วันอังคารที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ตอนที่ 32 อยู่ใครอยู่มัน


ตอนที่ 32 อยู่ใครอยู่มัน

            เสียงก๊อกแก๊กทำเอาผมตื่น แสงจากผ้าม่านที่เปิดไว้แยงเข้าตา จนต้องหรี่ตาเล็กน้อย ลอบมองซ้ายขวา เห็นหลังของคนคุ้นเคยกำลังทำงานกันอย่างขมักเขม่น
            “ตื่นแล้วเหรอคะ”
            “อืม อาเสือละ?”คำแรกที่ผมถาม เพราะไม่เห็นอยู่ในห้อง
            “ลงไปสั่งงานค่ะ เช้านี้คุณท่านให้จัดอาหารขึ้นมาข้างบน คุณกาวลุกไหวไหมคะ?
            “อือ”ผมตอบไปส่ง ๆ ลุกขึ้นสั่งอย่างช้า ก่อนจะมองบนโต๊ะที่มีอาหารวางอยู่จริง ๆ
            โอ้ มาย ก็อดดดดด!!!!!!!! เบิ่งตาโตขึ้นกว้าง แทบไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น อาหารจริง ๆ อาหารเช้าแบบที่ตั้งโต๊ะข้างล่าง แต่ที่แปลกใจสุดที่สุดคือ...อาเสือให้คนยกมากินข้างบนได้เนี่ยนะ!?!?!?! ช่างเป็นเรื่องประหลาดที่สุดในสามโลก แค่ผมซ่อนขนมยังโดนตรวจเจอเอาไปเก็บทิ้งหมด
            “เดี๋ยวมดขึ้น อาไม่ชอบ!อาเสือเคยว่าอย่างนั้นนะ กินลูกอมนี่ถึงกับโดนพาไปตรวจฟันอย่างละเอียด อาเสือไม่ชอบให้ฟันผุ ไม่ชอบให้กินขนม บอกว่าไม่มีประโยชน์ แต่ผมก็แอบกินอยู่หลายครั้งทีเดียวเวลาที่อาไม่อยู่บ้าน
            “อย่ามัวแต่ประหลาดใจเลยค่ะ ลุกขึ้นอาบน้ำแปรงฟัน จะได้มาทานของอร่อย”พี่อูก็พลอยบอกสีหน้าแช่มชื่น
            “นี่เรื่องจริงเหรอ???”ผมพูดคล้ายละเมอ ทำเอาพี่แม่บ้านทั้งหลายหัวเราะขบขันกัน
            “จริงสิคะ ดูทำหน้าเข้า...”
            “อะไรเข้าสิงเค้าแต่เช้าละสุดา....นี่ทำกาวขนลุกตั้งไปหมดแล้ว”
            “คิคิคิ อย่ามัวแต่พูดเล่นสิคะ ลุกแล้วก็ทำธุระให้เสร็จเถอะค่ะ เดี๋ยวคุณท่านขึ้นมาจะโดนเอ็ดเอาอีก”สุดาพูดพลางจัดของบนโต๊ะไปด้วย เห็นมีสองชุด แสดงว่าอาเสือต้องมานั่งทานด้วยกันแน่นอน
            ไม่รู้ว่าถ้าเดินขึ้นมาแล้วพบว่าห้องแสนหรูอาจมีกลิ่นอาหารติดม่านบ้าง อาเสือจะเอ็ดตะโรเหวี่ยงใส่แม่บ้านรึเปล่าคิดแล้วก็สนุกชะมัด!
            “ว่าแต่อาเสือให้ยกมาเหรอ”
            “ค่ะ....”
            “ทำไมกันนะ?
            “ไว้รอถามเองดีกว่าค่ะ”สุดาทำหน้ายิ้ม ผมตอบกลับด้วยสีหน้าเหนือกว่าประมาณว่า ถามแน่...ไม่ต้องห่วง
           
            แม่บ้านพากันออกไปแล้ว ผมจึงพยายามลุกขึ้นอย่างยากเย็น เพราะอาเสือวางระเบิดเอาไว้เมื่อคืน ผมยืนแทบไม่ไหว แถมยังต้องประคองท้องของตัวเองเข้าห้องน้ำ ที่ไม่อยากเรียกคนอื่นเพราะอาย และกลัวว่าจะรู้ว่าเมื่อคืนผมโดนทำอะไรมา
            ยืนแปรงฟันขาสั่นพั่บ ๆ
            “ก๊อก ๆ กาว.....”เสียงอาเสือเรียก
            “หืม”
            “อาบได้ไหม...เปิดประตูให้อาหน่อย”
            “มะ ไม่เอา”
            “อาช่วย...”
            “กาวทำได้...”ผมพยายามยืนอาบมือหนึ่งก็จับท้อง มือหนึ่งก็จับฝาผนัง ปล่อยให้น้ำชโลมความสดชื่นของร่างกาย เสียงอาเสือเงียบไปแล้ว แต่คิดว่ายังอยู่ในห้อง ใช้เวลาไม่นาน...ถึงได้แต่งตัว เหมือนว่าตัวเองทำอะไรก็ดูจะเชื่องช้ากว่าเดิมไปหนึ่งถึงสองสเต็ป บางทีก็หงุดหงิดที่ทำไม่ได้เร็วอย่างใจเหมือนเคย
            “โอ๊ะ....”รู้สึกเหมือนโดนถีบออกมาจากท้อง เค้ากำลังดิ้นใช่ไหมเหมือนปลาตอดเลย
            “คิดว่าอยู่ในนั้นแล้วจะซ่าได้หรือไง!!!!”ผมพูดออกมายิ้ม ๆ ก้มมองท้องตัวเอง
            “กาว...คุยกับใคร?”อาเสือถาม พร้อม ๆ กับที่ผมเปิดประตูออกมา
            “คุยกับคนพิเศษของกาว”ผมบอกสีหน้ายั่วยวน อาเสือเข้ามาประคองและจับหน้าท้องไปด้วย
            “ของอาด้วยได้ไหม”
            “ตอนนี้ยังไม่....”ผมรีบแก้ อาเสือมีสีหน้าสลดลงเล็กน้อยถึงปานกลาง
            “แต่อนาคตอาจจะ....”คำพูดต่อมาของผมทำให้อาเสือยิ้มกว้าง
            “พิเศษสำหรับอาสุด ๆ แล้วละ....ทั้งคนนี้แล้วก็คนนี้”มือหนาที่แปะอยู่บนท้อง มันอบอุ่นไปจนถึงหัวใจผมจริง ๆ นะ เหมือนหัวใจพองโตแล้วก็เต็มตื่นมาก
            “พูดอะไรก็ไม่รู้ กาวหิวข้าว”
            “เอ้า...หิวแล้วก็มากินสิครับ เต็มที่เลย”
            “ทำไมวันนี้ให้ยกขึ้นมาข้างบนละ?”ปากถาม แต่ตาสำรวจอาหารบนโต๊ะไปแล้ว
            “กลัวคุณแม่เหนื่อย”สีหน้าอาเสือทำให้ต้องหน้าแดง
            “คิดว่ากาวจะหมดพลังง่าย ๆ หรือไง?
            “หึหึ เอาไว้ออกกำลังกายอาจะใส่ไม่ยั้งเลยแล้วกัน พอ ๆ เวลาทานไม่ต้องพูดแล้ว”
            “อืออออออ”ทำหน้างอ โดนขัดใจอ่ะ!!!!
            “อันนี้ของชอบกาว”อาเสือรีบเอาใจ
            “..................................”หน้างอแต่ตักข้าวกินเข้าปากงึมงำ ๆ เพราะต้องคอยตัก และหั่นไส้กรอกให้ผม อาเสือเลยไม่ได้กินสักที ไม่รู้ละ...ไม่กินกาวก็ฟาดเรียบ คิคิคิ
            “เปื้อนหมดแล้ว ตั้งแต่เล็กจนโตเวลากาวกินของที่ชอบ....ปากเลอะแบบนี้ก็ไม่เคยสนใจเลย”นั่งมองผมกินแล้วบ่นไปด้วย
            “ก็มันอร่อยนี่!”ผมเคี้ยวพลาง โยกหัวพลาง...
            “หึหึหึ....”
            “วันนี้กาวจะไปข้างนอกกับไอ้บอล”
            “ไปไหน?
            “ไปดูหนังตอนเที่ยง แล้วสักเย็น ๆ ก็ไปดูพวกมันเล่นบอลที่สนามด้วย”
            “จะอันตรายไหม”อาเสือถามจริงจัง
            “ไม่...เพราะกาวไม่ได้ลงไปเล่น แค่นั่งดูบนอัศจรรย์”ผมบอก
            “อาจะบอกอาโชติขับรถให้....”
            “ไม่ต้อง ๆ ไอ้บอลมันขับรถมันมา อาโชติขับตามก็พอ”
            “อย่าดีกว่า อาไม่....”
            “อืออออออออ”คว้ามืออาเสือแล้วคายอาหารใส่มือ ที่ทำเพราะโดนขัดใจและอยากให้อาเสือรู้ว่าไม่ชอบ อีกคนหนึ่งส่ายหน้ายิ้ม ก่อนจะทิ้งเศษอาหารลงในจานเปล่าแล้วเอาทิชชู่มาเช็ดมือ
            “จะไปให้ได้เลยใช่ไหม”
            “ก็ขัดใจทำไม!!?!?
            “อาพูดรึยังว่าไม่ให้ไป!”อาเสือพูดเสียงนิ่ง ทำเอาเถียงไม่ออก แต่อยากจะเถียงต่อ....
            “กะ ก็...ไม่บอกเล่า!!! ยึกยักอยู่ได้...”
            “เฮ้อ...เรานี่นะ เคยคิดจะฟังความคิดเห็นคนอื่นก่อนบ้างไหมเนี่ย”
            “คนอื่นกาวก็ฟัง แต่อาเสือกาวไม่ฟัง!
            “หึหึ...ดื้อกับอาตลอดเลย”
            “ก็ดื้ออยู่คนเดียวแหละน่า”ก้มหน้ามอง ทำเอาอาเสืออมยิ้ม ฟัดแก้มผมใหญ่
            “ดื้อกับอาคนเดียวจริง ๆ นะ”
            “ไม่รู้ ๆ อยากกินขนมปังปิ้งอีก!!!!”ผมบอก เรียกหาขนมปังราดน้ำผึ้ง ไม่นานก็ถูกยกเสิร์ฟ วันนี้กินอาหารไปเยอะทีเดียว
            ผมลงมาให้ทันก่อนอาเสือไปทำงาน เพราะต้องการบัตรเครดิตสำหรับซื้อของขวัญให้เพื่อน เงินที่อาเสือให้ใช้มีติดบัญชีอยู่นิดหน่อย ตั้งแต่ท้องอาเสือก็ไม่ได้ฝากเข้าให้อีก เพราะไม่อยากให้ออกไปไหน เลยเอาเข้าบัญชีของอาโชติแทน
            “อย่าให้พลาด...ไม่งั้นฉันไม่เอาแกไว้แน่!!!”เสียงคำรามไม่ค่อยดังมาก แต่ได้ยินชัดเจนทีเดียว ผมยืนตรงขอบประตู ก็รู้ทันทีว่าเป็นอาเสือ
            “คืนนี้ตีสอง ฉันจะเข้าไปเอาที่ท่าเรือ....ถ้าไปแล้วยังไม่มีข้อมูลให้ละก็ มึงเตรียมตัวตายได้เลย!”ตัวชาวาบตั้งแต่ได้ยิน ผมยืนตัวแข็งค่อย ๆ สอดตัวเองเข้ากับหลังม่าน แล้วยืนนิ่งอยู่ในนั้น
            “ฮัลโหลว่ายังไงครับ?”น้ำเสียงอาเสือเปลี่ยนไปจากเมื่อกี้มาก เดาเอาว่าเป็นคนละคน
            “ได้สิครับ ผมว่าง....สักบ่ายโมงเป็นไง คุณอรไปรอที่ร้าน xxx ก่อนก็ได้ครับ ผมเสร็จธุระแล้วจะรีบตามไป”
            อีนี่ไม่จบ!!!!!! อาเสือก็ไม่จบนะ!!!!!!! หึหึ...นัดเจอกันงั้นเหรอ ได้....เดี๋ยวเจอกูแน่ทั้งสองคน!!!!!!!!!!!!!
           
            หลังจากอาเสือไปทำงาน ผมนั่งรอไอ้บอลอยู่สักพักมันถึงขับรถมาจอดเทียบ ตัวเองเดินสะบัดหน้าขึ้นรถ ไม่อยากจะคุยหรือบอกอะไรอาโชติ จนคนอื่น ๆ ก็แปลกใจเพราะว่าอารมณ์เปลี่ยนไปจากเมื่อเช้าโดยสิ้นเชิง
            “เป็นอะไรของมึง หน้าเชิดคอแข็งเข้าไป ไม่ปวดคอเหรอว่ะ”ไอ้บอลทักแล้วออกรถ ผมถอนหายใจอย่างลืมตัว ว่าเดินขึ้นรถมาแล้ว
            “เออว่ะ เฮ้อออ...กูลืม”
            “อะไรของมึง...วันนี้เอาไง จะไปไหนก่อน”
            “ไปไหนก็ไปเถอะ กูเซ็ง ๆ”
            “อะไรของมึงอีก ได้ออกนอกบ้านบ้างไม่ดีเหรอว่ะ”
            “ก็ดี...”ตอบอย่างขอไปที ผมมองกระจกข้าง เห็นรถอาโชติตามมาติด ๆ
            “แล้วทำหน้าเบื่อขนาดนั้นทำไม หรือว่าไม่สบายตัว???
            “เปล่า....”ขี้เกียจเล่า ไอ้บอลเลยไม่ถามเซ้าซี้อีก มันเปิดเพลงอะไรของมันไม่รู้ แต่สามารถกล่อมให้ผมนอนหลับได้ตลอดทาง
            “ดูหนังก่อนแล้วกัน....ค่อยเดินซื้อของให้ไอ้สอง”
            “อือ”บิดขี้เกียจ อาโชติจอดรถไม่ห่างกัน เดินมาหาผม
            “จะไปไหนกันก่อนครับ”อาโชติถาม ผมหันหน้าหนี...ไอ้บอลเองก็อึดอัด จนมันบอกอาโชติเองว่าจะไปดูหนัง อาโชติถือเสื้อแขนยาวของผม เดินตามมากับลูกน้อง
            เรายืนดูตารางหนังไม่นาน ซื้อตั๋วที่นั่งคู่ ส่วนอาโชติกับลูกน้องไม่ได้เข้าไปด้วย นั่งรออยู่หน้าโรงหนัง ผมจึงมีเวลาคิดจะทำอะไร ๆ แล้วค่อยบอกไอ้บอล
            “มึง....ออกเถอะ”
            “ไม่สนุกเหรอว่ะ...กูกำลังมันส์”
            “มันส์เชี่ยไรละ จะไปไม่ไป...”ผมบอก
            “ไปไหนหรือว่ามึงหิว อ๋อ...เสียงดังแบบนี้ลูกมึงเลยรำคาญสินะ?”มันเดาไปเรื่อย
            “ไอ้เชี่ยบอล กูจริงจังมึงจะทำยังไงก็ได้...ให้กูสามารถหลบอาโชติออกไปโดยเขาตามไม่ทัน ตอนนี้เวลานี้กูมีเรื่องต้องไปจัดการ”
            “เอาจริง?
            “เออ”เสียงหนังเซอราวด์รอบทิศทาง แต่ผมกับไอ้บอลนั่งใกล้กันแค่นี้ แล้วโซนที่เรานั่งก็ไม่มีคนอื่นด้วย ถัดไปก็อีกสี่ห้าแถวถึงจะมีคน เลยคุยจอแจกันได้
            “มึงนี่ขยันหาเรื่องเนอะ คราวนี้อะไรอีกละ”มืดแต่ยังเห็นสีหน้าเหนื่อยใจของมัน
            “อาเสือมีคนอื่น”บอกเสียงเรียบ
            “เชรดดดดดด”
            “กูจะไปดูให้เห็นกับตา แตกเป็นแตกวันนี้!!!”บอกเสียงมุ่งมั่น คือกูเกลียดอินี่มาก...หลายครั้งหลายหน บอกกูว่าไม่มีอะไร แต่ก็อีกหลาย ๆ ครั้งที่ออกไปทานข้าวกับมัน ถึงกูจะเป็นผู้ชาย...ไม่คิดละเอียดอ่อนเท่าผู้หญิง แต่กูก็เจ็บเป็นนะเห้ย!!!! ฮึก....
            “มึงใจเย็น ๆ อาจไม่ใช่แบบที่มึงคิดก็ได้”
            “แล้วเป็นแบบไหน กูคิดแบบไหนไม่คิดแบบไหน?”ผมเสียงดังขึ้น จนคนอื่นหันมองด้วยสายตาตำหนิ ไอ้บอลดึงแขน
            “เบา ๆ ดิ เดี๋ยวโดนขว้างรองเท้าหรอก”
            “กูไม่ทนแล้ว ฮึก ๆ มึงจะไปไม่ไป...”จะว่าบังคับก็ได้ ผมรอมันตัดสินใจช้า ๆ เพราะรู้ว่ายังไงมันก็ต้องพาผมไปอยู่ดี ไอ้บอลหลับตาพยักหน้า...ก่อนจะจับมือผมไว้แล้วบีบให้กำลังใจ
            “ใจเย็น ๆ ดิ”
            “ฮึก ๆ มึงรู้ไหม...เขาโทรนัดอีนั่นตอนอยู่ในบ้าน ทั้ง ๆ ที่มีกูท้องโตยืนอยู่ตรงนั้น”
            “ใจเย็น ๆ เดี๋ยวมึงหายใจไม่ทันอีก”
            “ฮึก ๆ กูเกลียดแม่งชอบโกหก!
            “เออ ๆ ใจเย็น ๆ หายใจเข้าลึก ๆ  เดี๋ยวกูพาไป...มึงไม่ต้องห่วง อย่าร้องดิ...คนมอง”ไอ้บอลพูดปลอบก่อนจะดึงผมออกมา พนักงานผู้ชายก็เดินมาถามว่ามีอะไรกันรึเปล่า
            “เพื่อนพี่ไม่ค่อยสบายว่ะ....พี่ออกเลยแล้วกัน”มันบอก
            “งั้นเชิญทางนี้ครับพี่”น้องเดินนำไปยังทางออก ซึ่งจะทะลุขึ้นตัวห้างด้านใน ไอ้บอลมันกระตุกมือก่อนจะเรียกน้องมาบอก
            “พี่จอดรถไว้ข้างหลังนี้เอง เดี๋ยวออกประตูหลังดีกว่า”
            “แต่ยังไม่เปิดเลยนะครับพี่”
            “น้องช่วยเปิดให้หน่อยแล้วกัน จะเดินเข้าห้างต้องไปหาประตูอีกไกล เพื่อนพี่จะไม่ไหวเอา...”
            “เออ ขอลงข้างหลังเถอะ”ผมพูดย้ำอีกที คราบน้ำตายังมีอยู่เปื้อนของข้างแก้ม น้องพยักหน้าก่อนจะบอกว่า
            “เดี๋ยวผมเรียกผู้จัดการมาเปิดให้นะครับ”แล้วเขาก็วิ่งหายไป ก่อนจะได้กุญแจมาเปิด แถมยังช่วยหิ้วปีกผมจนถึงรถอีกด้วย
            “ขอบใจมากนะน้อง”ไอ้บอลยื่นแบงค์ให้หนึ่งใบ น้องรีบโบกมือ
            “ไม่เป็นไรครับพี่ ไปโรงพยาบาลไว ๆ เถอะครับ”
            “ขอบใจมาก ๆ นี่ขนม...ของกิน พี่ให้”ไอ้บอลยื่นให้น้องพนักงาน เขาก็รับแต่โดยดี มันเพิ่งไปญี่ปุ่นกลับมา มีของกินเต็มหลังรถเลย คงจะของน้องมัน...
            “ขอบคุณครับพี่”อยู่บนรถสองคนแล้ว มันถึงหันมาหาผม
            “เอ้า...จะให้ไปไหนบอกมา!!!!

            อยู่กลางโรงแรมหรู ผมกับไอ้บอลใส่กางเกงยีนส์ขาด ๆ แว่นอีกอันปกปิดใบหน้า
            “ทำเป็นมากินข้าวดีกว่า....”
            “เออ”ผมเห็นด้วย พอพนักงานเดินเข้ามาถาม เราสองคนเลยถามหาห้องอาหาร แล้วเดินตามเขาไป ผมกับมันมาครั้งแรก แทบจะไม่เคยเห็นเลยด้วยซ้ำ ไม่เคยรู้ว่าที่นี่ใหญ่โตโอ่อ่าเพียงใด อาณาจักรของอาเสือ แค่คิดถึงตัวก็สั่นขึ้นมา เหมือนตัวเองกำลังเหยียบถ้ำเสือยังไงอย่างนั้น
            “ที่นี่มีห้องอาหารหลายอย่างนะครับ ไทย จีน ฝรั่ง ไม่ทราบว่าจะเลือกทานห้องอาหารไหนดีครับ”โดนถาม แล้วผมกับไอ้บอลก็มองหน้ากัน
            “อาหารไทย”ผมตอบ อาเสือไม่ทานอาหารฝรั่ง...ส่วนอาหารจีน
            “เชิญทางนี้ครับ”ในห้องอาหารไทย ถูกต้องแต่งด้วยทุกอย่างที่เป็นบรรยากาศไทย ๆ ถึงขนาดมีต้นกล้วยด้วยนะ เข้าท่าดี...แต่ห้องอาหารมันมืด ๆ ไปหน่อย มีโซนนั่งโต๊ะกับทานขันโตก (นั่งพื้น) ซึ่งอย่างหลังผมคงนั่งไม่ไหว เลยเลือกนั่งโต๊ะสบาย ๆ ดีกว่า
            “โอ๊ย....”
            “เป็นอะไร!?!?!
            “เค้าถีบ...”กระซิบบอกมัน ไอ้บอลกลืนน้ำลายดังเอือก
            “ไม่เป็นไร...นั่งสักหน่อยคงดี”ผมบอก เสื้อตัวโคร่งที่ใส่มา...หวังว่าไม่มีใครรู้ว่าผมท้อง เราสองคนสั่งอาหารมาทานเต็มโต๊ะ ไม่ต้องห่วง...บ้านไอ้บอลมันรวย คึคึคึ กินกันเพลินจนเกือบลืมว่ามาทำอะไร
            “ฉันขอชามะลิร้อน ๆ นะ....คุณเสือมาแล้วเชิญมาที่โต๊ะนี้ด้วยละ”เสียงคุ้นหูจากโต๊ะข้าง ๆ ที่ถูกคั่นด้วยแผงผนังต้นไม้ ผมเงยหน้าดูเห็นเป็นสาวสวยที่ต้องการตัวอยู่พอดี ในมือกำช้อนแน่น
            “สวัสดีครับ....วันนี้รับอะไรดีครับ”
            “อะไรก็ได้ที่คุณเสือชอบ จัดมาให้ฉันเดี๋ยวนี้เลย”
            “แหม...คุณอรตามใจคุณเสือตลอดเลยนะครับ อย่างนี้สิครับ...ชีวิตคู่ถึงจะราบรื่น”
            ชีวิตคู่งั้นเหรอ...เข้าใจประจบนะ เป็นอะไรกันแล้วเหรอ...ถึงใช้คำนั้น!?!?! ผมมองหน้าผู้จัดการก็พอจะเข้าใจ เป็นของแม่นี่แน่ ๆ
            “มึง...เป็นอะไร”ไอ้บอลถาม ผมยกมือปิดปากมัน
            “นี่ไง...คนที่กูหาตัว”
            “นี่เหรอ?”ไอ้บอลยืดคอดู
            “แล้วมึงจะเอายังไง”
            “เสือคะ...ทางนี้ค่ะ”เสียงเรียกดังขึ้นก่อน ทำเอาผมกับไอ้บอลตัวนิ่งหลบแทบไม่ทัน แต่ถึงไม่หลบก็มองไม่เห็นอยู่แล้ว
            “เป็นอะไรคะ หน้าดุเชียว”
            “ผมมีธุระ...รีบทานเถอะครับ”อาเสือบอก
            “อรสั่งอาหารไปแล้ว รอหน่อยนะคะ วันนี้วินัยไปไหนละคะ....ไม่ตามเจ้านายเหมือนทุกที”ผมนั่งฟัง
            “ช่วงโชติโทรมาบอกว่าหลานผมหายไป”อืม...เร็วดีเหมือนกัน คงจะโทรรายงานกันแล้วแต่แปลกเนอะ ผมคิดว่าอาเสือจะออกไปหาผมเองซะอีก
            “หลานคุณโตแล้ว ปล่อย ๆ แกบ้างเถอะค่ะ...”
            “กาวไม่เคยไปไหน ถ้าไม่มีคนดูแล”
            “หึหึ เพราะคุณไม่ปล่อยแกมากกว่าสิคะ บางทีแกอาจจะอยากไปหาแฟนบ้างอะไรบ้าง!
            “กาวไม่มีแฟน!”เสียงอาเสือตะคอกดัง จนผมกลัวว่าอีกคนจะผงะตกใจ
            “เอ่อ ค่ะ ๆ ไม่มีก็ไม่มี...”
            “คุณเอาข้อมูลที่ผมต้องการมารึเปล่า?
            “หึหึ มาถึงก็ถามหาเอกสารเลยเหรอคะเดี๋ยวสิ...ทานข้าวกับอรก่อน”
            “ได้”คำตอบสั้น ๆ จากอาเสือทำให้ผมผิดหวังมาก
            “วันเสาร์ที่จะถึงเราไปเที่ยวทะเลกันไหมคะอรได้กิ๊ฟวอเชอร์จากโรงแรมดังที่พงัน สามวันสองคืน...เราไปเที่ยวพักผ่อนกันสองคน ตอนนี้อากาศร้อน...ไปพักทะเลให้เย็น ๆ ค่อยกลับมาลุยงานต่อวันจันทร์”
            ทนไม่ไหวแล้วโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ก่อนไอ้บอลจะคว้ามือผมได้ทัน ผมลุกขึ้นเหยียบเบาะ คว้าเหยือกน้ำเย็นที่วางอยู่บนโต๊ะ แล้วเทลงรดหัวอิคุณอร เปียกไปทั่วทั้งตัว
            “ซ่า!!!!
            “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”เสียงกรีดร้องดังลั่น
            “กาว!!!!!”อาเสือเงยหน้ามองอย่างตกใจ
            “เวรละไอ้กาว!”ไอ้บอลกุมหัวตัวเอง
            “เย็นดีไหมฮะ คุณอร”ยิ้มอย่างสะใจ พนักงานรีบวิ่งเข้ามา จะจับตัวผมกับไอ้บอล
            “ปล่อยซีว่ะ!!!!!”ผมตะโกน ไอ้พวกนี้!!!!!
            “อย่านะโว้ย”ไอ้บอลก็สู้เหมือนกัน แต่พนักงานก็จะจับเราสองคนไว้ คนนึงรวบไอ้บอลมันเลยสวนหมัดสะบัดออก อาเสือลุกจากที่เดินอ้อมโต๊ะมาหาผม
            “ปล่อย!!!!!!”ผมตะโกน
            “ไร้มารยาท!”ผู้หญิงหน้าด้านเดินตามมาทั้งที่ตัวเปียก ทำเอาผมหัวเราะเราะ
            “เทรนใหม่ล้ำนำสงกรานต์เลยนะฮะ”
            “แก!!!!!”ชี้หน้าจะด่าผม แต่ไม่กล้าออกปากเพราะอาเสือยืนขวางอยู่
            “ทำอย่างนี้ทำไมกาว!!!!
            “เรื่องของกาว!
            “นิสัยไม่ดี พูดไม่รู้เรื่อง...”
            “ปล่อยซิว่ะ ไม่รู้เหรอว่ากูเป็นใคร”ผมบอกไอ้พวกพนักงาน แต่ทุกคนยังลังเลจนไอ้บอลเดินมาจับแขนผม ออกจากมือไอ้พวกนั้น
            “แต่ก็ไม่ต้องรู้หรอก...เพราะกูยังไม่รู้เลย ว่ากูเป็นใคร!”พูดใส่หน้าอาเสือ
            “กาว....”
            “อรไม่ยอมนะคะ คุณเสือต้องจัดการให้เด็ดขาดที่สุด”
            “แล้วถ้าผมไม่ยอมบ้างละคุณสรนัฐจะจัดการอะไรให้ผมได้บ้าง”
            นัดกินข้าว นัดกันไปเที่ยว ลับหลังผมงั้นเหรอ...คิดแล้วน้ำตาจะไหล...น่าเสียใจชะมัด
            "อาบอกแล้วใช่ไหม ไม่ให้ทำอะไรแบบนี้อีก"
            “แบบไหนครับแบบที่ไม่ควรมาที่นี่ หรือแบบที่ไม่ควรแตะผู้หญิงของคุณ!”ผมผลักอกอาเสือ พนักงานทั้งหลายก็กรูกันเข้ามา แต่ไอ้บอลคอยระวังให้อยู่แล้ว
            “อาไม่เคยมีอะไรกับคุณอร”อาเสือพูดแบบนั้นจะทำให้ผมดีใจเหรอไง?
            “คุณเสือ!”เป็นนังผู้หญิงคนนั้นที่กรีดร้องขึ้นมาบ้าง
            “และกาวก็ไม่มีสิทธิ์ทำกับคนอื่นแบบนี้!!!!! อาไม่เคยสั่งสอนให้กาวนิสัยแบบนี้!!!!”อาเสือตวาดดังลั่นห้องอาหาร
            "อะไร ๆ ก็เลวหมด ไม่เคยดีในสายตาอาหรอก!!!"
            “เพราะกาวไม่ปรับตัวบ้างเลยต่างหาก จะอาละวาดอะไรอาก็รับได้เต็มที่ แต่ไม่ใช่มาอาละวาดใส่คนอื่น!!!!”อาเสือพูดออกมา ทำเอาผมน้ำตาคลอเต็มหน้า ทั้งเสียหน้า...และเสียใจที่สุด
            “มึง....”ไอ้บอลลูบแขน
            “ก็ทำไปแล้ว...สะใจสุด ๆ เลย!!! ทำไม!?!?! จะบีบคอเหรอ หรือจะตบจะตีดีบอกไว้ก่อนเลย...จะอะไรก็ไม่กลัวทั้งนั้น"
            “อรไม่ยอมนะคะ”พูดอีกแล้ว ผมก้าวเท้าจะไปหาอีก แต่ทุกคนเกร็งและขยับตัวปกป้องรวมทั้งอาเสือ
            “กลับบ้าน! มีอะไรไปคุยกันที่บ้าน"          
            ปล่อย!!! ไม่ต้องมาจับ!!!!"
            “งี่เง่าไม่เปลี่ยน ต้องให้อาทำยังไง!?!?!"อาเสือระเบิด น้ำตาเกือบไหลออกมาให้อับอาย แต่เพราะทิฐิทำให้ต้องกลืนมันเข้าไป ผมกำมือแน่น...ก่อนคลายและสะบัดลงบนหน้าอาเสือ 
เพลี๊ย!!!!!! หน้าหันเลยทีเดียว วาวตาลุกโรจน์...แสดงให้เห็นว่าโมโหเต็มขั้น หน้าอาเสือเริ่มแดงไปจนถึงใบหู ถ้าจับตัวผมมาเขย่า ๆ และทำโทษได้ ผมคงยืนตายไปตั้งนานแล้ว พนักงานเองก็ตกใจ...คุณสรนัฐผู้ยิ่งใหญ่ ถูกเด็กที่ไหนไม่รู้มาตบเอาเสียหน้าหัน
            "ต่อไปนี้....อยู่ใครอยู่มันแล้วกันง่ายดี!"
            ผมบอกก่อนจะเดินหนีออกมา เห็นแม่นั่นยิ้มเยาะน่าหมั่นไส้จนอยากจะจับมาตบคู่กันอีกสักทีสองที ไอ้บอลยืนอึ้งก่อนจะ...วางเงินค่าอาหารบนโต๊ะ แล้วเดินตามออกมา มันยังช้ากว่าอาเสือ
            “กาว...”ผมสะบัดมือหนาออก น้ำตาไหลสองข้าง
            “อยากจะไปกับคนของคุณก็เชิญ จะเอาเป็นหุ้นส่วนโรงแรม หุ้นส่วนชีวิต หรือจะเอาทำเมียห่าเหวอะไรก็เชิญ”ผมตะโกนด่า ยามสองคนเดินมาจะจับมือผม
            “อย่ามาจับ!!!!”ผมตวาด
            “กาว!!!!!!!”อาเสือตะโกนเหมือนจะต่อว่า แต่ผมเดินหนีออกมาก่อน
            “ฮึก...”น้ำตาและเสียงสะอื้นเริ่มมา สุดท้ายก็ยังเดินถึงรถได้ละน่า ไอ้บอลรีบมาสตาร์ทรถทันที
            “จะฟังอาก่อนบ้างได้ไหม”
            “ฮึก....”ผมไม่ฟัง ไม่ให้แตะตัว รีบขึ้นไปนั่งรถอาเสือรีบเดินไปตรงคนขับเคาะกระจกไอ้บอลสองสามที มันหันมามองผมแต่ผมไม่มองมัน กลับหันหน้าออกไปหน้าต่างอีกทาง
            “ครับ”
            “พากาวไปส่งบ้านนะ...เดี๋ยวอาจะขับรถตามไป”
            “เอ่อ....ครับ”มันรับคำ ก่อนจะออกรถ
            “กูไม่กลับ นั่นไม่ใช่บ้านกู”
            “มึงช่วยใจเย็น ๆ แล้วคุยกับเขาดิว่ะ”
            “คุยแล้วจะได้อะไร มึงไม่รู้หรอก...นี่ไม่ใช่คนแรก คนอย่างอาเสือ...จะมีสักกี่สิบคนหลังจากนี้ แล้วกูต้องทำไง นั่งโง่ ๆ รอเขากลับบ้าน ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นงั้นเหรอ”
            “มึงอาจคิดมากไป”
            “เขานัดกันไปเที่ยวทะเลมึงไม่ได้ยินเหรอ?
            “กะ ก็ได้ยิน”
            “คนไม่ไป มันต้องปฏิเสธป่ะ?
            “อืม”แต่อาเสือนั่งนิ่ง มันก็คล้ายตอบรับละว่ะ
            “บอกกูว่าไปทำงาน สุดท้ายไปกับอินั่น...แล้วกูจะรู้อะไร”ผมร้องไห้ออกมาอีก ไอ้บอลปลอบตลอดทาง สุดท้ายผมร้องไห้จนหลับ มันบอกว่าไม่รู้จะพาไปไหนเลยพามานอนที่บ้านมันก่อน ได้ยินมันคุยโทรศัพท์กับใครไม่รู้ ผมผงกหัวขึ้นจากที่นอนมัน ก็เห็นมันเดินออกจากห้องไปเลย
            “ฮึก...”เริ่มร้องไห้อีกหน
           



            “กาว....กาว”เสียงเรียกจากที่ไหน มันมืดผมมองไม่เห็น
            “กาว...”คุ้น ๆ อาม่านเหรอ
            “อะ อาม่าน...อยู่ไหน”ผมเรียก
            “กาว...กาว กระโดดลงมา”ควันมันเยอะเกินไป ผมแสบตามองไม่เห็น อาม่าน...อยู่ไหน จะวิ่งไปตรงไหน!?!?!
            “กาว...กระโดดลงมา กาว!!!!!”ผมโบกมือไล่ควัน แสบตา...มองไม่เห็นอะไรเลย ไฟกำลังโหมกระหน่ำเข้ามาทางนี้ จะวิ่งลงบันไดหรือวิ่งขึ้น ผมควรทำยังไง
            “กาว!!! กาว...!!!!”เสียงเรียกของใครอีกไม่รู้หลายเสียง ผมกำมือแน่น
            “กาว...อามารับแล้ว กาว”
            “คะ ใคร...อะ ม่านเหรอ”ผมถามออกไป
            “กาวครับ....กาว”เสียงทุ้มคุ้น ๆ แต่นึกไม่ออก ฮือ ๆ ไฟจะไหม้ทางนี้แล้ว ผมกลัว...
            “กาว ๆ หายใจลึก ๆ กาว!!!!
            “อึก...”ผมเริ่มดิ้นและเกร็ง
            “ไอ้กาว!!!! เรียกรถพยาบาลเลยไหมครับ”เสียงไอ้บอลนี่ ไฟไหม้แล้วมันอยู่ไหน?
            “หนี!!!!”ผมร้องออกมา
            “กาว...”เสียงอาเสือ ใช่แล้ว...เสียงอาเสือผมจำได้
            “ฮึก...”
            “หายใจเข้าลึก ๆ กาวครับ”อยู่ท่ามกลางไฟที่ลุกโชน แต่ตัวผมไม่ร้อนเลย ก้มมองมือตัวเอง...หรือว่าเราตายแล้วว่ะ!!?!?!?
            มือเล็ก...เหมือนมือเด็ก ไม่ ๆ นี่ไม่ใช่มือผม!?!!?!?
            “อร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”กรีดร้องลั่นก่อนจะเด้งตัวขึ้นมาจากที่นอน เหงื่อผุดไปทั่วร่าง ในห้องมีอาป๊าอาม๊าไอ้บอล พี่กับน้องมัน ตัวมันแล้วก็ อาโชติ อานัย สุดา แล้วก็อะ อาเสือ
            ผมหอบหายใจมองหน้าทุกคนเลิ่กลั่ก
            “มึงโอเคไหมกาว”ไอ้บอลถาม ผมไม่ตอบแต่กลืนน้ำลายลงคอสลับกับหอบหายใจ
            “อาขอโทษ”อาเสือร้องก่อนจะพรมจูบที่ขมับ สุดาก็ร้องไห้
            “ฝะ ฝัน”ผมร้อง
            “อารู้ ๆ มันเป็นแค่ฝันไม่ได้เกิดขึ้นจริง...”ผมเคยฝันมาอย่างนี้หลายครั้ง มันน่ากลัวมากเลย ฮึก....มันน่ากลัวจนทนไม่ไหว
            “อาจะพากลับบ้านนะ....อาขอโทษนะครับ”ผมไม่ตอบเหมือนอยู่ในอาการช็อคจากความฝันตัวเอง นั่งตัวสั่นและให้อาเสืออุ้มขึ้นรถ
            “กลับดี ๆ นะ”
            “ขอโทษด้วยครับที่มารบกวน”อาเสือบอกอาป๊าไอ้บอลแล้วพาขึ้นรถ อาเสือเอาผ้าห่มมาคลุมและอุ้มผมไว้ตลอดทาง มือเย็น ๆ ของตัวเองถูกสุดาบีบนวดให้รู้สึกสบายขึ้น
            ตัวยังสั่นด้วยความกลัวไม่หาย
            “โอ๊ย....”แรงถีบจากคนในท้อง ทำให้ดึงสติไปอีกทาง
            “เป็นอะไรกาว!?!?!”อาเสือถาม ผมจับหน้าท้องตัวเองแล้วน้ำตาไหลไม่พูดอะไรต่อสักคำ





COMMENT PLEASE





3 ความคิดเห็น:

  1. เคืองอาเสือ ฮึ่มๆๆ แต่คิดว่าคงมีเหตุผลอะไรซักอย่าง ที่ยังยอมยัยคุณชะนีอรอยู่

    ตอบลบ
  2. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ