วันพุธที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ตอนที่ 1 - ปะทะ 100%












ตอนที่ 1 ปะทะ”


            เสียงเอะอะโครมครามภายในบ้านสีขาวหลังใหญ่ ก็เหมือนอย่างเคย คนน้อย...แต่เรื่องเยอะ ผมนอนหลับเป็นตาย เพราะเมื่อวานไปแฮงค์เอ้าท์กับเพื่อนที่ร้านโต้รุ่ง ชื่อก็บอกอยู่แล้ว...เพราะฉะนั้น ถ้าไม่เช้าก็อย่าหวังว่าเราจะถึงบ้าน ทุกค่ำคืนของผมคือความสนุก อยู่กับเพื่อนก็สนุก กินเหล้าก็สนุก เจอคนมากมายจีบหญิง เอาขวดเหล้าตีหัวไอ้โต๊ะข้าง ๆ แบบนั้น...มันทั้งสนุกและสะใจ แต่โคตรเหงาชะมัด!

            เสียงดังทำให้พยายามลืมตามาเจอบรรยากาศอย่างเคย ๆ ผมผู้ซึ่งเมามายไม่ได้สติ และมีความเหนื่อยล้าอยากจะนอนพักผ่อน ให้สมกับที่ดื่มหนักมาทั้งคืน ก็ยังต้องลุกขึ้นเสียไม่ได้ เพราะเสียงเคาะประตูห้องที่โคตรน่ารำคาญนั่นแหล่ะ 

            ทันทีที่อ้าประตูออกก็เห็นใบหน้าที่น่าเบื่อที่สุดยืนอยู่หน้าห้อง ผมทำหน้าเหม็นเบื่อแล้วเดินกลับเข้ามาทิ้งร่างลงบนเตียงกว้างต่อ

            “หกโมงครึ่งแล้วครับ คุณควรจะอาบน้ำแต่งตัว เพื่อลงไปเตรียมทานอาหารเช้าได้แล้ว”เสียงดังทุ้มอำนาจเอ่ยขึ้น ตาแว่นนี่ เป็นเลขาฯ ไม่ใช่เลขาฯ ธรรมดานะ เป็นเลขาฯ ที่มีความสามารถครอบจักรวาล และทำหน้าที่ได้ดียิ่งกว่าพ่อผมซะอีก ผมนอนคว่ำหน้าลงบนเตียงนิ่ง แต่เท้ายังกระดิกยั่วประสาทคนเล่น

            “อาหารเช้าเป็นสิ่งที่จำเป็นนะครับ ถ้าการที่คุณคิดว่าจะสามารถทนไม่ให้ตัวเองหิวได้ถึงเที่ยงละก็...ผมจะลงไปบอกแม่บ้านให้เก็บสำรับทิ้งให้หมด”อาโชติหรืออาช่วงโชติคนนี้เอ่ยขู่อีก ผมนอนนิ่ง...ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง หึหึหึ 

            “..................................”คนพูดเงียบไปชั่วครู่ ผมแอบนอนยิ้ม...เดี๋ยวก็คงลงไป ถ้าไม่ได้สิ่งที่ต้องการ 

            “อาบน้ำเถอะครับ ท่านรออยู่”เสียงนั่นบอกแผ่วเบา ผมชะงักนิ่งก่อนจะค่อย ๆ ผงกหัวขึ้นมองหน้าอาโชติ รู้สึกว่าร่างตัวเองสั่นเล็กน้อย

            “เขากลับมาแล้วเหรอ?”ผมถามเสียงเบา ไม่รู้ว่าทำหน้าแบบไหนออกไป อาโชติโค้งหัวเล็กน้อย

            “ครับ แม่บ้านเตรียมตั้งสำรับเวลา เจ็ดนาฬิกาแล้ว ลงไปให้ทันด้วยนะครับ”สิ้นคำ อาผู้เป็นเลขาฯ คนเก่งก็เปิดประตูให้แม่บ้านสองสามคน เข้ามาวุ่นวายในห้อง ทิ้งให้ผมนั่งทำหน้าอึนอยู่กลางเตียง

            กลับมาแล้วจริงเหรอ? ยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองเล็กน้อย ลุกขึ้นจากเตียงไปเข้าห้องน้ำ...อย่างคนไร้สมองเป็นที่สุด

            ผมเลือกเสื้อตัวใหญ่กว่าตัวเล็กน้อย ปกติไม่ค่อยใส่เสื้อยืดแบบนี้เท่าไหร่ แต่เพราะอากาศคงร้อนเกินไป เมืองไทยก็แบบนี้ มีแค่สองฤดูเวียนกันไปตลอดปี แม่บ้านหลายคนรีบเข้ามาทำความสะอาดทั้งหมดในห้องนอนของผม แบ่งหน้าที่กันชัดเจนในการหยิบจับข้าวของ และแน่นอนว่าคุณ ๆ แม่บ้านทั้งหลายสามารถเปลี่ยนจากห้องที่รกเป็นรูหนู กลับกลายเป็นห้องสะอาดเอี่ยมได้ภายในเวลาไม่นาน ผมต้องเพิ่มเงินเดือนให้พวกเขาไหม? หรือต้องก้มโค้งให้ ในการรบกวนเวลานอนอันนี้มีค่าของผมดี?

            ก่อนจะเดินถึงห้องอาหาร ผมตัวเองผ่านกระจกที่เดินผ่าน สำรวจความเรียบร้อยของใบหน้า และผมเผ้า เห็นว่าเข้ารูปดีแล้ว จึงเดินเข้าห้องอาหารด้วยท่าทีสงบนิ่ง

            แม่บ้านสองคนยืนอยู่ริมประตู อีกสองสามคนกำลังจัดโต๊ะบาง วางอาหารบ้าง ดูวุ่นวายกันทีเดียว กวาดสายตามองหัวโต๊ะมีคนกุมอำนาจของบ้านนั่งอยู่ ใบหน้าขมวดตึงเคร่งเครียดตลอดเวลา อีกทั้งในมือยังมีเอกสารอะไรสักอย่าง อาโชติยืนตรวจตราอาหารอยู่ไม่ไกล 

            “คุณกาวมาแล้ว เชิญนั่งสิครับ”เสียงอาโชติเรียกเชิญ ผมยืนสงบรอดูท่าทีคนอีกคน แต่ไร้เสียงใดใดเชิญชวน ผมเบะปาก...ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไรถ้าผมจะไม่ร่วมโต๊ะ เพียงแค่ลงมาให้เห็นหน้าว่ายังมีชีวิตอยู่ก็คงเพียงพอแล้วเท่านั้น เตรียมหันหลังจะถอยกลับ เสียงทุ้มอำนาจจึงดังขึ้น

            “นั่งลง!!”ผมชะงัก ตัวเริ่มสั่นและค่อย ๆ กลืนน้ำลายลงคอ สายตาทุกคนจ้องมาทางผม

            “กาวไม่หิว”

            “ไม่หิวก็ต้องกิน มันเป็นมารยาท!!!”คนตรงหน้าเงยหน้าจากเอกสารในมือ ผมมองนิ่งผ่านไปยังสายตาอาโชติ และแม่บ้านที่ยืนก้มหน้าหวาดกลัวไม่ต่างจากผม ผมรู้ว่าถ้าขัดใจเขา ไม่ใช่แค่ผมที่จะเจ็บตัว แต่ธุระอะไรที่ผมจะต้องสนใจ ในเมื่อเวลาที่ผมโดนกระทำยังไม่มีใครหน้าไหน...กล้าแม้แต่จะมาช่วยเหลือผม หึหึ 

            “กาวไม่หิว ไม่หิวก็คือไม่หิว ไม่จำเป็นต้องรักษามารยาท”ผมโพล่งออกไป สายตาว่างเปล่า ชินซะแล้วที่ต้องโดนด่า ดูเหมือนการยั่วโทสะของผมจะได้ผล อาเสือทำหน้าเหี้ยมแบบไม่ต้องพยายาม ส่วนอาโชติยืนส่ายหน้าอยู่ข้างหลัง


            อาเสือ สรนัฐ สุรคนางค์กุล เจ้าของอาณาจักร WG อันประกอบไปด้วย ห้างสรรสินค้า โรงแรม และสวนสนุกเปิดใหม่อีกสองแห่ง นี่ยังไม่นับรวมบริษัทซึ่งมีชื่อเขาเป็นหุ้นส่วนอยู่อีกหลายบริษัท อายุแค่ 29 กลับสามารถนำพาธุรกิจผงาดขึ้นฟ้าได้ขนาดนี้ นักข่าวต่างให้สมญานามว่า ธุรกิจหน้าเหยี่ยวเพราะมันจะจับเหยื่อได้ไวกว่าคนอื่นเสมอ เดินนำหนึ่งก้าว คือคติพจน์ประจำใจ

            “ไม่หิวก็ต้องกิน!!!!”นี่แหล่ะอาเสือ ชอบบังคับเป็นที่หนึ่ง มาไวไปไว...และไม่เคยมีเวลาให้ผมอย่างจริงจัง 

            “ไม่กิน”ผมบอกอย่างถือดี คนตัวสูงลุกขึ้นยืนเต็มตัว เสียงเก้าอี้ล้มดังโครม แม่บ้านที่ยืนถัดจากผมออกไปสะดุ้งอย่างแรง อาโชติหลับตาถอนหายใจ

            “นั่งลง!!!!”อาเสือกระชากร่างผมติดมือ แต่ผมดันขืนตัวไว้

            “ไม่นั่ง!!!!

            “อาบอกให้นั่ง!!!!

            “ไม่นั่ง!!!!!”ผมเถียงออกไปเสียงดัง อาโชติเดินมาจับไหล่ผมไว้

            “เชิญนั่งดี ๆ เถอะครับ”

            “ผมไม่นั่ง ไม่หิว...ทำไมไม่เข้าใจ!!!!!”ผมเอ่ยเสียงดังรัว อาเสือคว้าจานข้าวที่มีข้าวอยู่เต็ม เตรียมจะฟาดผม แต่เสียงอาโชติร้องขึ้นเสียก่อน

            “อย่าครับ!!!!”ผมเอี้ยวตัวหลบทันควัน ข้าวสวยร้อน ๆ กระจัดกระจายเต็มพื้น จานใบสวยแตกดังเพล้ง เสียงดังสนั่น แม่บ้านหลบไปคนละทาง

            “อย่าทำให้อาโมโห!!!!”เสียงกร้าวขึ้นอย่างน่ากลัว ผมบิดข้อมือตัวเองออกเพราะความเจ็บ แต่ไม่สามารถ

            “แล้วตอนไหนที่อาอารมณ์ดีบ้างละครับ?”ผมถาม

            “อย่ายั่วโมโหอา!!!!!!”ผมเงียบลงบ้าง ทำแบบไหนก็ไม่ถูกใจคุณสรนัฐ หึหึ อาเสือจ้องตาผมนัยย์ตากร้าว!

            “โชติให้เด็กมาเก็บอาหารออกไป”

            “แต่ว่าคุณเสือยังไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่เมื่อวานเลยนะครับ”อาโชติท้วง ผมหายใจแรงขึ้น มัวแต่ทำอะไรอยู่ไม่ได้ทาน? อาหารเช้าถือเป็นของสำคัญสำหรับบ้านนี้ ปกติแล้วเขากับอาเสือจะนั่งเงียบ ๆ ทานข้าวของตัวเองไป มุมใครมุมมัน ไม่เคยพูดกัน...แต่ก็ไม่เคยขาดไปสักมื้อ 

            “เก็บออกไป!!! ไม่กินก็ไม่ต้องกิน!!!! เที่ยงก็ไม่ต้องกิน!!! เย็นก็ไม่ต้องกิน!!!!! ดีไหม?”อาเสือหันมาถามผมเสียงกร้าว

            “อาเสือว่าดี กาวก็ว่าดี...งั้นมั้งครับ”ผมตอบกลับอย่างกวนโทโส สะบัดมือแล้ววิ่งขึ้นห้อง

            “จะไปไหนกาว!!!! กาว!!!!!!”ร่างสูงวิ่งตามขึ้นมา ผมได้ยินเสียงฝีเท้า ก่อนจะได้ยินเสียงถีบประตูโครม!!!! อาเสือยืนทำหน้าทมึงอยู่ตรงนั้น ผมตกใจ...เพราะเหตุการณ์มันเร็วมาก ยังไม่ทันเตรียมตัวด้วยซ้ำ ร่างสูงเดินอาด ๆ เข้ามาหา แล้วกระชากผมตัวปลิว

            “ออกไปให้หมด!!!!!”ทั้งแม่บ้าน ทั้งอาโชติที่วิ่งตามขึ้นมา ต่างก็มองผมปนสงสาร ก่อนจะถอยกรูดกันไม่เหลือใคร 

            “ปล่อย!!! กาวเจ็บ!!!”ผมร้องบอก 

            “คนอย่างกาวเจ็บเป็นด้วยเหรอ???”อาเสือร้องถามแสยะยิ้ม ผมแทบจะน้ำตาคลอ ที่เป็นอยู่มันเจ็บซะยิ่งกว่าเจ็บซะอีกนะ อาเสือ...

            “ปล่อย กาวเจ็บ!!!!”ผมร้องอีกครั้ง

            “กาวคนเป็นคนเก่งไม่ใช่เหรอ? แค่นี้เจ็บด้วยเหรอ?

            “ให้กาวจิกหัวอามั่งไหมละ ได้รู้ไหมว่าเจ็บรึเปล่า!!!!”ผมสลัดข้อมือออก ถอยกรูดไปติดหน้าต่าง อาเสือยืนกุมขมับ หายใจหอบหนัก ๆ เหมือนคิดอะไรบางอย่าง

            “ใครบอกให้ไปทำไอ้หัวสี ๆ นี้มา!!!!! ช่วงโชติบอกแล้วไม่ใช่เหรอไง ว่าวันศุกร์กาวต้องออกงานกับอา”อาเสือพูดเสียงนิ่ง

            “กาวบอกอาโชติไปแล้วว่ากาวไม่ไป งานพวกไฮโซไฮซ้อปั่นหน้าตอแหลใส่กัน กาวไม่ถนัด!!!!

            “กาว!!!!

            “แต่ดูเหมือนอาเสือจะถนัดงานแบบนั้นนี่ ใช่ไหมครับ...งานแบบนั้นอาเสือชอบจะตาย”ผมทำเสียงเล็กเสียงน้อยยั่วยวนคนตรงหน้า อาเสือก้าวเพียงสองสามก้าวก็ถึงตัว กระชากผมติดแผงอกหนา ก่อนจะบีบที่คางผมตัวแทบลอยขึ้นจากพื้น!

            “ไปจัดการสีผมของตัวเองซะ!!! แล้วจะหาว่าอาไม่เตือน!!!!”ร่างสูงทิ้งสะบัดตัวผมลงไปนั่งกองที่พื้น ผมกัดปากตัวเอง จ้องหน้าอย่าเคียดแค้นถือดี!

            “โชติบอกว่า ผลการเรียนเทอมที่ผ่านมามันเฮงซวยยกระดับ บอกอาหน่อยสิ...ว่าเพราะอะไรกาว!!”อาเสือลงมานั่งยอง ๆ ตรงหน้า บีบที่ท้ายทอยผมจนเจ็บ สายตาแบบนั้นทำไมให้ไม่กล้าจะขัดขืน รู้ว่าถ้าอาเสือโมโหมาก ๆ อาจสั่งฆ่าผม เหมือนที่ฆ่าเพื่อนรักตัวเองก็เป็นได้

            “กาวไม่ชอบ”


            “ไม่ชอบก็ไปลาออก!!!!!!! ไปสมัครที่ใหม่...ถ้าไม่ชอบก็ออกอีก เป็นแบบนั้นดีไหม!!!!”อาเสือขึ้นเสียงใส่ ทำเอาผมเงียบ

            “......................................”

            “อีกไม่กี่เทอมจะจบอยู่แล้ว กรุณาอย่าทำให้อาหนักใจอีก!!!!”ผมแทบน้ำตาคลอ การมีตัวตนของผมทำให้คนตรงหน้าลำบากใจขนาดนี้ทำไมไม่ส่งผมไปให้พ้น ๆ ซะ!

            “งั้นก็ไล่กาวไปสิ ไปให้พ้น ๆ อาจะได้ไม่ต้องหนักใจ!!!”ผมยั่วอา

            “คิดว่าง่ายอย่างนั้นเลย?

            “หึหึ ไม่ก็ฆ่ากาว...คงจะง่ายกว่า ฆ่ากาวเหมือนที่ฆ่าเพื่อนรักของอาไงครับ!!!!

            เพลี๊ย!!!!!!!!!!!!!!!! อาเสือตวัดมือหนาลงบนหน้าผม จนใบหน้าตัวเองสะบัดลงเกือบถึงพื้น ดีที่แขนข้างขวายันไว้อยู่ ไม่งั้น...หน้าคงฟาดปูนเป็นแน่ ผมค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมาดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตาจนข้างหน้าพร่ามัว แต่ผมยังยิ้ม ยิ้ม...และยิ้ม

            “ยังฆ่าไม่ได้สินะครับ ยังดูดสมบัติของกาวไปไม่หมดเลย”

            “ไอ้กาว!!!!!!!!!!!!”อาเสือพุ่งมาขย้ำคอ โดนบีบรัดจนแทบหายใจไม่ออก!!!! จนต้องไอค่อกแค่กออกมา เรี่ยวแรงมหาศาลแบบนี้คิดว่าผมจะสู้ไหวไหม!!!! ก่อนสติจะหลุดไป...อาโชติวิ่งเข้ามาร้องห้ามและแยกเราทั้งคู่ ผมหอบหายใจเอาออกซิเจนเพิ่มเข้าไปในปอด

            “อยู่ในห้อง!!!! ห้ามออกไปไหน...จนกว่าฉันจะสั่ง ล็อคประตูห้อง...กักบริเวณ ให้คนมายืนเฝ้าประตูเฝ้าหน้าต่างข้างล่างไว้!!!! แล้วก็ให้ใครมาจัดการไอ้ผมสี ๆ นี่ไปที!!!!!”อาเสือออกคำสั่งเสียงดังลั่น อาโชติยืนส่ายหน้าก่อนจะตบบ่าอาเสือแล้วผลักออกไป 

            “คิดว่าจะขังกาวไว้อยู่เหรอครับ”ผมร้องออกมา

            “คุณกาว”อาโชติกดเสียงหนัก ๆ ส่งสายตาดุดันมาที่ผม คนตัวโตที่กำลังจะเดินออกจากห้องถึงกับต้องชะงักเท้า แล้วหันมายืนประจันหน้า

            “แกนี่มันดื้อดึง อวดเก่ง ถือดี...ไม่เข้าท่า!!!!”อาเสือสบถ ผมหัวเราะออกมาเล็กน้อย

            “ผมเหมือนเพื่อนรักของอาเกินไปเหรอครับ?

            “คุณกาว!!!”อาโชติดุ

            “อาเสือผู้ยิ่งใหญ่...ทำได้แค่นี้เหรอครับ?”พูดเสียงยั่ว จนอีกคนโกรธตัวสั่น เดินกระทืบเท้าออกจากห้องไป แม่บ้านสองสามคนตัวสั่น ก่อนจะทิ้งให้ผมอยู่คนเดียว เว้นแต่เพียงสุดา แม่บ้านคนสนิทของผมเพียงเท่านั้น 

            “คุณกาวไม่น่าจะไปเถียงคุณอาอย่างนั้นนะคะ”

            “เออน่า เขาไม่กล้าทำอะไรหรอก ดีแต่ด่าเท่านั้นแหล่ะ”ผมพูดไม่ใส่ใจ รู้อยู่แล้วว่าถ้าทำไปต้องโดนอะไรบ้าง ก็บอกแล้วไง ว่าเคยชินหนึ่งละ หมั่นไส้ที่สอง ส่วนที่สามคือโคตรเกลียดอาเสือเลย 

            “เฮ้อ แล้วนี่จะยังไงละคะ ขังไว้แบบนี้...หนังสือหนังหาไม่ต้องเรียนกันรึยังไง”สุดาบ่น ผมยักไหล่นอนลงบนเตียง ไม่นานก็อาโชติก็เดินกลับเข้ามา สุดาเลยต้องเงียบปาก

            “ออกไปได้แล้ว สุดา”ผมหันมองนิดนึง ก่อนจะเบะปาก...ใส่หูฟังฟังเพลง

            “ค่ะ แต่ว่าคุณกาวยังไม่ได้ทาน...”

            “ออกไป”อาโชติทำเสียงดุ สุดาหันมามองผม...ก่อนจะก้มหน้าเดินออกไป อาโชติทำการล็อคห้อง...ขังผมไว้ตามคำสั่ง ภายในห้องกลับมาเงียบอีกครั้ง เหมือนตลอดหลายวันที่เป็นมา ผมคว้าหมอนข้าง...ก่อนจะพลิกตัวหยิบรูปในลิ้นชักออกมา

            “กาวจะไม่ไปไหน จนกว่า...จะได้บ้านของเราคืนนะครับ อาม่าน”ผมกอดรูปนั้นไว้อย่างแน่นที่สุด ขอพลังจากอาแท้ ๆ ของตัวเอง บ้านหลังนั้นมีความหมายต่อผมมาก  ตราบใดที่โฉนดที่ดินเป็นชื่อของอาเสือ ผมคงตายตาไม่หลับเป็นแน่ 










ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น