วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ตอนที่ 9 – “เสียงที่เกลียด” 100%




ตอนที่ 9 – “เสียงที่เกลียด”



            กลับบ้านมาพร้อมอาเสือ พอลงจากรถผมวิ่งไปหากรงไอ้ตาลก่อน เพราะเห็นสมหมายกำลังจะให้อาหารมันอยู่พอดี ผมชอบดู เวลามันค่อย ๆ เขมือบเหยื่ออันโอชะเข้าไป กรามอันทรงพลังอ้ากว้างสุดเพื่อรับอาหารเข้าไป คราวนี้เป็นไก่แจ้ตัวไม่เล็กไม่ใหญ่ คงทำให้มันพออิ่มไปได้อีกอาทิตย์ อาเสือหิ้วกระเป๋าของผมเข้าบ้าน มีอาโชติและลูกน้องเดินตามถือกระเป๋าของอาเสือเอง

            “อย่าเข้าไปในกรงนะ...กาว!!!!”อาเสือร้องตะโกนมา ผมยกสัญลักษณ์โอเคขึ้นเหนือหัว แล้วเรียกสมหมาย

            “สมหมายยยยยยย”ร้องเรียกเสียงดัง สมหมายชะงัก ก่อนจะยิ้มให้แล้วถือถังออกมา

            “ผมใส่เข้าไปแล้วครับ เดี๋ยวมันหิวก็คงจัดการเอง”สมหมายบอก ผมเกาะกรงยืนดู ไอ้ตาลค่อย ๆ แล่บลิ้นสองแฉก สำรวจสิ่งมีชีวิตที่มาใหม่ ภายในกรงตัวเองอย่างช้า ๆ

            “กินเร็วไอ้ตาล...”ผมบอก ให้ยืนลุ้นตั้งนานสองนาน มันก็ยังไม่จัดการสักที จนเมื่อยละ!

            “มันคงอายมั้งครับ ฮะฮ่ะฮ่า”สมหมายหัวเราะ

            “กินสิไอ้ตาล กิน ๆ”ผมยังเชียร์ไม่เลิก สมหมายส่งเสียงหัวเราะแปลก ๆ ทำให้ผมรู้สึกขัดใจเป็นอย่างมาก  

            “ไปเถอะครับ มันคงกินไม่ลง”สมหมายบอกอีก

            “ยุ่ง มีอะไรก็ไปทำเลย”ผมบอก แต่สมหมายไม่ปล่อยให้ผมยืนหน้ากรงคนเดียวหรอก ผมไม่ไปเจ้าตัวก็ไม่ไปเหมือนกัน

            “.................................”

            “มีอะไรก็ไปทำเถอะน่า ไม่เข้าไปหรอก”ผมบอก

            “แฮะ ๆ งานเสร็จแล้วครับ”ผมถามหายใจ มองหน้าสมหมายเต็ม ๆ สะกดอารมณ์ของตัวเองไม่ให้ระเบิด เพราะไม่ชอบให้ใครมาขัดใจ

            “อะไรที่ให้ไปทำ เรียบร้อยดีไหม?”ผมถามเสียงนิ่ง อีกคนดันยิ้มแหยะ ๆ แบบนี้

            “ว่าละ ไร้ประสิทธิ์ภาพไม่เคยเปลี่ยน”เดาไม่ยาก...

            “โธ่ คุณหนูครับ...อย่าทำเลยนะครับ มันไม่ดีหรอก เดี๋ยวคุณท่านจะโกรธขึ้นมาอีก ได้เจ็บตัวเหมือนคราวที่แล้ว ไม่เข็ดหรือไงครับ”สมหมายพูด

            “ไม่เข็ด ไม่เคยเข็ด!!! ไม่กลัวด้วยจะบอกให้!!!!!

            “คุณท่านโมโหที แม่บ้านก็กลัวกันเป็นแถว อย่าทำเลยนะครับ”เสียงเว้าวอนจากสมหมาย ผมทำหน้าเชิด

            “เรื่อง!?! อย่ามายุ่ง!!! ให้ไปทำอะไร...ก็ทำ แค่นั้นพอ!!!!”ผมตวาดเสียงดัง

            “กาว!!!!เสียงเรียกดังขัดขึ้นมาเสียก่อน  ผมกับสมหมายสะดุ้ง อาเสือยืนหน้าโหดอยู่หน้าประตูบ้าน ผมหันหน้าไปหาสมหมายอย่างเอาเรื่อง

            “ฝากไว้ก่อนเถอะ!!! เดี๋ยวค่อยกลับมาเคลียร์ธุระของเราต่อทีหลัง!”บอกแล้วเดินเข้าบ้านทันที

            ของว่างก่อนอาหารเย็นวันนี้ ป้าแม่ครัวทำมันเชื่อมราดน้ำกะทิ และน้ำเสาวรสปั่น ผมชอบกะทิคั้นสดเพราะมันหวานหอมกว่ากะทิกล่องตามร้านค้า ซึ่งถ้าใช้มันแม้แต่นิดเดียวผมจะไม่มีวันแตะเด็ดขาด แค่ได้กลิ่นก็สัมผัสได้ มันเชื่อมก็ต้องทำหวานพอดี เสิร์ฟจานใหญ่ ๆ แยกกะทิมาให้ผมตัดราดเอง แบบนี้ชอบที่สุด แทบจะยกน้ำกะทิซดเพียว ๆ ได้เลย อาเสือนั่งรอในห้องอาหารแล้ว อยู่ที่ทำงานก็กินแต่กาแฟ กลับมาบ้านก็ยังเสิร์ฟกาแฟ แต่ยังมีขนมปังราดคาราเมล และวิปครีมน่ากินอีก

            “อย่ากินเยอะ เดี๋ยวทานอาหารเย็นไม่ได้ลง”อาเสือเตือน ผมหยิบผ้ามาเช็ดมือก่อน

            “เอายังไงแน่ คราวนั้นก็บอกให้กินเยอะ ๆ มาคราวนี้ก็ห้ามไม่ให้กินเยอะ!?!?!”ผมถามเสียงนิ่ง ๆ

            “ข้าวน่ะกินเยอะ ๆ แต่ขนมหวานน่ะ...กินให้น้อยลง”อาเสือพูด ผมทำปากขมุบขมิบ นั่งทานส่วนของตัวเองไปเรื่อย ๆ ชอบกะทิหวานมันหอม ยิ่งกินยิ่งเพลิน...

            “วันพฤหัสหน้า จะให้ช่วงโชติพาไปวัดตัวสำหรับชุดสูทนะ”อาเสือบอก ผมเงยหน้าขึ้นมา

            “ไปไหน?

            “วันศุกร์มีงาน....”

            “ไม่ไป!”ผมสวนออกไปก่อน คงจะงานชุมนุมไฮโซไฮซ้ออีกละสิ อาเสือหน้านิ่ง

            “ทานให้เสร็จแล้วค่อยพูดกัน”อาเสือพูด แต่ผมกินไม่ลงแล้ว วางช้อนทันที

            “เกลียดอาเสือที่สุด ชอบบังคับ!!!!

            “มันจำเป็นต้องไป....”

            “ไม่ชอบ! อาเสือชอบปล่อยกาวทิ้งไว้งานแบบนั้น บอกหลายครั้งแล้วว่า ไม่ชอบ!!! ไม่ชอบ!!! ไม่ชอบ!!!”ผมตะโกน มือกำช้อนแน่น

            “กาว...!!!”คนตรงหน้าขึ้นเสียงใส่

            “บอกว่าไม่ไป...ไม่ชอบ!!! ก็ชอบบังคับ!!!!! เคล้ง!!!! ผมขว้างช้อนในมือหล่นพื้น อาโชติขยับตัว อาเสือก็พยายามจะคว้ามือผม อาโชติยืนขวางตอนจะวิ่งออก แต่อาเสือร้องห้าม

            “ปล่อยเขาไป”สิ้นคำอาเสือ ผมตวัดสายตามองหน้าคนพูด อยากจะวิ่งเข้าไปทุบใบหน้าคมเข้มนั่นซะเหลือเกิน แต่ไม่กล้า...กลัวอาโชติเอาปืนยิงหัวแบะ ผมวิ่งหนีขึ้นห้องและขังตัวเองอยู่ในห้องคนเดียว ไม่มีคนตามขึ้นมาเหมือนทุกครั้ง ก็ดีเหมือนกัน! คิดว่าบอกไปแบบนั้นก็คงเข้าใจแล้ว

            ภายในห้องส่วนตัว ผมเอาไอแพดเสียบลำโพงแล้วเปิดเพลงเสียงดัง ก่อนจะเข้าไปอาบน้ำชำระล้างร่างกาย กลิ่นสบู่ L'oocitane ทำให้รู้สึกผ่อนคลายอย่างที่สุด มันหอมเย็น ๆ ดีเลยใช้มาตลอด ถึงแม้จะราคาแพงก็ตาม อาบน้ำและแต่งตัวออกมาข้างนอก สุดากำลังจัดที่นอน และทำความสะอาดในห้อง ร่วมกับแม่บ้านอีก 2 คน พอผมออกจากห้องน้ำ ก็เข้าไปทำความสะอาดในห้องน้ำต่อ

            “ฝากบอกสมหมายด้วยนะ ว่างานที่สั่งไป...กรุณาจัดการให้เรียบร้อย”ผมบอก

            “โธ่...อย่าหาเรื่องเลยค่ะ คุณกาว”

            “ห้ามเถียง! เอามาให้ทันวันศุกร์แล้วกัน”ผมบอก เมื่อคิดอะไรดี ๆ ออก
            “หาเรื่องให้ตัวเองเจ็บตัวแท้ ๆ นะคะ”

            “หึหึหึ แต่มันคุ้มนะ...อาเสือต้องหน้าแตกแน่ ๆ”แค่คิดก็สนุกแล้ว นั่งลงเช็ดผมตัวเอง ก่อนจะถูกเรียกลงไปทานอาหาร แต่ผมบอกไปว่าอิ่มแล้ว...เหนื่อย เดี๋ยวจะนอนเลย อาเสือก็ไม่ได้ว่าอะไร ทั้งที่จริง...ผมนอนเล่นไอแพดอยู่บนเตียง วันนี้พวกไอ้บอลคงไปเที่ยวกันเหมือนเคย ไม่ได้โทรหามันอีก และมันก็ไม่ได้โทรหาผม เฮ้อ...วันนี้น่าเบื่อที่สุด เล่นไปเล่นมาก็หลับ...ผล็อยไป เสียงสุดายังขนเสื้อผ้ามาไว้ให้ในตู้อยู่เลย
           
            ปัง!!!! ปัง!!!!!!!! ปัง ปัง ปัง!!!!!!!!!!!!!

            ผม ที่หลับไปตั้งนานแล้ว สะดุ้งตื่น...เพราะเสียงปึงปังอันดัง ไฟในห้องถูกปิด เดาว่าไม่เป็นอาโชติก็คงจะเป็นสุดาที่เข้ามาปิดให้ ผมตกใจ...ตัวเองไม่ชอบเสียงแบบนี้อยู่แล้ว ก็ผุดขึ้นนั่งบนเตียง เหมือนว่าร่างกายมันเด้งขึ้นเอง


            ปัง!!!!! ปัง!!!!!!!! ปัง!!!!!!!!!!!!!!!!!


            โฮ่ก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ โฮ่ง ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ เสียงหมาเห่าดังสลับกัน อย่างกับมีสงครามกลางเมือง ด้วยความรีบร้อน ผมจะวิ่งลงจากเตียงแต่ขาดันพันกับผ้าห่ม ล้มลงไปนอนกองกับพื้น

            “โอ๊ย แม่งเอ้ย!!!!”สบถออกมาเสียงดัง สะดุ้งออกมาเป็นระยะ ๆ ที่ได้ยินเสียง


            ปัง!!!!! ปัง!!!!!!!! ปัง!!!!!!!!!!!!!!!!!


          ปัง!!!!! ปัง!!!!!!!! ปัง!!!!!!!!!!!!!!!!!


            “กาว!

            “อาเสือ!!!!”หันไปมองแสงที่ประตู อาเสือเปิดประตูเข้ามา ผมวิ่งไปกอดอาเสือสุดตัว

            “เสียงอะไร!?!?!?!?!”ถามเสียงรัว รู้ว่าตัวสั่นมาก

            “ใจเย็น ๆ แค่พลุ...”อาเสือพูด เสียงมันก็ยังดังไม่หยุด

            “อาจะเปิดหน้าต่างให้ดู”อาเสือจะเดินไปที่หน้าต่าง ผมขืนตัวไว้...ร้องลั่นห้อง

            “ไม่เอ๊า!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! อร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!”เขาเรียกอะไรนะ...กรีดร้อง? นั่นแหล่ะ...แบบคนเสียสติเลยด้วยซ้ำ ผมเกลียดเสียงแบบนี้ เกลียดเอามาก ๆ

            “อาจะให้ดูไง...พลุสวย”อาเสือบอก แต่ผมจะเป็นบ้าไปแล้ว อาโชติวิ่งขึ้นมาทั้งชุดนอน

            “มีอะไรรึเปล่าครับ”อาโชติถาม อาเสือส่ายหน้า

            “ดูไหม”อาเสือหันมาถามผม

            “ไม่!!!!”กรีดร้องอีกครา อาหนุ่มหัวเราะเบา ๆ ทำให้ผมขุ่นเคือง เห็นความกลัวของผมเป็นเรื่องล้อเล่นหรือไง!?!?!?!?!

            ปุงปัง!!!!! ปุงปัง!!!!!!!! ปุงปัง!!!!!!!!!!!!!!!!!

            เสียง ที่ดังขึ้นอีกระลอก ทำให้ผมสะดุ้งกอดอาเสือ มองไปทางผ้าม่านที่ถูกปิด มีแสงวูบวาบของประกายไฟบนท้องฟ้างดงาม ก่อนจะพลันดับหายไปในที่สุด และเริ่มดอกใหม่ไปเรื่อย ๆ และเรื่อย ๆ

            โฮ่ง ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ โฮ่ง ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ

            “ไปนอนเถอะ...ไม่มีอะไรหรอก”อาเสือบอก อาโชติมองอย่างสำรวจ แต่ยอมเดินออกไป ผมรู้สึกเหมือนตัวเองแก่ลงอีกซัก 10 ปี ความกลัวเป็นแบบนี้เอง...

            “นอนได้แล้ว พรุ่งนี้มีเรียนเช้าใช่ไหม”อาเสือบอก ผมส่ายหน้า...ไม่ยอมปล่อยมือ

            “ไม่กล้านอนอ่ะ!?!?!?!?! เสียงมันดัง!?!?!?”ผม บอก ยังหอบหายใจแบบคนตกใจอยู่เลย อาเสือพาเดินมานอนบนเตียง แต่ผมไม่ยอมปล่อยมืออาเด็ดขาด เสียงมันยังไม่หยุด จะจุดอะไรหนักหนาเนี่ย

            “อาเสือให้คนไปบอกหน่อย จุดบ้าจุดบออะไรหนักหนา!!!”พูดอย่างคนหัวเสีย อาเสือหัวเราะ

            “อาจะไปยุ่งเขาได้ยังไงละ มันเป็นเทศกาล...ก็ต้องมีการจุดเป็นธรรมดา”
            “กาวไม่ชอบ!!!!

            “โอเค ๆ ไม่ชอบ! งั้นอาจะอยู่ตรงนี้จนกว่ากาวจะหลับดีไหม”อาเสือบอก ผมถอนหายใจ...ก่อนจะพยักหน้า

            “อย่าหนีไปไหนนะ!!!”คาดโทษไว้ก่อน อาเสือหัวเราะ

            “เตียงกาวอานอนไม่ค่อยสบาย ไปห้องอาได้ไหม”มองหน้าอาเสือช้า ๆ เตียงผมเป็นเตียงกว้างก็จริง แต่ผมชอบนอนแบบเบาะนิ่ม ๆ นอนทีตัวเองก็เหมือนจะฝังจมลงไปกับที่นอน หมอนและหมอนข้างเต็มเตียง ขนมกินเล่นวางบนหัวนอน (ยังไม่ได้แกะ) อุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์วางเต็มเตียง

            ผมพยักหน้า...เดินตามอาออกไป ห้องอาเสืออยู่อีกฝั่ง เป็นห้องใหญ่ที่สุดของบ้าน เปิดประตูเข้าไปได้ ผมก็กระโดดลงบนเตียง อาเสือชอบเปิดแอร์จนเย็นจัด ผ้าห่มหนาดูเหมือนจะคลุมร่างผมไว้มิดดีแล้ว อาเสือเดินมาล้มตัวนอนลงข้าง ๆ และกอดผมไว้ หูผมก็กระดิกฟังเสียงพลุอันน่าสะพรึง ยังไม่หยุดเลย..!!!

            “นอนได้แล้ว! กลัวก็ไม่ต้องไปฟัง!!”อาเสือบอก

            “ไม่ฟังได้ไง!!! เสียงดังขนาดนี้...ถึงไม่ตั้งใจฟังมันก็ได้ยินเอง!!”ผมเถียงกลับ สะดุ้งเหมือนตัวกระตุกเข้าหาอาเสือทุกที ที่ได้ยินเสียงปุงปัง!

            “อากอดไว้แล้วไง ไม่ต้องกลัวแล้ว”อาเสือบอก

            “ก็มันได้ยิน...”อาเสือถอนหายใจ ก่อนจะกอดหัวผมลงไปฝังกับอกหนา เอาผ้าห่มคลุมร่างเราสองคนไว้ ผมกำเสื้ออาเสือแน่น เสียงพลุที่ดังดูจะเบาบางลงมากแล้ว ตัวเองหลับตาปี๋และใจเต้นตึกตัก (ด้วยความกลัว)

            นอนไม่ค่อยหลับเลย มันไม่สบายตัว เพราะไอ้พลุบ้า ๆ นั่นทำเอาขวัญผวา อาเสือค่อยตบหลังให้เบา ๆ ทุกครั้งที่สะดุ้ง ผมฝันร้ายด้วย ฝันว่าได้กลับเข้าไปในบ้านตัวเองอีกครั้ง ยืนอยู่ตรงนั้นท่ามกลางไฟที่ลุกโชน เสียงระเบิดของหม้อแปลงดังลั่น ตัวเองวิ่งออกมาไม่ทัน...โดนไฟลวก ดิ้นทุรนทุรายอยู่ตรงบันได

            สะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก กอดอาเสือร้องไห้แน่น อาเสือไม่พูดอะไรสักคำ...ได้แต่กอดผมไว้ทั้งคืน

            “ตื่นได้แล้ว เช้าแล้ว”อาเสือเรียก ผมเหมือนคนพึ่งจะได้นอน พอถูกเรียกก็ขัดใจ!

            “.....วันนี้ไปเรียนเช้านี่....กาว...กาว...”เสียงเริ่มเข้มขึ้นเรื่อย ๆ ผมง่วงมาก กอดอาเสือแน่นไม่ปล่อย

            “ไม่ไป นะ ๆ ง่วงมาก...เมื่อคืนฝันร้าย”ผมบอกเสียงเบา

            “เช้าแล้ว ไม่ต้องกลัวแล้ว”

            “ไม่เอา...กลัว!!! ยังกลัว!!!!”ผมบอก ทำคิ้วขมวด

            “อาต้องไปทำงาน”ผมเงียบ ปล่อยมือตัวเองออก น้ำตาไหล

            “กาวก็แค่ฝัน...อาเสือจะพูดแบบนี้ใช่ไหม!? ถ้าไม่ใส่ใจทีหลังก็ไม่ต้องมาดู!

            อาเสือดึงผมเข้าไปกอดเหมือนเดิม

            “เด็กอะไรนะ เอาใจยากที่สุดในโลก...บอกหน่อย อาต้องทำยังไง...ไม้แข็งก็แล้ว ไม้อ่อนก็แล้ว”อาเสือบ่น

            “ก็กาวไม่เหลืออะไรแล้วนี่...ไปไหนไม่ได้แล้ว อาเสือเลยจะทำยังไงกับกาวก็ได้”ผมบอก อาเสือส่ายหน้า

            “เฮ้อ...”

            “ไม่ต้องถอนหายใจขนาดนั้นหรอก!!!! เดี๋ยวกลับห้องก็ได้!!!!!”ผมบอก

            “ยังไม่ว่าอะไรเลย เรานี่มันดื้อจริง ๆ เลยนะ แต่ก่อนไม่เห็นเป็น”

            “ก็แต่ก่อน อาเสือยังไม่ฆ่ะ.............”กำลังจะตะโกนใส่หน้า แต่อาเสือตัดบทซะก่อน

            “อะ ๆ โอเค ๆ งั้นนอนต่อ...ยังไม่ต้องไปก็ดีเหมือนกัน อาจะให้โชติไปตามหาว่า ใครที่มันจับแขนเราเมื่อวาน”อาเสือพูด ผมพยักหน้า     

            “แล้วทำไมอาเสือไม่ลุกไปอาบน้ำ ไปทำงาน?”ผมถาม

            “วันนี้อาหยุด....”อาเสือพูดเสียงเบา ผมตาโต...ลุกขึ้นนั่ง จ้องหน้าอาเสือ

            “ห๊ะ!?!?!?! หยุดเหรอ????

            “.................................”อีกคนยิ้ม ไม่พูดอะไร
            “หยุดกับเขาเป็นด้วยเหรอ?”ผมถาม อาเสือหัวเราะเบา ๆ

            “นอนต่อไหม...อาก็ง่วงละ เด็กที่ไหนไม่รู้นอนร้องไห้ทั้งคืน ไม่ค่อยได้นอนเลย”อาเสือบอก ดึงผมลงไปนอนด้วยกัน ทั้งที่ตัวเองยังงง ๆ ร้อยวันพันปีไม่เคยหยุด...อะไรเข้าสิง หรือว่าผีอาม่านกันนะ

            “นี่อาเสือจริงรึเปล่า”ผมถาม อาเสือหัวเราะลั่น กดจูบที่ริมฝีปากของผม ก่อนจะผละออกแล้วยิ้มให้เก๋ ๆ

            “รู้รึยังว่าตัวจริงหรือตัวปลอม”ผมเม้มปากพยักหน้า รู้สึกว่าหน้าแดง ๆ
           



            ลง ทุนหยุดงาน...เพราะอย่างนี้นี่เอง ลากผมมาวัดตัวสำหรับชุดสูทจนได้ ผมหน้างอง้ำตั้งแต่เดินเข้าห้าง จนกระทั่งอยู่ในร้านลองชุดแล้ว พนักงานเอาชุดมาให้ลองเยอะมาก อาเสือสบายสุดแค่นั่งไขว้ห้างเฉย ๆ แล้วดูว่า ผ่านหรือไม่ผ่านเท่านั้น ลองไปแล้วสัก 10 ชุด อาเสือไม่ให้ผ่านสักชุด สุดท้ายก็ต้องตัดใหม่

            “กาวตัวเล็ก หาไซส์ยาก อาว่า...ตัดใหม่ไปเลยดีกว่า”อาเสือบอก ผมทำหน้าเมื่อยสุด ๆ ๆ ๆ ตอนที่รอชุดก็มานั่งเอนหลังบนโซฟาหรูในร้าน ยังไม่ทันหลับดี...พนักงานก็มาเรียกไปลองชุดอีก ฮึ่ม ๆ

            กว่าจะได้เสื้อข้างนอก ข้างใน เน็คไท กางเกง อาเสือจะให้ตัดผมด้วย...แต่อันนี้มากเกินไปละ

            “ไม่!!!!”ผมหน้างอ
            “ตัดให้ไอ้ผมปรก ๆ หน้า ออกซะบ้าง...จะได้ดูเรียบร้อย”อาเสือบอก

            “ไม่!!!!”ผมย้ำ เริ่มโมโหใกล้บ้าเต็มที พนักงานยืมทำหน้าเจื่อน ๆ สองสามคน อาเสือจ้องหน้าดุ ๆ ใส่ผม ที่พูดไม่ฟัง ต่อหน้าคนอื่น

            “ตัดออกสักหน่อย...”

            “ไม่!!!!”ผมตัดบท อาเสือกัดกรามแน่น จะจับตัวผม แต่ผมหลบไปยืนหลังอาโชติ

            “กาว!!!

            “ไม่ตัด!!!! วันนี้ลองชุดตั้งหลายชุดแล้วอ่ะ ทำไมต้องมาบังคับให้ตัดผมอีก!!!!”ผมตะโกน

            “คุณกาวครับ...ตัดสักหน่อยเถอะครับ นิดเดียว”

            “ไม่เอา สักนิดก็ไม่!!!!! อย่ามายุ่งนะ!!!!”ผมบอก อาเสือยืนนิ่ง...ทุกคนก็นิ่ง สรุปผมไม่ต้องตัด สงสัยอาเสือโกรธ ไม่ยอมพูดอะไรอีกเลย ชอบมาวุ่นวายกับหัวคนอื่น!!!

            อาเสือเดินมาถึงตัวก็กระชากแขนผม ลากเข้าไปในห้องด้านหลัง ผมขืนตัวไว้อย่างด่วน พยายามจะคว้ามือเกาะอาโชติไว้แต่ไม่ทัน

            “มานี่!!!!”เสียงอาเสือคำราม แม้แต่เจ้าของร้านยังก้มหน้ากลัว อาโชติมองหน้าผม แต่ไม่ยอมช่วย

            “ปล่อย!!! บอกให้ปล่อยไง!!!! ปล่อยซีว่ะ!!!”ผม ร้องดังลั่น และเผลอสบถคำหยาบ อาเสือชะงักกึก พอ ๆ กับผม รู้ดีว่าคนตรงหน้าไม่ชอบ...และโคตรไม่ชอบเอามาก ๆ ผมก็ตกใจ ปกติพูดกับเพื่อน ไม่ค่อยหลุดมาให้ได้ยินถึงบ้าน จะมีก็แต่เวลาคุยโทรศัพท์เพียงเท่านั้น

            “ว่ายังไงนะ?
            “กะ ก็ กาวเจ็บ...อาเสือลากกาวทำไม!?”ผมแก้ตัวทันควัน

            “................................”เคยเห็นคนหน้าแดง โกรธจัดไหม คนตรงหน้านี่...แบบนั้นเลย ผมถอยกรูด

            “ขอใช้ห้องหน่อย”อาเสือหันไปบอกเจ้าของร้าน หล่อนผายมือออก แถมเปิดประตูให้ด้วย ผมดิ้นรนสุดฤทธิ์

            “ปล่อย!!! ไม่!!!! ปล่อย!!!!!

            “พูดไม่ฟัง!!!!”อาเสือดันผมเข้าห้อง แล้วล็อคประตู

            “อาโชติ ช่วยกาวด้วย...อาโชติ”ผมร้องพลางทุบประตู อาเสือกระชากผมจนติดกับร่างหนา

            “พูดไม่ฟัง!!!!! ดื้อก็ที่หนึ่ง!!!!!

            อาเสือก้มหน้าลง ผมรู้ว่าอาจะทำอะไรเลยเบี่ยงหน้าหนี แต่โดนมือใหญ่บีบคางไว้จนปากเผยอ ไม่ยอมก็ไม่ได้ เพราะดิ้นแล้วเจ็บ เอามือทุบอาเสือ อาเสือก็กำมือผมไว้ทั้งสองข้าง

            “อึก...อุ๊บ!!!!”อาเสือกัดปาก กัดลิ้น...จนเจ็บ น้ำตาไหลสองข้างแก้ม เพราะความเจ็บ

            “กาวเจ็บ!

            “ก็อย่าดิ้น...”อาเสืองึมงำ ปากยังออกจากปากผมดีนัก ผมหยุดดิ้น รู้ดีว่าขัดขืนไปไม่มีประโยชน์ อาเสือยิ่งจะทำเจ็บกว่าเดิม

            “กาวเจ็บ!”ผมร้อง อาเสือผละออกแล้วมองหน้า

            “อาพูดอะไรเคยฟังกันบ้างไหม!?”อาเสือว่า

            “ก็กาวไม่อยากตัด เพิ่งจะตัดไปเอง ทำไมอาเสือชอบให้คนมาวุ่นวายกับหัวของกาว”ร้องบอก น้ำตาคลอ อาเสือดันหลังให้นั่งลงบนโซฟา ส่วนตัวเองก็นั่งประคองอยู่ข้าง ๆ

            “มันดูไม่เรียบร้อย”

            “โกนเลยดีไหม? จะได้ไม่ต้องมาตัดบ่อย ๆ จะทรงไหนอาเสือก็ว่าไม่เรียบร้อยทุกที”

            “พูดคำเถียงคำ แล้วแบบนี้มันน่าโมโหไหม...กาว”

            “.............................”เป็นผมที่เงียบบ้าง

            “งั้นกลับไปให้สุดาเล็ม ๆ ปลายตรงนี้ออกสักหน่อย มันยื่นออกมาทิ่มคอไม่รำคาญบ้างหรือไง”อาเสือบอก ผมหน้างอ ถ้ายอมตอนนี้ก็ต้องยอมเรื่องต่อไปเรื่อย ๆ
            “..................ไม่!!!!!

            “กาว...อาเริ่มจะเหนื่อยกับเราแล้วนะ”ผมมองหน้าอาเสือ มองว่าที่พูดประโยคนี้อาเสือทำหน้ายังไง แบบไหน...เพราะน้ำเสียงมันบอกว่าเหนื่อยมาก เหนื่อยแล้วจริง ๆ

            “เหนื่อยก็พอ...หยุดตรงนี้!!!! หยุดทุกอย่าง!!!!”ผมบอก น้ำตาไหลพรากอย่างคนเจ็บปวดที่สุด อาเสือรั้งเอวผมไว้ ไม่ให้ลุกหนี

            “เอาแค่โฉนดคืนมา แล้วกาวจะเซ็นให้ทุกอย่างที่อาเสือต้องการ หมดแล้วจริง ๆ หมดแล้ว....”ผมร้องไห้เสียงสั่น อาเสือกัดกราม

            “อาไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”

            “เอาไปทำไม!?! ฮึก....เอาของกาวไปทำไม!?!?!?”สะอื้นเสียงดัง ยกมือทุบอก หน้า ไหล่อาเสือ สะเปะสะปะ อาเสือคงเจ็บเพราะสุดท้ายก็รวบมือผม ให้หยุดทำร้าย

            “กาว!

            “เอาแค่โฉนดมา เอาแค่นั้น...ฮึกกกก”

            “กาว....หยุดร้อง...โอเค ไม่ตัดก็ไม่ตัด”

            “ฮืออออ เอาคืนมา...เอาบ้านกาวคืนมา!!!”อาเสือกอดผมไว้สุดตัว สุดท้ายก็เรียกอาโชติเข้ามา จ่ายเงินค่าชุดทุกอย่าง แล้วพาออกไปจากร้านเลย โดยที่ยังไม่ได้ร้องเท้า

            “ปวดหัว...”ผมร้องบอกอาเสือระหว่างที่กำลังกลับบ้าน อาเสือมองหน้า จับหน้าผากวัดไข้

            “แวะโรงพยาบาลเลย”หันไปสั่งอาโชติ อาโชติผงกหัวรับ แล้วคนขับรถก็ขับไปทางรพ.

            “ปวดหัว!!!!”ผมร้องตะโกน อาเสือกอดไหล่ให้ผมนอนซบ

            “รู้แล้ว ๆ”ก่อนจะถอนหายใจ แล้วนวดแขนผมเบา ๆ

            “มือเจ็บ แขนก็แดง”บอกอาเสือเสียงเบา ก็ตอนโดนกระชากนั่นละ

            “.....................”อาเสือเงียบ ลูบไล้ตรงส่วนที่แดง มีบางส่วนที่ผมสงสัย...และอาเสือไม่เคยให้คำตอบ มีคน ๆ หนึ่งที่ผมกลับคิดถึงเขาตลอดเวลา พยายามตามหา...เท่าที่ตัวเองจะทำได้ แต่ไม่เคยเจอ

            อาน้ำมนต์ มินทิตรา วรนาญจน์ แฟนสาวของอาม่าน ตั้งแต่อาม่านเสียไป...ดูเหมือนชื่อเธอก็จะหายออกไป จากวงการนางแบบด้วย ผมไม่สนิทกับอาน้ำมนต์ เคยเจอก็แค่ครั้งเดียว ตอนที่อาม่านพาไปรับประทานอาหาร ร่วมกับนางแบบอีกหลาย ๆ ท่าน ในงานเลี้ยงงานหนึ่ง

            ผมเคยได้ยินคนจากงานนั้นพูดกันว่า อาเสือแอบชอบอาน้ำมนต์ แอบชอบแฟนเพื่อนตัวเอง ถึงขั้นเคยทะเลาะกันเพื่อแย่งตัว ตอนนั้นผมยังเด็กและไม่เข้าใจอะไรมากนัก อาม่านก็ไม่เคยบอกอะไรว่าต้องระวังใคร หรือบอกกล่าวใด ๆ

            จนวันที่เกิดเหตุ วันนั้นอาเสืออยู่ที่ตรงนั้น อยู่กับกองเลือดของอาม่าน ก่อนที่อานัยจะดึงผมลงมาจากห้องด้านบน ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นต่อ...แต่ตำรวจ บอกว่าอาม่านยิงตัวตาย ซึ่งผมไม่เชื่อ ไม่เคยเชื่อ...เพราะตอนที่ได้ยินเสียงปืน อาเสืออยู่ตรงนั้นแล้ว ตัวเองก็เข้าใจมาตลอดว่าอาเสือฆ่าอาม่านทิ้ง พอทำสำเร็จก็พาอาน้ำมนต์หนี ไปอยู่ที่ที่นึง ได้เวลาก็จะพากลับมาแต่งงาน

            ภาพนั้นยังติดตาอยู่ทุกคืนที่ระลึกถึง ถ้าเพียงผมวิ่งไปเร็วกว่านั้น ก็จะเห็นเหตุการณ์ก่อนหน้า อาจเข้าใจทุกอย่างได้ดียิ่งขึ้น หรืออาจถูกฆ่าตายเคียงข้างอาผู้เป็นที่รักไปแล้วก็ได้


            “กาว...หลับแล้วเหรอ”อาเสือถาม ทำให้ผมหลุดจากภวังค์ มือหนานี้ทำให้ผมอบอุ่นและขยะแขยงในคราวเดียว

            “กาวเกลียดอาเสือ”อาเสือกอดกระชับผมแน่นขึ้น ดูเหมือนว่า...ตัวผมจะร้อนขึ้นมาก ๆ จนหายใจไม่ค่อยออกแล้ว




COMMENT PLEASE





ขอบคุณที่อ่านและคอมเม้นค่ะ

จะกรุณามาก ถ้าหากเจอคำผิดตรงไหน แล้วบอกชินด้วย
จะได้แก้ให้ถูกต้องเนอะ :)

พอจะเข้าใจอารมณ์ของตัวละครกันบ้างรึเปล่า

หรืออาจจะงงกว่าเดิม? 55555+

รักไม่สุด อบอุ่นไม่สุด ร้ายไม่สุด ใจดีไม่สุด

เอาเป็นว่าตามต่อ..เดาไปเรื่อย ๆ บอกได้เลยว่า

ชินไม่ซับซ้อน...คึคึคึ

7 ความคิดเห็น:

  1. น้องกาววววว ดื้อสุดซอยเลยลูกเอ๊ยยย
    ปมใหม่มาอีกแล้ว
    หรือว่าฝีมือน้ำมนต์?
    อาเสือรู้เช่นเห็นชาตินางรึเปล่า
    พยายามกันอาม่านออกมา
    แต่ไม่ทันการรึเปล่า????
    งื้อออ เกิดอะไรขึ้นนะวันนั้น

    ตอบลบ
  2. งง แต่น่าติดตาม บางช่วงเหมือนหนังฆาตรกรรมนะ

    ตอบลบ
  3. กีสสสสสสสสสส เกือบน้ำตาไหลแน่ะ แอบกระชากอารมณ์อะ ฮือออออออ

    ตอบลบ
  4. กรี้ดดด ชอบบ ดราม่าเอ๋ยจงซับซ้อนยิ่งๆขึ้นไป ว่าแต่น้องกาวหนูหึงอาเสือรึเปล่าคะลูก
    ปากว่าเกลียดแต่ใจน่ะนะ หุหุ

    ตอบลบ
  5. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  6. อ่านไปอ่านมารู้สึกแบบ กาวเป็นเด็กน้อยอ่ะ ไม่ก็เด็กผู้หญิงงี้ แต่ก็สนุกดีจะอ่านต่อเรื่อยๆน้า

    ตอบลบ