ตอนที่ 1 “ปะทะ”
เสียงเอะอะโครมครามภายในบ้านสีขาวหลังใหญ่ ก็เหมือนอย่างเคย
คนน้อย...แต่เรื่องเยอะ ผมนอนหลับเป็นตาย
เพราะเมื่อวานไปแฮงค์เอ้าท์กับเพื่อนที่ร้านโต้รุ่ง ชื่อก็บอกอยู่แล้ว...เพราะฉะนั้น
ถ้าไม่เช้าก็อย่าหวังว่าเราจะถึงบ้าน ทุกค่ำคืนของผมคือความสนุก
อยู่กับเพื่อนก็สนุก กินเหล้าก็สนุก เจอคนมากมายจีบหญิง
เอาขวดเหล้าตีหัวไอ้โต๊ะข้าง ๆ แบบนั้น...มันทั้งสนุกและสะใจ แต่โคตรเหงาชะมัด!
เสียงดังทำให้พยายามลืมตามาเจอบรรยากาศอย่างเคย ๆ
ผมผู้ซึ่งเมามายไม่ได้สติ และมีความเหนื่อยล้าอยากจะนอนพักผ่อน
ให้สมกับที่ดื่มหนักมาทั้งคืน ก็ยังต้องลุกขึ้นเสียไม่ได้ เพราะเสียงเคาะประตูห้องที่โคตรน่ารำคาญนั่นแหล่ะ
ทันทีที่อ้าประตูออกก็เห็นใบหน้าที่น่าเบื่อที่สุดยืนอยู่หน้าห้อง ผมทำหน้าเหม็นเบื่อแล้วเดินกลับเข้ามาทิ้งร่างลงบนเตียงกว้างต่อ
“หกโมงครึ่งแล้วครับ คุณควรจะอาบน้ำแต่งตัว เพื่อลงไปเตรียมทานอาหารเช้าได้แล้ว”เสียงดังทุ้มอำนาจเอ่ยขึ้น
ตาแว่นนี่ เป็นเลขาฯ ไม่ใช่เลขาฯ ธรรมดานะ เป็นเลขาฯ ที่มีความสามารถครอบจักรวาล
และทำหน้าที่ได้ดียิ่งกว่าพ่อผมซะอีก ผมนอนคว่ำหน้าลงบนเตียงนิ่ง แต่เท้ายังกระดิกยั่วประสาทคนเล่น
“อาหารเช้าเป็นสิ่งที่จำเป็นนะครับ
ถ้าการที่คุณคิดว่าจะสามารถทนไม่ให้ตัวเองหิวได้ถึงเที่ยงละก็...ผมจะลงไปบอกแม่บ้านให้เก็บสำรับทิ้งให้หมด”อาโชติหรืออาช่วงโชติคนนี้เอ่ยขู่อีก
ผมนอนนิ่ง...ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง หึหึหึ
“..................................”คนพูดเงียบไปชั่วครู่
ผมแอบนอนยิ้ม...เดี๋ยวก็คงลงไป ถ้าไม่ได้สิ่งที่ต้องการ
“อาบน้ำเถอะครับ ท่านรออยู่”เสียงนั่นบอกแผ่วเบา ผมชะงักนิ่งก่อนจะค่อย
ๆ ผงกหัวขึ้นมองหน้าอาโชติ รู้สึกว่าร่างตัวเองสั่นเล็กน้อย
“เขากลับมาแล้วเหรอ?”ผมถามเสียงเบา
ไม่รู้ว่าทำหน้าแบบไหนออกไป อาโชติโค้งหัวเล็กน้อย
“ครับ แม่บ้านเตรียมตั้งสำรับเวลา เจ็ดนาฬิกาแล้ว ลงไปให้ทันด้วยนะครับ”สิ้นคำ
อาผู้เป็นเลขาฯ คนเก่งก็เปิดประตูให้แม่บ้านสองสามคน เข้ามาวุ่นวายในห้อง
ทิ้งให้ผมนั่งทำหน้าอึนอยู่กลางเตียง
กลับมาแล้วจริงเหรอ? ยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองเล็กน้อย ลุกขึ้นจากเตียงไปเข้าห้องน้ำ...อย่างคนไร้สมองเป็นที่สุด
ผมเลือกเสื้อตัวใหญ่กว่าตัวเล็กน้อย
ปกติไม่ค่อยใส่เสื้อยืดแบบนี้เท่าไหร่ แต่เพราะอากาศคงร้อนเกินไป เมืองไทยก็แบบนี้
มีแค่สองฤดูเวียนกันไปตลอดปี
แม่บ้านหลายคนรีบเข้ามาทำความสะอาดทั้งหมดในห้องนอนของผม แบ่งหน้าที่กันชัดเจนในการหยิบจับข้าวของ
และแน่นอนว่าคุณ ๆ แม่บ้านทั้งหลายสามารถเปลี่ยนจากห้องที่รกเป็นรูหนู กลับกลายเป็นห้องสะอาดเอี่ยมได้ภายในเวลาไม่นาน
ผมต้องเพิ่มเงินเดือนให้พวกเขาไหม? หรือต้องก้มโค้งให้ ในการรบกวนเวลานอนอันนี้มีค่าของผมดี?
ก่อนจะเดินถึงห้องอาหาร ผมตัวเองผ่านกระจกที่เดินผ่าน
สำรวจความเรียบร้อยของใบหน้า และผมเผ้า เห็นว่าเข้ารูปดีแล้ว
จึงเดินเข้าห้องอาหารด้วยท่าทีสงบนิ่ง
แม่บ้านสองคนยืนอยู่ริมประตู อีกสองสามคนกำลังจัดโต๊ะบาง
วางอาหารบ้าง ดูวุ่นวายกันทีเดียว กวาดสายตามองหัวโต๊ะมีคนกุมอำนาจของบ้านนั่งอยู่
ใบหน้าขมวดตึงเคร่งเครียดตลอดเวลา อีกทั้งในมือยังมีเอกสารอะไรสักอย่าง
อาโชติยืนตรวจตราอาหารอยู่ไม่ไกล
“คุณกาวมาแล้ว เชิญนั่งสิครับ”เสียงอาโชติเรียกเชิญ
ผมยืนสงบรอดูท่าทีคนอีกคน แต่ไร้เสียงใดใดเชิญชวน
ผมเบะปาก...ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไรถ้าผมจะไม่ร่วมโต๊ะ
เพียงแค่ลงมาให้เห็นหน้าว่ายังมีชีวิตอยู่ก็คงเพียงพอแล้วเท่านั้น
เตรียมหันหลังจะถอยกลับ เสียงทุ้มอำนาจจึงดังขึ้น
“นั่งลง!!”ผมชะงัก ตัวเริ่มสั่นและค่อย ๆ กลืนน้ำลายลงคอ สายตาทุกคนจ้องมาทางผม
“กาวไม่หิว”
“ไม่หิวก็ต้องกิน มันเป็นมารยาท!!!”คนตรงหน้าเงยหน้าจากเอกสารในมือ
ผมมองนิ่งผ่านไปยังสายตาอาโชติ และแม่บ้านที่ยืนก้มหน้าหวาดกลัวไม่ต่างจากผม
ผมรู้ว่าถ้าขัดใจเขา ไม่ใช่แค่ผมที่จะเจ็บตัว แต่ธุระอะไรที่ผมจะต้องสนใจ
ในเมื่อเวลาที่ผมโดนกระทำยังไม่มีใครหน้าไหน...กล้าแม้แต่จะมาช่วยเหลือผม หึหึ
“กาวไม่หิว ไม่หิวก็คือไม่หิว
ไม่จำเป็นต้องรักษามารยาท”ผมโพล่งออกไป สายตาว่างเปล่า ชินซะแล้วที่ต้องโดนด่า
ดูเหมือนการยั่วโทสะของผมจะได้ผล อาเสือทำหน้าเหี้ยมแบบไม่ต้องพยายาม
ส่วนอาโชติยืนส่ายหน้าอยู่ข้างหลัง
อาเสือ สรนัฐ สุรคนางค์กุล เจ้าของอาณาจักร WG อันประกอบไปด้วย ห้างสรรสินค้า
โรงแรม และสวนสนุกเปิดใหม่อีกสองแห่ง
นี่ยังไม่นับรวมบริษัทซึ่งมีชื่อเขาเป็นหุ้นส่วนอยู่อีกหลายบริษัท อายุแค่ 29
กลับสามารถนำพาธุรกิจผงาดขึ้นฟ้าได้ขนาดนี้ นักข่าวต่างให้สมญานามว่า ‘ธุรกิจหน้าเหยี่ยว’ เพราะมันจะจับเหยื่อได้ไวกว่าคนอื่นเสมอ
เดินนำหนึ่งก้าว คือคติพจน์ประจำใจ
“ไม่หิวก็ต้องกิน!!!!”นี่แหล่ะอาเสือ
ชอบบังคับเป็นที่หนึ่ง มาไวไปไว...และไม่เคยมีเวลาให้ผมอย่างจริงจัง
“ไม่กิน”ผมบอกอย่างถือดี คนตัวสูงลุกขึ้นยืนเต็มตัว
เสียงเก้าอี้ล้มดังโครม แม่บ้านที่ยืนถัดจากผมออกไปสะดุ้งอย่างแรง
อาโชติหลับตาถอนหายใจ
“นั่งลง!!!!”อาเสือกระชากร่างผมติดมือ แต่ผมดันขืนตัวไว้
“ไม่นั่ง!!!!”
“อาบอกให้นั่ง!!!!”
“ไม่นั่ง!!!!!”ผมเถียงออกไปเสียงดัง อาโชติเดินมาจับไหล่ผมไว้
“เชิญนั่งดี ๆ เถอะครับ”
“ผมไม่นั่ง ไม่หิว...ทำไมไม่เข้าใจ!!!!!”ผมเอ่ยเสียงดังรัว
อาเสือคว้าจานข้าวที่มีข้าวอยู่เต็ม เตรียมจะฟาดผม แต่เสียงอาโชติร้องขึ้นเสียก่อน
“อย่าครับ!!!!”ผมเอี้ยวตัวหลบทันควัน ข้าวสวยร้อน ๆ
กระจัดกระจายเต็มพื้น จานใบสวยแตกดังเพล้ง เสียงดังสนั่น แม่บ้านหลบไปคนละทาง
“อย่าทำให้อาโมโห!!!!”เสียงกร้าวขึ้นอย่างน่ากลัว
ผมบิดข้อมือตัวเองออกเพราะความเจ็บ แต่ไม่สามารถ
“แล้วตอนไหนที่อาอารมณ์ดีบ้างละครับ?”ผมถาม
“อย่ายั่วโมโหอา!!!!!!”ผมเงียบลงบ้าง
ทำแบบไหนก็ไม่ถูกใจคุณสรนัฐ หึหึ อาเสือจ้องตาผมนัยย์ตากร้าว!
“โชติให้เด็กมาเก็บอาหารออกไป”
“แต่ว่าคุณเสือยังไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่เมื่อวานเลยนะครับ”อาโชติท้วง
ผมหายใจแรงขึ้น มัวแต่ทำอะไรอยู่ไม่ได้ทาน? อาหารเช้าถือเป็นของสำคัญสำหรับบ้านนี้
ปกติแล้วเขากับอาเสือจะนั่งเงียบ ๆ ทานข้าวของตัวเองไป มุมใครมุมมัน
ไม่เคยพูดกัน...แต่ก็ไม่เคยขาดไปสักมื้อ
“เก็บออกไป!!! ไม่กินก็ไม่ต้องกิน!!!! เที่ยงก็ไม่ต้องกิน!!!
เย็นก็ไม่ต้องกิน!!!!! ดีไหม?”อาเสือหันมาถามผมเสียงกร้าว
“อาเสือว่าดี
กาวก็ว่าดี...งั้นมั้งครับ”ผมตอบกลับอย่างกวนโทโส สะบัดมือแล้ววิ่งขึ้นห้อง
“จะไปไหนกาว!!!! กาว!!!!!!”ร่างสูงวิ่งตามขึ้นมา ผมได้ยินเสียงฝีเท้า ก่อนจะได้ยินเสียงถีบประตูโครม!!!!
อาเสือยืนทำหน้าทมึงอยู่ตรงนั้น ผมตกใจ...เพราะเหตุการณ์มันเร็วมาก
ยังไม่ทันเตรียมตัวด้วยซ้ำ ร่างสูงเดินอาด ๆ เข้ามาหา แล้วกระชากผมตัวปลิว
“ออกไปให้หมด!!!!!”ทั้งแม่บ้าน
ทั้งอาโชติที่วิ่งตามขึ้นมา ต่างก็มองผมปนสงสาร ก่อนจะถอยกรูดกันไม่เหลือใคร
“ปล่อย!!! กาวเจ็บ!!!”ผมร้องบอก
“คนอย่างกาวเจ็บเป็นด้วยเหรอ???”อาเสือร้องถามแสยะยิ้ม
ผมแทบจะน้ำตาคลอ ที่เป็นอยู่มันเจ็บซะยิ่งกว่าเจ็บซะอีกนะ อาเสือ...
“ปล่อย กาวเจ็บ!!!!”ผมร้องอีกครั้ง
“กาวคนเป็นคนเก่งไม่ใช่เหรอ? แค่นี้เจ็บด้วยเหรอ?”
“ให้กาวจิกหัวอามั่งไหมละ ได้รู้ไหมว่าเจ็บรึเปล่า!!!!”ผมสลัดข้อมือออก
ถอยกรูดไปติดหน้าต่าง อาเสือยืนกุมขมับ หายใจหอบหนัก ๆ เหมือนคิดอะไรบางอย่าง
“ใครบอกให้ไปทำไอ้หัวสี ๆ นี้มา!!!!! ช่วงโชติบอกแล้วไม่ใช่เหรอไง
ว่าวันศุกร์กาวต้องออกงานกับอา”อาเสือพูดเสียงนิ่ง
“กาวบอกอาโชติไปแล้วว่ากาวไม่ไป
งานพวกไฮโซไฮซ้อปั่นหน้าตอแหลใส่กัน กาวไม่ถนัด!!!!”
“กาว!!!!”
“แต่ดูเหมือนอาเสือจะถนัดงานแบบนั้นนี่
ใช่ไหมครับ...งานแบบนั้นอาเสือชอบจะตาย”ผมทำเสียงเล็กเสียงน้อยยั่วยวนคนตรงหน้า
อาเสือก้าวเพียงสองสามก้าวก็ถึงตัว กระชากผมติดแผงอกหนา
ก่อนจะบีบที่คางผมตัวแทบลอยขึ้นจากพื้น!
“ไปจัดการสีผมของตัวเองซะ!!! แล้วจะหาว่าอาไม่เตือน!!!!”ร่างสูงทิ้งสะบัดตัวผมลงไปนั่งกองที่พื้น ผมกัดปากตัวเอง
จ้องหน้าอย่าเคียดแค้นถือดี!
“โชติบอกว่า ผลการเรียนเทอมที่ผ่านมามันเฮงซวยยกระดับ
บอกอาหน่อยสิ...ว่าเพราะอะไรกาว!!”อาเสือลงมานั่งยอง ๆ
ตรงหน้า บีบที่ท้ายทอยผมจนเจ็บ สายตาแบบนั้นทำไมให้ไม่กล้าจะขัดขืน
รู้ว่าถ้าอาเสือโมโหมาก ๆ อาจสั่งฆ่าผม เหมือนที่ฆ่าเพื่อนรักตัวเองก็เป็นได้
“กาวไม่ชอบ”
“ไม่ชอบก็ไปลาออก!!!!!!! ไปสมัครที่ใหม่...ถ้าไม่ชอบก็ออกอีก
เป็นแบบนั้นดีไหม!!!!”อาเสือขึ้นเสียงใส่ ทำเอาผมเงียบ
“......................................”
“อีกไม่กี่เทอมจะจบอยู่แล้ว กรุณาอย่าทำให้อาหนักใจอีก!!!!”ผมแทบน้ำตาคลอ
การมีตัวตนของผมทำให้คนตรงหน้าลำบากใจขนาดนี้ทำไมไม่ส่งผมไปให้พ้น ๆ ซะ!
“งั้นก็ไล่กาวไปสิ ไปให้พ้น ๆ อาจะได้ไม่ต้องหนักใจ!!!”ผมยั่วอา
“คิดว่าง่ายอย่างนั้นเลย?”
“หึหึ ไม่ก็ฆ่ากาว...คงจะง่ายกว่า
ฆ่ากาวเหมือนที่ฆ่าเพื่อนรักของอาไงครับ!!!!”
เพลี๊ย!!!!!!!!!!!!!!!! อาเสือตวัดมือหนาลงบนหน้าผม จนใบหน้าตัวเองสะบัดลงเกือบถึงพื้น
ดีที่แขนข้างขวายันไว้อยู่ ไม่งั้น...หน้าคงฟาดปูนเป็นแน่ ผมค่อย ๆ
เงยหน้าขึ้นมาดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตาจนข้างหน้าพร่ามัว แต่ผมยังยิ้ม ยิ้ม...และยิ้ม
“ยังฆ่าไม่ได้สินะครับ ยังดูดสมบัติของกาวไปไม่หมดเลย”
“ไอ้กาว!!!!!!!!!!!!”อาเสือพุ่งมาขย้ำคอ
โดนบีบรัดจนแทบหายใจไม่ออก!!!! จนต้องไอค่อกแค่กออกมา
เรี่ยวแรงมหาศาลแบบนี้คิดว่าผมจะสู้ไหวไหม!!!! ก่อนสติจะหลุดไป...อาโชติวิ่งเข้ามาร้องห้ามและแยกเราทั้งคู่
ผมหอบหายใจเอาออกซิเจนเพิ่มเข้าไปในปอด
“อยู่ในห้อง!!!! ห้ามออกไปไหน...จนกว่าฉันจะสั่ง
ล็อคประตูห้อง...กักบริเวณ ให้คนมายืนเฝ้าประตูเฝ้าหน้าต่างข้างล่างไว้!!!!
แล้วก็ให้ใครมาจัดการไอ้ผมสี ๆ นี่ไปที!!!!!”อาเสือออกคำสั่งเสียงดังลั่น
อาโชติยืนส่ายหน้าก่อนจะตบบ่าอาเสือแล้วผลักออกไป
“คิดว่าจะขังกาวไว้อยู่เหรอครับ”ผมร้องออกมา
“คุณกาว”อาโชติกดเสียงหนัก ๆ ส่งสายตาดุดันมาที่ผม
คนตัวโตที่กำลังจะเดินออกจากห้องถึงกับต้องชะงักเท้า แล้วหันมายืนประจันหน้า
“แกนี่มันดื้อดึง อวดเก่ง ถือดี...ไม่เข้าท่า!!!!”อาเสือสบถ
ผมหัวเราะออกมาเล็กน้อย
“ผมเหมือนเพื่อนรักของอาเกินไปเหรอครับ?”
“คุณกาว!!!”อาโชติดุ
“อาเสือผู้ยิ่งใหญ่...ทำได้แค่นี้เหรอครับ?”พูดเสียงยั่ว
จนอีกคนโกรธตัวสั่น เดินกระทืบเท้าออกจากห้องไป แม่บ้านสองสามคนตัวสั่น
ก่อนจะทิ้งให้ผมอยู่คนเดียว เว้นแต่เพียงสุดา แม่บ้านคนสนิทของผมเพียงเท่านั้น
“คุณกาวไม่น่าจะไปเถียงคุณอาอย่างนั้นนะคะ”
“เออน่า เขาไม่กล้าทำอะไรหรอก
ดีแต่ด่าเท่านั้นแหล่ะ”ผมพูดไม่ใส่ใจ รู้อยู่แล้วว่าถ้าทำไปต้องโดนอะไรบ้าง
ก็บอกแล้วไง ว่าเคยชินหนึ่งละ หมั่นไส้ที่สอง ส่วนที่สามคือโคตรเกลียดอาเสือเลย
“เฮ้อ แล้วนี่จะยังไงละคะ
ขังไว้แบบนี้...หนังสือหนังหาไม่ต้องเรียนกันรึยังไง”สุดาบ่น
ผมยักไหล่นอนลงบนเตียง ไม่นานก็อาโชติก็เดินกลับเข้ามา สุดาเลยต้องเงียบปาก
“ออกไปได้แล้ว สุดา”ผมหันมองนิดนึง
ก่อนจะเบะปาก...ใส่หูฟังฟังเพลง
“ค่ะ แต่ว่าคุณกาวยังไม่ได้ทาน...”
“ออกไป”อาโชติทำเสียงดุ
สุดาหันมามองผม...ก่อนจะก้มหน้าเดินออกไป อาโชติทำการล็อคห้อง...ขังผมไว้ตามคำสั่ง
ภายในห้องกลับมาเงียบอีกครั้ง เหมือนตลอดหลายวันที่เป็นมา
ผมคว้าหมอนข้าง...ก่อนจะพลิกตัวหยิบรูปในลิ้นชักออกมา
“กาวจะไม่ไปไหน จนกว่า...จะได้บ้านของเราคืนนะครับ
อาม่าน”ผมกอดรูปนั้นไว้อย่างแน่นที่สุด ขอพลังจากอาแท้ ๆ ของตัวเอง บ้านหลังนั้นมีความหมายต่อผมมาก
ตราบใดที่โฉนดที่ดินเป็นชื่อของอาเสือ ผมคงตายตาไม่หลับเป็นแน่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น