “ไม่!!!!”ผมตัดบท อาเสือกัดกรามแน่น จะจับตัวผม แต่ผมหลบไปยืนหลังอาโชติ

            “กาว!!!

            “ไม่ตัด!!!! วันนี้ลองชุดตั้งหลายชุดแล้วอ่ะ ทำไมต้องมาบังคับให้ตัดผมอีก!!!!”ผมตะโกน

            “คุณกาวครับ...ตัดสักหน่อยเถอะครับ นิดเดียว”

            “ไม่เอา สักนิดก็ไม่!!!!! อย่ามายุ่งนะ!!!!”ผมบอก อาเสือยืนนิ่ง...ทุกคนก็นิ่ง สรุปผมไม่ต้องตัด สงสัยอาเสือโกรธ ไม่ยอมพูดอะไรอีกเลย ชอบมาวุ่นวายกับหัวคนอื่น!!!

            อาเสือเดินมาถึงตัวก็กระชากแขนผม ลากเข้าไปในห้องด้านหลัง ผมขืนตัวไว้อย่างด่วน พยายามจะคว้ามือเกาะอาโชติไว้แต่ไม่ทัน

            “มานี่!!!!”เสียงอาเสือคำราม แม้แต่เจ้าของร้านยังก้มหน้ากลัว อาโชติมองหน้าผม แต่ไม่ยอมช่วย

            “ปล่อย!!! บอกให้ปล่อยไง!!!! ปล่อยซีว่ะ!!!”ผม ร้องดังลั่น และเผลอสบถคำหยาบ อาเสือชะงักกึก พอ ๆ กับผม รู้ดีว่าคนตรงหน้าไม่ชอบ...และโคตรไม่ชอบเอามาก ๆ ผมก็ตกใจ ปกติพูดกับเพื่อน ไม่ค่อยหลุดมาให้ได้ยินถึงบ้าน จะมีก็แต่เวลาคุยโทรศัพท์เพียงเท่านั้น

            “ว่ายังไงนะ?
            “กะ ก็ กาวเจ็บ...อาเสือลากกาวทำไม!?”ผมแก้ตัวทันควัน

            “................................”เคยเห็นคนหน้าแดง โกรธจัดไหม คนตรงหน้านี่...แบบนั้นเลย ผมถอยกรูด

            “ขอใช้ห้องหน่อย”อาเสือหันไปบอกเจ้าของร้าน หล่อนผายมือออก แถมเปิดประตูให้ด้วย ผมดิ้นรนสุดฤทธิ์

            “ปล่อย!!! ไม่!!!! ปล่อย!!!!!

            “พูดไม่ฟัง!!!!”อาเสือดันผมเข้าห้อง แล้วล็อคประตู

            “อาโชติ ช่วยกาวด้วย...อาโชติ”ผมร้องพลางทุบประตู อาเสือกระชากผมจนติดกับร่างหนา

            “พูดไม่ฟัง!!!!! ดื้อก็ที่หนึ่ง!!!!!

            อาเสือก้มหน้าลง ผมรู้ว่าอาจะทำอะไรเลยเบี่ยงหน้าหนี แต่โดนมือใหญ่บีบคางไว้จนปากเผยอ ไม่ยอมก็ไม่ได้ เพราะดิ้นแล้วเจ็บ เอามือทุบอาเสือ อาเสือก็กำมือผมไว้ทั้งสองข้าง

            “อึก...อุ๊บ!!!!”อาเสือกัดปาก กัดลิ้น...จนเจ็บ น้ำตาไหลสองข้างแก้ม เพราะความเจ็บ

            “กาวเจ็บ!

            “ก็อย่าดิ้น...”อาเสืองึมงำ ปากยังออกจากปากผมดีนัก ผมหยุดดิ้น รู้ดีว่าขัดขืนไปไม่มีประโยชน์ อาเสือยิ่งจะทำเจ็บกว่าเดิม

            “กาวเจ็บ!”ผมร้อง อาเสือผละออกแล้วมองหน้า

            “อาพูดอะไรเคยฟังกันบ้างไหม!?”อาเสือว่า

            “ก็กาวไม่อยากตัด เพิ่งจะตัดไปเอง ทำไมอาเสือชอบให้คนมาวุ่นวายกับหัวของกาว”ร้องบอก น้ำตาคลอ อาเสือดันหลังให้นั่งลงบนโซฟา ส่วนตัวเองก็นั่งประคองอยู่ข้าง ๆ

            “มันดูไม่เรียบร้อย”

            “โกนเลยดีไหม? จะได้ไม่ต้องมาตัดบ่อย ๆ จะทรงไหนอาเสือก็ว่าไม่เรียบร้อยทุกที”

            “พูดคำเถียงคำ แล้วแบบนี้มันน่าโมโหไหม...กาว”

            “.............................”เป็นผมที่เงียบบ้าง

            “งั้นกลับไปให้สุดาเล็ม ๆ ปลายตรงนี้ออกสักหน่อย มันยื่นออกมาทิ่มคอไม่รำคาญบ้างหรือไง”อาเสือบอก ผมหน้างอ ถ้ายอมตอนนี้ก็ต้องยอมเรื่องต่อไปเรื่อย ๆ
            “..................ไม่!!!!!

            “กาว...อาเริ่มจะเหนื่อยกับเราแล้วนะ”ผมมองหน้าอาเสือ มองว่าที่พูดประโยคนี้อาเสือทำหน้ายังไง แบบไหน...เพราะน้ำเสียงมันบอกว่าเหนื่อยมาก เหนื่อยแล้วจริง ๆ

            “เหนื่อยก็พอ...หยุดตรงนี้!!!! หยุดทุกอย่าง!!!!”ผมบอก น้ำตาไหลพรากอย่างคนเจ็บปวดที่สุด อาเสือรั้งเอวผมไว้ ไม่ให้ลุกหนี

            “เอาแค่โฉนดคืนมา แล้วกาวจะเซ็นให้ทุกอย่างที่อาเสือต้องการ หมดแล้วจริง ๆ หมดแล้ว....”ผมร้องไห้เสียงสั่น อาเสือกัดกราม

            “อาไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”

            “เอาไปทำไม!?! ฮึก....เอาของกาวไปทำไม!?!?!?”สะอื้นเสียงดัง ยกมือทุบอก หน้า ไหล่อาเสือ สะเปะสะปะ อาเสือคงเจ็บเพราะสุดท้ายก็รวบมือผม ให้หยุดทำร้าย

            “กาว!

            “เอาแค่โฉนดมา เอาแค่นั้น...ฮึกกกก”

            “กาว....หยุดร้อง...โอเค ไม่ตัดก็ไม่ตัด”

            “ฮืออออ เอาคืนมา...เอาบ้านกาวคืนมา!!!”อาเสือกอดผมไว้สุดตัว สุดท้ายก็เรียกอาโชติเข้ามา จ่ายเงินค่าชุดทุกอย่าง แล้วพาออกไปจากร้านเลย โดยที่ยังไม่ได้ร้องเท้า

            “ปวดหัว...”ผมร้องบอกอาเสือระหว่างที่กำลังกลับบ้าน อาเสือมองหน้า จับหน้าผากวัดไข้

            “แวะโรงพยาบาลเลย”หันไปสั่งอาโชติ อาโชติผงกหัวรับ แล้วคนขับรถก็ขับไปทางรพ.

            “ปวดหัว!!!!”ผมร้องตะโกน อาเสือกอดไหล่ให้ผมนอนซบ

            “รู้แล้ว ๆ”ก่อนจะถอนหายใจ แล้วนวดแขนผมเบา ๆ

            “มือเจ็บ แขนก็แดง”บอกอาเสือเสียงเบา ก็ตอนโดนกระชากนั่นละ

            “.....................”อาเสือเงียบ ลูบไล้ตรงส่วนที่แดง มีบางส่วนที่ผมสงสัย...และอาเสือไม่เคยให้คำตอบ มีคน ๆ หนึ่งที่ผมกลับคิดถึงเขาตลอดเวลา พยายามตามหา...เท่าที่ตัวเองจะทำได้ แต่ไม่เคยเจอ

            อาน้ำมนต์ มินทิตรา วรนาญจน์ แฟนสาวของอาม่าน ตั้งแต่อาม่านเสียไป...ดูเหมือนชื่อเธอก็จะหายออกไป จากวงการนางแบบด้วย ผมไม่สนิทกับอาน้ำมนต์ เคยเจอก็แค่ครั้งเดียว ตอนที่อาม่านพาไปรับประทานอาหาร ร่วมกับนางแบบอีกหลาย ๆ ท่าน ในงานเลี้ยงงานหนึ่ง

            ผมเคยได้ยินคนจากงานนั้นพูดกันว่า อาเสือแอบชอบอาน้ำมนต์ แอบชอบแฟนเพื่อนตัวเอง ถึงขั้นเคยทะเลาะกันเพื่อแย่งตัว ตอนนั้นผมยังเด็กและไม่เข้าใจอะไรมากนัก อาม่านก็ไม่เคยบอกอะไรว่าต้องระวังใคร หรือบอกกล่าวใด ๆ

            จนวันที่เกิดเหตุ วันนั้นอาเสืออยู่ที่ตรงนั้น อยู่กับกองเลือดของอาม่าน ก่อนที่อานัยจะดึงผมลงมาจากห้องด้านบน ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นต่อ...แต่ตำรวจ บอกว่าอาม่านยิงตัวตาย ซึ่งผมไม่เชื่อ ไม่เคยเชื่อ...เพราะตอนที่ได้ยินเสียงปืน อาเสืออยู่ตรงนั้นแล้ว ตัวเองก็เข้าใจมาตลอดว่าอาเสือฆ่าอาม่านทิ้ง พอทำสำเร็จก็พาอาน้ำมนต์หนี ไปอยู่ที่ที่นึง ได้เวลาก็จะพากลับมาแต่งงาน

            ภาพนั้นยังติดตาอยู่ทุกคืนที่ระลึกถึง ถ้าเพียงผมวิ่งไปเร็วกว่านั้น ก็จะเห็นเหตุการณ์ก่อนหน้า อาจเข้าใจทุกอย่างได้ดียิ่งขึ้น หรืออาจถูกฆ่าตายเคียงข้างอาผู้เป็นที่รักไปแล้วก็ได้


            “กาว...หลับแล้วเหรอ”อาเสือถาม ทำให้ผมหลุดจากภวังค์ มือหนานี้ทำให้ผมอบอุ่นและขยะแขยงในคราวเดียว

            “กาวเกลียดอาเสือ”อาเสือกอดกระชับผมแน่นขึ้น ดูเหมือนว่า...ตัวผมจะร้อนขึ้นมาก ๆ จนหายใจไม่ค่อยออกแล้ว




COMMENT PLEASE





ขอบคุณที่อ่านและคอมเม้นค่ะ

จะกรุณามาก ถ้าหากเจอคำผิดตรงไหน แล้วบอกชินด้วย
จะได้แก้ให้ถูกต้องเนอะ :)

พอจะเข้าใจอารมณ์ของตัวละครกันบ้างรึเปล่า

หรืออาจจะงงกว่าเดิม? 55555+

รักไม่สุด อบอุ่นไม่สุด ร้ายไม่สุด ใจดีไม่สุด

เอาเป็นว่าตามต่อ..เดาไปเรื่อย ๆ บอกได้เลยว่า

ชินไม่ซับซ้อน...คึคึคึ

ตอนที่ 8 – “อะไรก็ไม่รู้” 100%





ตอนที่ 8 – “อะไรก็ไม่รู้”



            อาบน้ำและลงมาทานอาหารเช้า แต่ว่าอาเสือออกไปทำงานแล้ว ใกล้ ๆ กับชามโจ๊ก มีกล่องสองใบ และกระดาษหนึ่งแผ่น ผมเดินไปนั่งลง มองหน้าอาโชติ...ซึ่งวันนี้จะมาเป็นคนดูแล ทำเป็นหน้าเข้ม ผมมองตามแล้วทำเป็นไม่ใส่ใจ ทันทีที่นั่งสุดาก็เอาน้ำส้มแช่เย็นมาให้ ผมชอบกินแบบที่เป็นเกร็ดน้ำแข็ง ต้องแช่ให้พอดีถึงจะเป็น ถ้าแข็งมากไปก็ไม่ชอบ ถ้าไม่เย็นก็ไม่ชอบอีก

            เปิดกล่องนาฬิกาขึ้นมาดูเพราะหน้ากล่องมีโลโก้แบรนด์ติดไว้อยู่ อดใจไม่ไหว...ขอเปิดก่อน ทันทีที่เปิดออกก็ต้องร้องว้าว TAG HEUER ตัวเรือนสีดำแบบที่ชอบ รุ่น CALIBRE 36 หน้าปัดจะคล้าย ๆ แผงหน้าปัดรถ สายหนังมีรูระบายอากาศ เคยดูรุ่นนี้ไว้สองเดือนที่แล้ว ตอนไปสิงค์โปร ผมยิ้มกว้างออกมา...เพราะได้ของถูกใจ

            “สวยจังเลยค่ะ”สุดาเอ่ยชม ผมยิ้มลอยหน้าลอยตา อวดสุดาคนแรก และหันไปสบสายตาอาโชติ ก่อนจะทำหน้าเชิด ๆ ทำเป็นเฉย ๆ กับของที่ได้มา อาโชติยิ้มขำกับท่าทางของผม

            “ทานอาหารก่อนดีไหมคะ...”สุดาบอก ผมดูนาฬิกาตัวเองไป กินไป...จึงกินได้หลายคำ ได้มาแล้วก็ใส่เลย ยิ่งอยู่บนข้อมือผม ยิ่งดูเท่ห์ขึ้นไปอีก

            “สุดาเอากล่องขึ้นไปวางไว้บนห้องให้ด้วย”ผมบอก เก็บทุกอย่างแหล่ะถ้าเป็นของที่ชอบ

            “ค่ะ”

            กล่องต่อมาอาเสือบอกแล้วว่ากระเป๋าสตางค์ ผมเปิดกล่องดูอันนี้จะกล่องใหญ่กว่ากล่องนาฬิกา เลยทำให้สงสัยนิดหน่อยว่าแค่กระเป๋าสตางค์ทำไมกล่องใหญ่กว่า เปิดมาก็พบว่ามันเป็นของแบรนด์ BALLY สีดำ ทั้ง 4 ใบ แต่ลายแตกต่างกัน ก็โอเคชอบ ปกติเปลี่ยนไม่บ่อยอยู่แล้ว ผมหยิบมาดูทีละใบจนครบ สุดาก็คะยั้นคะยอให้กินข้าวไปด้วย จนหมดชาม

            “เอาขึ้นไปเก็บให้ด้วยนะ”ผมบอก

            “ค่ะ”

            ส่วนกระดาษที่วางอยู่...แน่ละผมหยิบขึ้นมาอ่าน มันเป็นสัญญาซื้อขายหุ้น มีชื่ออาเสือเซ็นไว้อยู่แล้ว เหลือเพียงแต่มีลายเซ็นผมกำกับลงไป เอกสารฉบับนี้...ก็จะครบถ้วนสมบูรณ์ ผมกัดฟันนิ่ง! จะไม่เซ็นเด็ดขาดจนกว่าจะได้โฉนดที่ดินบ้านสวนคืน!!!! หงุดหงิดขึ้นมาทันที

            “อิ่มแล้ว!!”หยิบกระเป๋าตัวเองขึ้นมา ให้รู้ว่าผมพร้อมจะไปเรียนแล้ว อาโชติมองอยู่ไม่พูดอะไร แล้วก็เดินออกไปเตรียมรถอย่างรู้งาน ผมหันไปมองสุดา

            “นี่ไง คนดีของสุดา!!!!”ผมหันไปพูดกับสุดาเสียงดัง สุดาก้มหน้าไม่พูดอะไร กัดฟันตัวเอง...น้ำตาแทบไหล จะมาเอาไปอีกแล้ว!!!!! ของที่ซื้อมาให้เหมือนเอาของมาล่อเด็กยังไงไม่รู้ ความดีใจที่ได้ของเมื่อกี้แทบหมดสิ้น อยากจะปานาฬิกาทิ้งซะด้วยซ้ำ!

            ผมถือกระดาษออกมาตรงหลังครัว มองหาสมหมายที่สวน สุดาวิ่งตามออกมา

            “จะไปไหนคะ”

            “สมหมายไปไหน?

            “รดน้ำต้นไม้อยู่ค่ะ คุณกาวอยากได้อะไรคะ?”สุดาถาม

            “ไปตามสมหมายมา”ผมบอก สุดามองหน้าผมกลับ ก่อนจะวิ่งไปตามสมหมายให้ พอมาถึงผมก็ยัดกระดาษของอาเสือใส่มือสมหมาย

            “เอาไปซีร๊อกให้ที 5,000 ใบ”

            “ห๊ะ!?!?!?!?”สมหมายกับสุดาร้องออกมาพร้อมกัน

            “โธ่คุณกาว...อยู่เฉย ๆ บ้างเถอะค่ะ เดี๋ยวก็ได้เจ็บตัวอีก”สุดาพูดเสียงเหนื่อย ๆ สีหน้าก็เหนื่อย

            “แล้วคุณท่านของสุดา เคยหยุดให้กาวมั่งไหม!?!?! ดูเอาเถอะนะ...ว่าใครเริ่มก่อน!!!!”ผมบอก สมหมายกับสุดาจ้องหน้ากัน

            “เย็นนี้...กลับมาหวังว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย”ผมบอก

            “โธ่ คุณกาว”รู้ว่าทั้งสองคนลำบากใจ อาโชติเดินกลับเข้ามาทำให้ผมต้องรีบออกไป ปล่อยให้สมหมายกับสุดายืนหน้าแบกโลกไว้ข้างหลัง

            “เบื่อ!!!! เบื่อ!!!! เบื่อ!!!!”ตะโกนใส่หน้าอาโชติแล้วกระแทกเท้าขึ้นรถอย่างหงุดหงิด อาโชติไม่พูดอะไรสักคำ ชีวิตช่างน่าเบื่อเหลือเกิน
 


            ลงจากรถคันหรู อาโชติกับลูกน้องคงรอแถว ๆ นี้ ปกติไม่ค่อยวุ่นวายกับผมมากนัก แต่ก็ไม่เคยปล่อยให้คลาดสายตา

            “มาแล้วๆ”เสียงไอ้บอลกับไอ้กอล์ฟดังลั่นอยู่ที่โต๊ะใต้คณะ ส่วนคนอื่นก้มหน้าทำการบ้านกันอยู่ ไอ้โรลก็ลอกงานยิก ๆ เงยหน้ามามองแล้วก้มลงไปจดต่อ

            “ไงครับ คุณหนูกาว...บอดี้การ์ดมาส่งเหมือนเคย”ไอ้บอลทัก

            “เออ เอามาลอกบ้างดิ๊...”ผมทักมันนิดนึง ขี้เกียจต่อปากต่อคำ แต่ใช้เวลานี้ลอกการบ้านจนเสร็จ ดูจากลายมือคงของไอ้น้ำแน่ ๆ มันคิดมาละเอียดดี ผมอ่านทวนนิดนึง ก่อนจะจดให้ทันเข้าเรียน

            “โฮ ๆ ๆ คอแดง ๆ ถูกดูดเลือดมาเหรอจ๊ะ”ไอ้บอลแหวกคอเสื้อดู ผมรีบตะครุบเอาไว้ ลืมไปเลยว่าเมื่อคืนถูกทำอะไรมา เพื่อน ๆ คนอื่นทำหน้ายิ้มกระอักกระอ่วน ผมเอาปากกาฟาดหัวไอ้บอลไปที

            “เดี๋ยวกูจะฟ้องอาโชติ”

            “อุ๊ยตาย...สายโหดโว้ยวันนี้”

            วิชาพื้นฐานที่ทุกคณะต้องเรียนอยู่แล้วอย่างบุคลิกภาพ ทำให้ผมเจอเพื่อนต่างคณะมากมาย แน่นอนว่าต้องเจอ ไอ้คิ้วผู้ซึ่งเป็นรองประธานค่ายยืนดักอยู่หน้าประตู หลังจากเรียนเสร็จ

            “เฮ้ย...ใครจะไป ก็ส่งรายชื่อด้วยโว้ย จะได้ของบประมาณถูก”มันแหกปากตะโกนแข่งกับนักศึกษาคนอื่น ๆ ผมนั่งหัวเราะมันกับไอ้โรล ไอ้กอล์ฟกำลังจดรายชื่อกลุ่มเราอยู่ แน่นอนว่าต้องมีชื่อผมด้วย

            “กี่คนว่ะ”ไอ้โรลถาม เสียงดังเพราะส่งงานกันอยู่ด้วย

            “1..2...3...7...8...11 เออ แค่นี้ก็พอ...นอกนั้นใครจะไปให้มันไปลงกันเอาเอง”ไอ้บอลบอก ผมก้มลงดูเห็นชื่อตัวเองในลำดับที่ 4 แล้วหยิบกระดาษเดินไปหาไอ้คิ้ว

            “อ้าว มาเรียนด้วยเหรอมึง! ไปกันกี่คน...อ่อ มีมึงด้วย...ไปได้แน่ใช่ไหม?”มันหันมาถามหน้าจริงจัง

            “ไม่ได้...จะเขียนเหรอว่ะ!!!!”มันก็ถามแปลก ๆ ไม่เห็นว่าเป็นผู้หญิง (โหดๆ) กูสวนไปละ...

            “เออ!!!! ให้ดีละ!!!!! ต้องออกใบขออนุญาตจากทางมหาลัยฯไปให้ผู้ปกครองไหมว่ะ?”ไอ้คิ้วพูดขึ้น ไอ้พวกเพื่อนเวรทั้งหลายก็หัวเราะกันเสียงดัง ผมยกนิ้วกลางให้ไอ้คิ้ว มันแล่บลิ้นแล้วเก็บรายชื่อไป

            “แล้วได้ครบยังว่ะ ขาดอีกกี่คน”ผมถาม

            “ก็ว่าจะเอาสัก 50 คน กำลังสวย ขาดไม่เยอะหรอก...ทำไม มึงจะพาใครไปอีก?

            “เปล่า! กูถามไม่ได้เหรอว่ะ มึงนี่...จะพูดเบา ๆ เหมือนผู้หญิงคนอื่นเป็นไหมนี่”ผมบอก

            “ทำไม!?!?! พูดดังอย่างกูทำไม!?!?!?!”มันยืนเท้าสะเอวถาม

            “เปล่าครับพี่!?!?! เปล่าครับ!?!?!”ผมแกล้งก้มหัวให้มัน พวกไอ้บอลหัวเราะใหญ่

            “ไอ้นาวไปไหนว่ะ คิ้ว”แยมโรลมันถามเพื่อนมันครับ ไอ้คิ้วมองหาตรงทางเดินพอดี

            “อ้าว...นี่ไง พูดถึงก็มา...ตายยากนะมึง”มันทักเพื่อนมัน ที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู และหน้าผม ตัวแม่งเตี้ยได้อีก...แต่มองใกล้ ๆ แล้วโคตรน่ารัก ตาหวาน หน้าใส...แต่ติดงอเล็กน้อย

            “อยู่กันหลายคนอย่างนี้ ไปกินสุกี้กัน”ไอ้กอล์ฟเอ่ยชวนเสียงดัง ทุกคนเห็นด้วย

            “ไปด้วยกันไหมว่ะ คิ้ว”ผมชวนมัน ไอ้คิ้วหันไปทางเพื่อนมัน

            “กูไม่ไป...ร้อน! ไอ้ติณฑ์แม่งก็ไม่มารับสักที!!!!!”เพื่อนมันตรงหน้าเริ่มขมวดคิ้ว ไอ้แยมโรลก็เดินออกมากอดคอเพื่อนมัน

            “งั้นมึงโทรไปบอกเฮียว่าให้ไปหาร้านสุกี้ก็ได้ กินในห้าง ไม่ร้อนหรอก”

            “เอาไงดีว่ะ โทรหามันก่อนแล้วกัน...เดี๋ยวแม่งแดกหัวกูอีก”ไอ้เตี้ยพูดจาน่ารัก ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมาโทร สงสัยแฟนมัน เพื่อนผมทั้งหลายก็ออกมายืนรอหน้าห้อง

            “โคตรคุณหนู”ผมหัวเราะหึหึ พูดเบา ไอ้คิ้วยังได้ยิน...หันมาหา

            “น้อยกว่ามึง”

            “แหม ๆ แตะไม่ได้นะคะ...”แกล้งหยิกแก้มมัน มันตบหัวกูทันที อะ...ไอ้...ผู้หญิงโหดเอ้ยยยยย

            ลงมาใต้ตึกกับลิงอีกฝูง อาโชติยืนมองผมอยู่ก่อน ผมกวักมือเรียก...ก่อนจะบอกว่าจะไปกินข้าวกับเพื่อน

            “ทานที่บ้านดีไหมครับ”

            “จะไปกับเพื่อน”ผมย้ำคำเดิม อาโชติพยักหน้าหน่อย ๆ

            “งั้นผมจะขับรถตามนะครับ”ผมพยักหน้า ห้ามไม่ให้ตามไปก็คงไม่ได้ รอเพื่อนมากันครบ ก็นั่งรถออกมา ผมนั่งคันไอ้บอล ไอ้กอล์ฟ ไอ้รัน ไอ้เอก ส่วนอีกคันเป็นพี่กาวใหญ่แฟนไอ้คิ้ว แยมโรล ไอ้ชัด ไอ้นาว

            ที่ห้างคนเยอะ แถมรถยังเยอะสุด ๆ อาโชติต้องขึ้นไปจอดรถอีกชั้นนึง แต่โทรคุยกับผมตลอด ทำอย่างกับผมจะหนีไปไหนระหว่างนี้

            “คนของพ่อมึงนี่...อาการหนักนะ”ไอ้บอลพูด ผมหัวเราะก่อนจะวางสายไป แล้วอาเสือก็โทรมาตอนมันขับรถวน ๆ จะเอาที่จอดชั้นนี้

            “ว่า....”

            “เรียนเสร็จรึยัง? ช่วงโชติบอก...จะไปกินข้าวกับเพื่อน”

            “ก็คนมันหิว”

            “กินที่ไหน ให้อาไปหาไหม...”

            “ไม่ต้อง! อย่าทำเหมือนกาวเป็นลูกแง่หน่อยเลยน่ะ...อามา กาวก็ได้อายเพื่อนอีก!!!”ผมพูดอย่างใส่อารมณ์ คนอื่นบนรถก็นั่งเงียบกันหมด

            “โอเค ๆ ดูแลตัวเองด้วย”ผมกดตัดสาย โทรมาถามทั้งที่ไม่เคยโทรมา...รู้หรอกน่า ว่าจะเอาใจ จะได้ให้ผมเซ็นอิกระดาษใบนั้นเร็ว ๆ

            “มึงทำถูกต้องแล้ว ที่ไม่พาพ่อมาด้วย ใจเย็น ๆ นะฮับ”ไอ้รันพูดติดตลก

            “แมร่งเซ็ง!! บีบกูมาก ๆ คอยดูกูจะหนีออกจากบ้าน”ผมพูดกระแทกเสียง

            “มึงจะหนีไปไหนได้ มึงก็รู้...”ไอ้บอลพูดแล้วเงียบ ให้ผมได้คิด...นั่นดิ จะออกไปไหนได้ ออกก็ตาย...ไม่ออกก็เหมือนตาย

            ร้านสุกี้แต่เรากินเหมือนอยู่ร้านหมูกระทะ โต๊ะยาวใหญ่สุดของร้าน แม้แต่ไอ้คิ้วผู้หญิงหนึ่งเดียวของกลุ่ม มันก็ยังกินทันหมู่กระเพาะหมูอย่างพวกเรา ฮ่าฮ่าฮ่า ผมนั่งดูไอ้มะนาวมันนั่งเงียบ ๆ หยิ่ง ไม่คุยกับใครเลย มันกินของมันคนเดียว อร่อยอยู่ริมโต๊ะคนเดียว

            “เอ้า...มองอยู่นั่น นั่นนะ...เขามีผัวแล้ว”ไอ้บอลพูดเสียงดัง หันมาทั้งโต๊ะ ผมหัวเราะเขิน ๆ

            “เฮ้ย ชอบเพื่อนกูเหรอว่ะ”ไอ้ชัดแซว

            “ก็น่ารักดี”ผมแซวกลับ ไม่มีอายครับ...หน้าด้านอยู่แล้ว ไอ้มะนาวแสยะยิ้มทั้งที่อาหารเต็มปาก ก่อนจะส่งสายตามองผมอย่างสมเพช เห็นวิธีมองมันแล้ว...กูรู้สึกตกต่ำลงทันที

            “มีผัวแล้วค่ะ เชิญป้ายต่อไปค่ะ”ไอ้ชัดแซวเพื่อนมัน ไอ้มะนาวเอาตะเกียบเคาะหัว

            “ปากดี!!!!”ทุกคนหัวเราะ นั่งกินกันอย่างอร่อย หารเงินกันออกมาแล้วก็ไม่แพงมาก กินเสร็จแฟนไอ้มะนาวก็มารับที่หน้าร้าน ผมอึ้งนิดหน่อย...แฟนมันก็คือแบบ โคตรหล่ออ่ะ...อุ้มเด็กมาด้วย หน้าเหมือนมันเปี้ยป บอกว่าเป็นลูกกูก็เชื่อ แต่ไอ้โรลกระซิบแล้วว่าหลานมัน

            “กลับเลยเหรอ”ไอ้คิ้วถามเพื่อนมัน

            “กลับเลยใช่ไหม?”มันหันไปถามแฟน

            “ม่อนยังไม่ได้กินข้าว เดี๊ยวพาม่อนไปกินข้าวก่อน”แฟนมันบอก แล้วมันก็หันมาพยักหน้าให้พวกผม คือว่าแบบดูดีอ่ะ ทั้งสองคนเลย เห็นมันหยิ่ง ๆ เวลาอยู่มหาลัยฯ แต่จริง ๆ แล้วผมก็ไม่รู้ว่ามันเป็นคนยังไงแน่ ข่าวลือก็บอกว่ามันเป็นเด็กขาย แต่ผมไม่เชื่อหรอก ยิ่งมาเห็นมันกับแฟน ยิ่งไม่เชื่อ..

            “มอง ๆ อยากได้ผัวหรืออยากได้เมียจ๊ะ”ไอ้แยมโรลหันมาแซวผม

            “หึหึ เดี๋ยวกูจะฟ้องผัวมึงให้จัดการ ปากดีนัก!!!!”ผม ใส่กลับ ไอ้โรลขยี้หัวผม แล้วเดินหนีไปเลย เหอ ๆ สุดท้ายเราเลยเดินแยกกัน ไอ้คิ้วไปกับแฟน ไอ้ชัดไปเตะบอลกับไอ้เอกไอ้รัน ไอ้กอล์ฟกลับบ้าน ส่วนผม ไอ้บอล ไอ้โรล จะเดินเล่นกันสักพัก ระหว่างที่เดินอยู่ก็เห็นอาโชติกับลูกน้องเดินอยู่ไม่ไกล

            “มึงอย่าลืมไปขอพ่อมึงด้วยนะเนี่ย!”ไอ้บอลพูดครั้งที่ร้อย

            “เออน่า!!

            “ทำปากดีตลอด ชัวร์ไหมว่าจะได้ไป?

            “เออ ได้ไปแน่มึงไม่ต้องห่วง กูนี่ระดับไหน”

            “ถุ้ย....”ไอ้โรลหัวเราะ

            “มีปัญหาอย่ามาลากกูไปเอี่ยว เข้าใจ๋”ไอ้บอลพูด

            “เออน่า...มึงนี่พูดมาก”ผมพูดทำเป็นหงุดหงิด แต่จริง ๆ ก็มีนิดหน่อย ขี้เกียจฟังมันย้ำ ๆ เหมือนเวลาอาเสือพูด มันน่ารำคาญ

            เสียงเพลงโทรศัพท์ดัง ไอ้โรลมันรีบรับแล้วคุยกับผัวมัน เหอะ...ว่างไม่ได้เลย เห็นคุยกันตลอด มันเดินถอยไปอยู่ข้างหลัง ผมเดินนำกับไอ้บอลสองคน จู่ ๆ มีใครไม่รู้มาจับแขนผม แล้วจะดึงให้ไปด้วย ผมตกใจมาก...เพราะมาถึงตัวไว

            “มานี่!!!”มันพูด ไอ้บอลยังไม่รู้ตัว มองโน่นมองนี่

            “บอล!!!!”ผมตะโกนเรียกมัน ไอ้บอลหันมา ตกใจ...คว้ามือผมไว้อีกข้าง ไอ้โรลชะงักเท้า...

            “เฮ้ย อะไรว่ะ!?!?!”ไอ้บอลเสียงดัง ผมพยายามสลัดมือหนีแต่มันกำแน่นมาก มองหาอาโชติ...อาโชติวิ่งเข้ามาหา แต่มันมองตามสายตาผม เห็นอาโชติด้วย ก็วิ่งหนีไป ปล่อยให้ลูกน้องอาโชติวิ่งตาม คนในห้างก็มอง

            “อะไรคุณกาว!?!?!”อาโชติจับแขนผมไว้

            “ไม่รู้ใคร จู่ ๆ ก็มาดึงแขน”ผมบอก

            “เป็นอะไรเปล่า?”ไอ้บอลถาม ผมส่ายหน้า ไม่ได้กลัว...แต่งง ๆ มากกว่า

            “อะไรว่ะ?”ไอ้โรลถามเสียงเครียด

            “มันเดินมาจากไหนว่ะ”ผมไม่ตอบ แต่ถามมันกลับ เพราะมันเดินมาจากข้างหลัง ไอ้แยมโรลก็เดินข้างหลัง

            “กูก็ไม่รู้ มันเดินเบียดไหล่กูขึ้นมา...กูก็คิดว่ามันรู้จักกับมึง”ไอ้โรลพูด ผมส่ายหน้า

            “ไม่รู้จัก จู่ ๆ ก็มากระชากแขนกู”ทุกคนเงียบ...ลูกน้องอาโชติวิ่งกลับมา

            “ไม่ทันครับ”อาโชติจับมือผมไว้แน่น ไม่พูดอะไรต่อสักคำ

            “กลับเถอะครับ”แล้วลากผมออกมาจากเพื่อน แต่ไอ้บอลกับไอ้โรลมันรู้...เดี๋ยวเราค่อยคุยกันทีหลังนอกรอบ ขึ้นมาบนรถ อาโชติก็โทรรายงานอาเสือทันที เหตุการณ์เป็นยังไงก็ยังไม่รู้เลย มันเป็นใครอะไรยังไง...ก็เดาไม่ออก แต่อาเสือเม้งแตกไปละ อาโชติมาส่งผมที่บริษัท อาเสือยืนรออยู่ก่อนแล้ว

            “เป็นยังไง มันเป็นใคร?

            “อย่าเวอร์น่า เขาอาจแค่ทักคนผิด”ผมบอก เดินเข้าห้องทำงานกว้างอย่างตามสบาย

            “แน่ใจเหรอ?”อาเสือพูด ผมไม่อยากจะคิดอะไรที่น่ากลัวต่อตัวเอง

            “ไม่มีอะไรหรอกมั้ง?”ผมถาม ขณะที่อาเสือทำหน้าเครียด

            “.....................................”ไม่ได้พูดอะไรกันอีก อาเสือก็กรุณามากพอที่จะไม่บังคับให้เซ็นสัญญาวันนี้ ตอนนี้ ผมนั่งเล่นคอมฯ ของอาเสือในห้อง ส่วนผู้เป็นอาออกไปประชุม
           
 

COMMENT PLEASE





"ลุ้นกันต่อเนอะ ตอนนี้ไม่มีอะไรมาก อยากให้รู้จักสภาพแวดล้อมของกาวก่อน อิอิ"