วันอังคารที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ตอนที่ 36 วันสบาย ๆ



ตอนที่ 36 วันสบาย ๆ
            “เรียนเสร็จแล้วไปไหนต่อว่ะ”ไอ้รันหันมาถาม ตอนกำลังเก็บเครื่องเขียนใส่ซองของตัวเอง
            “อามารับ”ผมบอกเรียบ ๆ อาเสือบอกว่าจะพาไปรพ. ไม่ใช่ตรวจครรภ์เหมือนเคย แต่เป็นเกี่ยวกับโรคที่เคยเป็นมา อาเสือเพิ่งได้รับคำแนะนำมา อยากให้ผมลองไปดู
            “เฮ้ย กูได้ข่าวไอ้โรลมันได้เงินพนันบอลมาเยอะเหรอว่ะ”ผมหันไปมองหน้ามันตรง ๆ
            “ไอ้โรลเนี่ยนะ?
            “เออ กูเจอไอ้เอกข้างล่างเห็นมันว่างั้น”
            “ไอ้โรลเนี่ยนะ มันเล่นพนันด้วยเหรอ?
            “กูก็ไม่รู้ ถึงได้มาถามมึงนี่ไง”
            “เหอะ มันจะเงินที่ไหนไปพนัน แล้วถ้าแฟนมันรู้มิโดนกระทืบตายเหรอว่ะ อีกอย่างแฟนมันก็รวยจะตายมันจะไปเล่นทำไม?”ผมทำหน้าเครียด ไอ้รันยักไหล่ขึ้นทำท่าไม่รู้ แล้ววันนี้ก็ดันหายไปทั้งสองคนทั้งไอ้บอลกะไอ้โรล ผมกดโทรศัพท์หาไอ้โรลก่อน
            “อยู่ไหน???
            “รพ. มาเป็นเพื่อนพี่ฟ้า...เขาพาแม่มาหาหมอว่ะ”มันกรอกเสียงกลับมา ก่อนที่ผมจะได้ถาม
            “ไม่ยอมมาเรียนนะสัส จดเล็คเชอร์ไว้แล้ว...มีงานด้วย ไปเอาที่บ้านนะ”
            “เออ ๆ ขอบใจมาก”
            “แล้วไอ้บอลล่ะ?
            “ไม่รู้มันเหรอ”
            “อ้าว คิดว่ามึงโทรคุยกัน”
            “เปล่า”
            “เออ ๆ เดี๋ยวกูโทรถามมันว่าวันนี้มันหายหัวไปไหน เสือกหายไปพร้อมกันอีก”
            “เออได้ เข้าไปแล้วจะโทรบอกแล้วกัน แค่นี้นะ...”
            “เดี๋ยวโรลมึงเล่นพนันบอลด้วยเหรอ”
            “ห๊ะ!?
            “มึงน่ะ เล่นพนันบอลด้วยเหรอสัสทำเป็นไม่ได้ยินนะ”
            “คริคริคริ”หัวเราะแบบนี้เล่นสินะ ผมโมโหแทบจะเหวี่ยงโทรศัพท์ลงพื้น!
            “ขำ ๆ น่า”
            “กูจะฟ้องพี่ฟ้า อิเหี้ย!!!!
            “พี่ฟ้ารู้ กูบอกเขาแล้ว....”
            “จริงอ่ะ!!?! กูไม่เชื่อ”
            “เดี๋ยวกูให้คุยกับพี่ฟ้าเลยก็ได้ กูบอกเขาแล้วว่าอยากลอง เล่นแค่ครั้งเดียว...”
            “ดีเนอะ สนับสนุนกันทำเรื่องชั่ว”ผมด่ามัน แต่มันหัวเราะ
            “เล่นให้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ไม่ได้เล่นเพราะติด สัส...กูจะเอาเงินที่ไหนเล่น ทุกวันนี้ยังเป็นหนี้ไม่พอ?
            “เออ ได้ยินอย่างนี้ก็สบายใจ อย่าคิดเล่นพนันนะมึง...มันไม่ดีหรอก”
            “คร๊าบบบบบ วันนี้มึงมาแปลก...สั่งสอนกูด้วยโว้ย”
            “แล้วนี่จะไปไหนต่อ”
            “ก็พี่ฟ้าจะพาแม่ไปกินข้าวกับแม่กู แล้วก็ไอ้รูน”
            “ครอบครัวสุขสันต์เนอะ”
            “หึหึ เหงาดิมึง...วันนี้เรียนกับใคร”
            “ไอ้รัน”
            “อ่อ ฝากบอกมันด้วยว่าเดี๋ยวกูเอาเงินที่ยืมไปคืน”
            “เออ”วางสายไปแล้ว ผมบอกไอ้รันว่าไอ้โรลจะเอาเงินมาคืน วันไหนที่มันมาเรียน มันพยักหน้าตอบรับเป็นอันว่าเข้าใจ กินชานมกันอร่อย
            “กาวมึงอ้วนขึ้นรึเปล่าว่ะ”กูนิ่งดิครับ ไข่มุกแทบติดคอ
            “แค่ก ๆ”
            “ตัวมึงดูพอง ๆ”
            “กินดีอยู่ดีไง เมื่อไหร่อาเสือจะมาว่ะ!!!!!”ผมเอ่ยเปลี่ยนเรื่องอย่างหัวเสีย
            “พุงนี่ก็ยื่น ตลกว่ะ”มันพูดต่อ ผมยัดขนมปังใส่ปากมัน
            “อย่าพูดมากได้ป่ะ อากูมาละ...ไปนะ”รีบทิ้งแก้วน้ำและซองขนมทิ้ง ก่อนจะรีบวิ่งไปที่รถอาเสือ วันนี้มาเรียนโดยไม่มีผู้คุม เพราะว่าอานัยไปทำงานแทนอาเสือที่พังงา แถมอาโชติก็ไม่ค่อยสบายเลยห้ามเข้าใกล้ผมเด็ดขาดด้วย อาเสือจึงขับรถมาเองและไม่มีคนตาม แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน...ผมชอบ  เพราะเราจะได้อยู่กันแค่สองคน
            “วิ่งทำไมนะกาว!!!”เสียงบ่นเริ่มขึ้นทันทีที่เข้ามานั่ง ผมโยนกระเป๋าไว้ที่เบาะหลังก่อนจะเร่งแอร์หันใส่ตัวเอง
            “ร้อน ๆ ๆ ๆ ๆ วันนี้มันร้อนมาก...”
            “เรียนเป็นยังไงบ้าง?
            “ก็ดี อาจารย์ให้ไปหาบริษัทที่จะออกฝึกงานด้วย”ผมบอก
            “ก็บริษัทเราไง เขียนแจ้งไปรึยัง”
            “เดี๋ยวกาวขอเลือกอีกที ว่าไอ้บอลมันไปที่ไหน”
            “จะไปตามเพื่อนทำไม ถ้าอยากฝึกด้วยกัน...ก็บอกบอลมาฝึกที่บริษัทก็ได้ กาวจะได้มีเพื่อน”
            “อือเอาไว้ดูอีกที ตอนนี้กาวหิวข้าวมาก...อาเสือแวะกินข้าวที่ร้าน xxx ก่อนนะ”
            “ทนไหวรึเปล่า ไว้รอไปทานที่บ้านได้ไหม อามีนัด....ให้สุดาทำกับข้าวไว้ที่บ้านแล้ว”
            “นัดใคร?”หันไปถามขวับทำตาดุใส่อาเสือไปแล้ว อาเสือยื่นมือมาจับมือผม ตบเบา ๆ ที่หลังมือ
            “อาฐา”อาเสือบอก
            “อาฐา!!!!! กลับมาจากเกาะแล้วเหรอ?”ผมทำเสียงตื่นเต้น นาน ๆ จะเจออาฐาสักที เวลามาที่บ้านอาฐาจะหอบของแปลกตามาฝากเสมอ อาบอกว่าไม่ได้เจอผมบ่อย ๆ แต่เวลาไปไหนแล้วนึกถึงก็จะรวบรวมแล้วเอามาให้ทีเดียว
            “อาฐาย้ายบ้านมาอยู่กรุงเทพฯ แล้ว ต่อไปนี้คงได้เจอกันบ่อยขึ้น”
            “กาวไม่เห็นรู้”
            “อาเพิ่งบอกนี่ไง”
            “ย้ายมาอยู่ถาวรเลยรึเปล่า”
            “มาอยู่เลย เดี๋ยวกลับบ้านไปกินข้าวนะครับ...อาฐารออยู่ มีคนอยากให้กาวรู้จักด้วย”
            “ใคร!!! แฟนอาฐาเหรอ!!!!
            “หึหึ”อาเสือหัวเราะมีเลศนัย ทำตาวาววับชวนอยากให้รู้
            “อาเสือออออ บอกหน่อยสิ...”
            “เดี๋ยวถึงบ้านก็รู้เองละน่า แต่เดี๋ยวอาพาไปรพ.ก่อน”โอเค ไว้รอเจอที่บ้านก็ได้...พูดมาอย่างนี้แฟนอาฐาแน่นอน เหอ ๆ ใครกันนะ ที่ปราบอาฐาอยู่หมัด
            “อาฐาเจ้าชู้พอ ๆ กับอาเสือ ใครกันนะ....โชคร้ายขนาดนี้”
            “อ้าวทำไมต้องมาว่าอาด้วย”
            “ก็อาเสือสันดานไม่ดี”หลุดคำหยาบออกไป เผลอกัดปากตัวเอง
            “กาว”เสียงนิ่งต่ำ จนผมภาวนาในใจว่าอย่าโดนว่าเลยนะ เอามือจับท้องตัวเองไม่รู้ตัว อุตส่าห์ได้พูดดี ๆ กันแล้ว ไม่น่าเลยไอ้กาวเอ้ยปากไม่ระวังผมหันหนีมองออกนอกหน้าต่าง ทันทีที่รถติดไฟแดงอาเสือก็ยื่นมือมาจับแล้วบีบเบา ๆ 
            “ยิ้มหน่อย...หน้าเครียดไปแล้ว”อาเสือบอก แต่คนมันยิ้มไม่ออก
            “โอเคอาจะพูดตรง ๆ ว่าอาไม่ชอบ อาไม่ว่ากาวหรอก แต่อย่าพูดอีกนะ”อาเสือเป็นคนเอ่ยขึ้น จนผมพยักหน้าขึ้นลง
            “กาวไม่ได้ตั้งใจ”พูดเสียงเบา
            “ไม่เป็นไรครับ ยิ้มให้อาหน่อย...”ก้มหน้าแต่แยกยิ้มให้ อาเสือหัวเราะก่อนจะแวะร้านเบอร์เกอร์ข้างทางให้
            “อาจะพาไปหาหมอที่อารามแนะนำมา กาวทำใจให้สบายนะ บางทีกาวอาจจะมีทางหายก็เป็นได้”
            “กาวกลัว...ถ้ากาวเป็นบ้าอาจะรักกาวไหม?
            “หึหึหึ กาวไม่ปกติแต่ไม่ได้บ้า....”ผมพยักหน้าเบา ๆ นั่งรอในรถอาเสือไปซื้อเบอร์เกอร์มาให้ อาเสือเปิดขวดน้ำเปล่าแล้วส่งมา คิดว่าตัวเองจะได้กินแป็ปซี่ซะอีก เฮ้อ...
            “ทำไมได้น้ำเปล่า!!!!”หน้างอแล้ว อาเสืออมยิ้ม
            “คุณแม่กินน้ำเปล่าดีที่สุด หรือจะเอานม”
            “น้ำเปล่าก็ได้”ผมบอกออกไป จนอาเสือหัวเราะ เลื่อนมือมาลูบท้อง
            “ซื้อมาสองก้อนเลย จะอิ่มไหม?
            “อยากกินสลัดด้วย”ผมรีบบอก อาเสือควานหาในถุงแล้วเปิดฝาตักป้อน (เมื่อในมือกำลังถือเบอร์เกอร์)
            “ทำไมไม่ให้กาวเข้าไปนั่งกินในร้าน”ผมร้องถามเพราะว่าหน้าตักตอนนี้ เต็มไปด้วยอาหาร เฟรนฟายส์นี่ก็วางบนตักด้วยนะ ในถุงยังมีพายสัปรดอีกสองอัน
            “คนเยอะ...ลูกอีก”อาเสือบอก ผมพยักหน้าเข้าใจเลยทำเป็นชวนคุยเรื่องอื่น
            “เออ อาเสือวันนี้ไอ้รันมันบอกว่ากาวอ้วนขึ้นด้วย!
            “หึหึ กาวท้องก็ต้องอ้วนสิ”
            “แต่กาวไม่ชอบมันยังบอกด้วยว่าน่าเกลียด”
            “แต่อาว่าน่ารักต่อให้กลมกว่านี้ก็น่ารัก อย่าไปฟังคำคนอื่นเลย...ฟังอาคนเดียวก็พอ ยิ่งอ้วนยิ่งดี...เพราะนั่นหมายความว่าลูกของเราจะอ้วนและสมบูรณ์ตามไปด้วย ตั้งสองคนเลยนะ”ว่าละ ว่าอาเสือต้องย้ำอีกละว่าสองคนรู้แล้วน่า!!! ตอนนี้ก็ระวังตัวเองสุด ๆ อยู่เนี่ย
            “อืม โอเค...”ตอบรับอย่างง่าย อะไรที่ทำเพื่อเค้าได้...ผมยอมทุกอย่าง
            กินอะไรรองท้องเรียบร้อย เตรียมตัวไปหาหมอก่อนที่จะไปเจออาฐาและแฟน ผมนั่งรออยู่หน้าห้องคล้ายออฟฟิศทำงานอะไรสักอย่าง ไม่เหมือนรพ.เลย ทันทีที่ถูกเชิญก็พากันเดินเข้าห้องด้านในพร้อมอาเสือ
            “สวัสดีค่ะ คุณกรินทร์ สุขวรนันต์”หมอผู้หญิงอ่านชื่อผมฉะฉาน ผมมองรอบห้องไม่มีข้าวของอย่างที่ห้องตรวจไข้แบบคนอื่นมี เลยทำให้ตื่นเต้นนิดหน่อย หมอผู้หญิงสวยมาก ใบหน้าสะอาดหมดจด แต่งตัวดูภูมิฐานและก็แต่งหน้าอ่อน ๆ ชวนให้ไม่อยากละสายตาไปไหน
            “สวัสดีครับ”ผมยกมือไหว้
            “คุณสรนัฐที่คุณรามส่งเรื่องมาใช่ไหมคะ?
            “ครับ ผมติดต่อผ่านรามเอาไว้”อาเสือยื่นนามบัตรส่งให้
            “ค่ะ คุณรามเดินเรื่องกับดิฉันไว้แล้ว แล้วทางเราก็ขอประวัติคนไข้จากรพ.ที่ฝากท้องประจำไว้แล้วด้วยค่ะ”
            “ครับ”อาเสือยิ้มน่าหมั่นไส้จนผมต้องกระแอมไอออกมา
            “แค่ก ๆ”
            “หึหึ”หมอหัวเราะเบา ๆ
            “ดิฉัน แพทย์หญิงมนัตตา เรียกสั้น ๆ ว่าหมอตาก็ได้ค่ะ วันนี้จะขอคุยเรื่องอาการที่มีกับคนไข้ก่อนนะคะ”
            “ครับ”
            “งั้นเชิญคุณรอที่ด้านนอกก่อนก็ได้ค่ะ”
            “ไม่เอา!!!! อาเสือ!!!!!”ผมร้องขึ้น เกาะแขนอาเสือโดยอัตโนมัติ
            “ไม่เป็นไร อาอยู่ข้างนอกนี่เอง”
            “ไม่เอา!!!!!!”ผมหน้างอดื้อดึง แต่คุณหมอก็ยังใจเย็นและยิ้ม
            “งั้นให้คุณสรนัฐนั่งอยู่ด้วยก็ได้ค่ะ ดิฉันถามเรื่องอาการไม่นานเพราะได้อ่านประวัติมาคร่าว ๆ บ้างแล้ว”
            “ครับ”มีอาเสือก็อุ่นใจ ผมเกาะแขนอาไม่ปล่อย กลัวจะโดนทิ้งให้อยู่กับคุณหมอสองคน ถึงแม้จะใจดีแค่ไหนก็ตาม คุณหมอถามคำถามพื้น ๆ อย่างเช่น ท้องกี่เดือนแล้ว อาหารแพ้มีไหม เครียดหรือกังวลอะไรบ้าง ไปจนถึงเบื้องลึกเบื้องหลังอย่างเช่นครอบครัวมีกี่คน มีใครบ้าง ภายในครอบครัวรักใครที่สุด เสียใจที่สุดคืออะไร ดีใจที่สุดคืออะไร ผมตอบเองบ้าง คำถามไหนอึดอัดอาเสือก็จะเป็นคนตอบ
            “สิ่งที่กลัวที่สุดละคะ?”หมอกำลังจดไปด้วย ผมมองหน้าอาเสือไม่อยากจะเอ่ยถึง
            “บอกหมอได้ไหมคะ?”หมอค่อยตะล่อมถาม น้ำเสียงที่ใช้ดูไม่บีบคั้นจนน่าอึดอัด ผมมองหน้าหมอเห็นแต่ความสบายใจเหมือนว่าไว้ใจได้จึงพยักหน้าขึ้นลง ก่อนจะเอ่ยปากบอกออกไป
            “คะ ความฝันครับ”เสียงแห้งขึ้นมาเฉย ๆ อาเสือประคองกอดผมเอาไว้ก่อนจะเป็นฝ่ายเล่าไปเสียเอง เรื่องไฟไหม้ เรื่องที่บ้าน เรื่องบ้านคุณยายเล็ก เรื่องอาม่าน อาเสือเล่าออกไปทั้งหมด...ผมต้องทนนั่งอยู่เพื่อฟังอะไรแบบนั้น ก็ออกจะทำให้เริ่มประสาทจะกินไม่ใช่น้อย นั่งฟังตัวสั่นมากทีเดียว น้ำตาไหลออกมาเองไม่ตั้งใจ แต่หมอก็ยิ้มหวานก่อนจะยื่นมือมาจับมือผมแล้วบอกว่า
            “ไม่เป็นไรนะคะ หายใจเข้าลึก ๆ นะ”ผมทำตาม คราวนี้กอดอาเสือไว้ทั้งตัว
            “เวลาพูดถึงจะมีอาการทุกครั้งใช่ไหมคะ?”หันไปถามอาเสือ
            “ครับ แทบทุกครั้ง...บางทีถ้ากังวลหรือเครียดอะไรมาก ๆ อาการก็จะมาเอง หนักเข้าก็หายใจไม่ทัน เกร็งแล้วก็พูดเหมือนติดอ่าง”อาเสือบอก
            “เคยรักษาที่ไหนไหมคะ?
            “ในประวัติมีบอกไว้นะครับ”
            “อ๋อค่ะ อืม....ดิฉันว่าที่เคยได้รับการรักษามา อาจจะไม่ตรงกับโรคนะคะ เลยยังไม่หายสักที...”
            “คือเรายังไม่รู้เลยครับว่ากาวเป็นโรคอะไรกันแน่ ครั้งแรกที่เกิดเรื่องร้าย ๆ ก็เหมือนจะช็อคไป เลยทำให้จำอะไรไม่ค่อยได้”
            “ค่ะ ดิฉันเข้าใจ...ทานน้ำหน่อยไหมคะ”หมอถามอมยิ้ม ผมพยักหน้ารัวได้น้ำกระเจี๊ยบมาดื่มชื่นใจ หมอทิ้งเวลาไว้นาน จนผมเริ่มสบายใจขึ้นมากแล้ว จึงเริ่มพูดต่อ
            “ถ้าจากที่เล่ามา ดิฉันว่าน้องคงมีอาการโรคซึ่งดิฉันเคยรักษาคนไข้อื่นมาก่อน”
            “จริงเหรอครับ”อาเสือยิ้มมีความหวัง
            “ค่ะ โรคนี้คนเป็นกันเยอะค่ะแต่ไม่ค่อยจะรู้ตัวเท่าไหร่ บุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญโรคนี้ยังมีน้อย และอาการก็ค่อนข้างจะก่ำกึ่งมีอาการจิตหลอนหรืออีกทางก็จะเป็นโรคไบโพล่าร์”
            “คืออะไรครับ”
            “เป็นความผิดปกติทางอารมณ์ค่ะ จะเป็นขั้วอารมณ์ที่ต่างกัน..เหมือนน้ำร้อนจัดกับเย็นจัด”
            “เอ แต่กาวไม่มีนะครับ...หรือว่ามีบางทีเค้าก็จะอารมณ์ร้ายครับ...ร้ายมาก อาละวาดข้าวของพังเลย แต่จะเป็นเฉพาะเวลาโดนขัดใจ เวลาไม่ได้ดั่งใจนี่เอาเรื่องเหมือนกัน ใช่ไหมกาว...”อาเสือหันมาถาม ผมทำตาแบ๋วใสใส่เพราะรู้ตัวเองดีเป็นแบบนั้นเพราะอยากจะเรียกร้องความสนใจจากอาเสือ
            “ไบโพล่าร์...เวลาเกิดอาการคนไข้จะไม่รู้ตัวเองค่ะ”
            “กาวรู้นะ”ผมรีบบอก จนทั้งสองคนหัวเราะ
            “หมอรู้ค่ะ เคสนี้อาการขึ้นลงของอารมณ์น่าจะเกิดจากที่ตั้งครรภ์มากกว่าค่ะ ถ้าเป็นไบโพล่าร์อาการจะหนักกว่านี้หลายเท่าทีเดียว”
            “อ่อครับ แล้วตกลงกาวเป็นอะไรกันแน่ครับ”
            “ตอนนี้ยังไม่ค่อยแน่ใจนะคะ แต่คิดว่าเป็นโรคแพนิค”
            “เป็นยังไงครับ?
            “คนไข้จะวิตกกังวลอะไรบางอย่างอย่างมาก ดูประวัติน้องก็มีปมในใจมาค่อนข้างหนักเลยทีเดียว อาการกลัว ใจสั่น มือสั่น เกร็งระยะสั่น แล้วก็ฝันซ้ำ ๆ แบบเดิม”
            “ครับ กาวเป็นแบบนั้นเลย”อาเสือว่า
            “เบื้องต้นอาการไม่น่าจะรุนแรงไปกว่านี้นะคะ แต่น้องเป็นต่อเนื่องมานานเหลือเกิน การรักษาก็ต้องใช้เวลาพอสมควร”หมอพูด
            “จะมีผลต่อเด็กรึเปล่าครับ”อาเสือถามอีก
            “อืม...ก็ถ้าคุณแม่อารมณ์ดีก็จะส่งผลดีต่อเด็กแน่นอนอยู่แล้วค่ะ แต่โรคนี้ก็อาจจะส่งผลทางกรรมพันธุ์ได้เช่นกันนะคะ”
            “อาเสือ”ผมครางออกไปอยากร้องไห้
            “ไม่ต้องกังวลค่ะ โรคฟังอาจดูน่ากลัวแต่เรื่องรักษาไม่อยากเลย เพียงแต่ต้องทำตามคำแนะนำของหมออย่างเคร่งครัด”
            “ครับ...ผมยอมทุกอย่าง ขอเพียงกาวหาย”
            “โรคนี้ต้องอดทนนิดนึงนะคะ แต่เชื่อว่าถ้าทำได้จะหายได้แน่นอน”
            “กาวสู้ไหม?”อาเสือหันมาถาม ผมพยักหน้าทำเอาคุณหมออมยิ้ม
            “หมอจะขอลิงค์ข้อมูลกับรพ.ที่ฝากครรภ์ตลอดเวลานะคะ ก็ทำการตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลนั้นปกติ เบื้องต้นหมอให้ยาไปควบคู่กับการปฏิบัติตัวของน้องนะคะ ต้องออกกำลังกายสม่ำเสมอ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ งดชา กาแฟเด็ดขาดเลย แล้วก็เคยนั่งสมาธิรึเปล่า”
            ผมส่ายหัว ก็ไม่เคยจริง ๆ นั่งได้ที่ไหน...เมื่อยจะตาย!
            “ต้องบังคับให้นั่งกันหน่อยนะคะ ทำสมาธิ เล่นโยคะ หรือทำกิจกรรมอะไรที่ทำให้คลายเครียดได้”
            “ครับ...”อาเสือรับคำสลับมองหน้าผมเป็นระยะ
            “ถ้าทำได้โรคจะหายเร็วนะคะ โรคนี้หายได้ถ้าสุขภาพจิตดี”หมอให้กำลังใจ
            “แล้วนานไหมครับกว่าจะหาย”ผมถามออกไปบ้าง
            “ก็...ขึ้นอยู่กับคนไข้ว่าจะเชื่อฟังหมอมากแค่ไหนนะคะ จำเอาไว้ว่าถ้าอยากหายต้องอดทน ไม่ใช่เรื่องยากอะไรหรอกค่ะ แค่เปลี่ยนวิธีปฏิบัติตัวบ้างเท่านั้นเอง”
            “ครับ”ผมยิ้มมีพลังใจขึ้นมาก หมอกับอาเสือแลกเบอร์โทรกัน หมอบอกว่าปรึกษาได้ตลอด ผมเดินออกมารับยาจากช่องจ่ายยาแล้วฟังคำแนะนำโดยละเอียดจากคนจ่ายยา อาเสือถึงขั้นเอาโทรศัพท์มาอัดเสียงไว้ทีเดียว
            “หวังว่าคงจะหาย”อาเสือลูบหัว
            “อือ กาวรักอาเสือ”ผมกอด แต่อาเสือหัวเราะร่วนจนน่าตบ!!! ไม่รู้ว่าพูดอะไรผิด
            “พูดออกมาสักทีนะ!!!!!!!!”อาเสือหัวเราะอารมณ์ดีไปตลอดทาง อยากจะบีบคออาเสือที่สุด!!!
            “อย่าหัวเราะอย่างนั้นได้ไหมเล่า!!!!
            “อาอารมณ์ดีนี่ฟอดดด...อาก็รักกาว”
            “อือ”ผมเองก็ยิ้มไปตลอดทางเช่นกัน
         
            ถึงบ้านแล้วยังไม่ทันได้วางของอาฐาก็เดินเข้ามากอดทำให้ต้องกระโดดโผไปกอดทั้งตัว ผมคงตัวสูงขึ้นเพราะเจออาฐาหนนี้ รู้สึกว่าเขย่งนิดเดียวหัวก็เลยคางอาฐาไปแล้วนิดนึง ทำให้ดีใจที่สุด อาฐาตัวสูงใหญ่ผิวสีออกแทนเหมือนโดนแดดกลำมา กล้ามใหญ่กว่าเดิมอย่างกับนักมวย แต่ก็หล่อคมเข้มขึ้นมากมาย
            “อึ่บ!!!!! ระวังหน่อยคร๊าบบบบ”อาฐาหัวเราะ
            “คิดถึงที่สุด!!!!
            “อาก็คิดถึงกาว ฟอดดดดด”จูบซ้ายขวา หน้าผากแล้วก็คาง
            “อามีของฝากมาให้กาวกับเจ้าตัวน้อยด้วย”อาฐาจับหน้าท้อง
            “เย้ ๆ ของที่กาวชอบรึเปล่า?”อาฐาพยักหน้าอย่างทะเล้น
            “อาบน้ำแล้วค่อยลงมาดูนะกาว”อาเสือร้องบอกก่อน ขัดใจจริง ๆ หันไปแล่บลิ้นให้อาเสือ
            “ก่อนอาบน้ำ อามีคนจะแนะนำให้กาวรู้จัก”อาฐาร้องบอกขณะที่ผมตาวาวรออยู่แล้ว คนที่ยืนอยู่ข้างหลังอาฐา เป็นเด็กผู้ชายเด็กเล็กนิดเดียว เล็กกว่าผมมากเลย แต่หน้าตาสวยหวานน่ารัก ใส่เสื้อยืดสีขาวบางจนแทบจะกลืนไปกับสีผิว แต่ก็ใส่เอี๊ยมทับไว้อีกที แล้วก็เด็กเล็กคนนึงซึ่งสามารถตรึงผมไว้ให้อยู่กับที่ได้
            “นี่ทาม กับน้องจีน แล้วนี่ก็กาวแฟนเสือที่เคยเล่าให้ฟัง”
            “สะ สวัสดีครับ”ทามยกมือไหว้ แต่ผมยืนอ้าปากค้าง ยิ่งเห็นคนตัวเล็กกระพริบตาช้า ๆ ยิ่งชวนให้ต้องมองไม่อยากละสายตาไปที่อื่นเลย
            “ทามน่าจะอายุน้อยกว่านะ”อาฐาหันไปหาอาเสือ
            “น้อยกว่าเป็นปีสองปีได้ละมั้ง”อาเสือว่า
            “ทามตัวเล็ก แต่หัวโต”อาฐาแซวสีหน้ายิ้มแย้ม
            “คุณฐา!!!!!”ขนาดตะคอกเสียงยังหวานเหมือนเด็กเลย
            “แฟนอาฐาเหรอฮะ!?”ผมถามต่อหน้า
            “คิดว่าไง”อาฐาถาม แต่ทามหน้าแดงมาก
            “คิดว่าน่ารักมากไม่เหมาะกับอาฐาเลย!!!!”ผมแซว
            “คุณป๊าอุ้มหน่อย”น้องจีนจะให้อาฐาอุ้ม
            “ลูกเหรอฮะ?
            “อืม น่ารักไหม...”
            “อย่างกับตุ๊กตาแน่ะ”ผมบอกตรง ๆ
            “ลูกคุณป๊าเป็นตุ๊กตาไปซะละ”อาฐาเอ่ยยิ้ม ๆ ผมไม่เคยเห็นสีหน้าแบบนี้จากคนตรงหน้ามาก่อน เลยทำให้รู้สึกเต็มอิ่มในหัวใจอย่างไรไม่ทราบ
            “น้องจีนได้เป็นตุ๊กตา”ทุกคนหัวเราะในความใสซื่อของเด็กน้อย ถึงแม้จะพูดไม่ค่อยแข็งแรงแต่ก็ทำให้ทุกคนยิ้มได้
            “น้องจีน ๆ ในนี้มีน้องนะ”อาเสืออวดบ้าง เอามือมาคลึงพุงกลม ๆ ของผม
            “น้อง ๆ ๆ ๆ”น้องจีนกระโดดโลดเต้นไปมา ก่อนจะวิ่งเข้าใส่ผมอย่างเร็ว อาเสือระวังให้อยู่แล้วดึงแขนน้องจีนไว้ก่อน
            “น้องจีน!!!!”ทามตะโกนว่า แต่อาเสือโบกมือ
            “ไม่เป็นไร ๆ คงอยากจะกอด”โดนจูงไปนั่งที่โซฟา แล้วน้องจีนก็เข้ามากอดจริง ๆ เอาหน้าแนบไปกับพุงเลย ผมรู้สึกเจ็บเพราะคนในท้องเหมือนดัน ๆ จนหน้านิ่วไป
            “กาวเป็นอะไร?”อาเสือร้องถาม
            “เค้าถีบ”ทุกคนนิ่ง ทามไทนี่หน้าเสียไปเลย
            “ไม่เป็นไร เค้าถีบแบบนี้บ่อย....คงอยากจะเล่นกับน้องจีนมั้ง”ผมบอก อาฐานั่งลงนวดมือให้ส่วนทามก็นั่งข้างล่างนวดขา ผมอยากจะบอกว่าผมไม่เป็นอะไรเลย อาเสือเรียกหาสุดาให้ตั้งโต๊ะทันที ก่อนจะถามไถ่อาการไข้ของอาโชติ คนป่วยไม่ยอมไปโรงพยาบาลสิ อาเสือเลยโวยวายเสียงดังอย่างหัวเสียไปเล็กน้อย
            “เดี๋ยวกาวไปอาบน้ำก่อนนะอาฐา”
            “เอาสิ ขึ้นบันไดไหวหรอ”
            “ไหวครับ”บอกก่อนจะเดินจับราวบันไดขึ้นมา แต่ทามก็ขอตามขึ้นมาด้วย ส่วนน้องจีนขอเปิดทีวีดูการ์ตูน
            “นั่งก่อนแล้วกัน พี่อาบน้ำแปบเดียว”ผมบอก
            “สะดวกไหมฮะ ทามออกไปนั่งรอข้างนอกก็ได้”
            “เฮ้ยไม่เป็นไร เดี๋ยวเอาเสื้อผ้าไปแต่งในห้องน้ำ นอนเล่นไปก็ได้นะ...เดี๋ยวออกมาคุยด้วย”ผมบอก
            “ฮะ”ทามตอบรับอย่างว่าง่าย ผมเดินเข้าไปอาบน้ำแปบเดียว ได้ยินเสียงอาเสือเข้ามาดูละมั้ง ออกมาก็ไม่เห็นแล้ว 
            “ทามคบกับอาฐานานแล้วเหรอ”ผมถาม
            “ก็...ไม่นานหรอกฮะ”
            “แต่น้องจีนน่าจะสองสามขวบได้ไหม?”ทามหัวเราะ
            “น้องจีนไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของทามหรอกฮะ เป็นลูกพี่ชายที่เสียไปต่างหาก”
            “อ้าวแต่หน้าเหมือนทามมากเลยนะ”ผมร้องบอก
            “ฮ่าฮ่าฮ่า ฮะ....ใคร ๆ ก็ว่าแบบนั้น”
            “พี่ก็คิดว่าทามคลอดน้องออกมา”
            “ทามไม่มีมดลูกนี่ฮะ จะคลอดได้ยังไง....อิจฉาพี่กาวจังนะฮะ คุณฐายังบอกเลยว่าพี่เป็นคนพิเศษ...ถึงได้มีสิ่งพิเศษอยู่ที่ตัว”ทามนั่งดูผมทาแป้ง คำชมที่เอ่ยมายอมรับว่าทำเอายิ้มไม่หุบ
            “แฝดนะ...ในนี้”ผมหันมาอวด ทามตาโต
            “จริงเหรอครับหูย!! โชคดีที่สุดเลย พี่ไปซาวน์มาแล้วเหรอครับ”
            “อืม”ผมบอกจะหยิบรูปออกมาให้ดู แต่นึกขึ้นได้ว่ากระเป๋าอยู่ข้างล่าง
            “เดี๋ยวลงไปจะเอารูปให้ดู”
             “โอ๊ยยย ทามอิจฉาจังฮะ ตอนที่คุณเสือโทรไปบอกคุณฐา คุณฐายังบ่นเลยว่าอยากมีอีกสักสองคน”
            “หึหึหึ พี่อุ้มบุญให้ไหมละ!?”ผมแกล้งบอก
            “ได้เหรอฮะ!?!??!”ตาวาวเชียว ผมหัวเราะ
            “ล้อเล่น”
            “โธ่ พี่อ่ะ”ทำหน้าเสียดายยังน่ารัก ผมหัวเราะเสียงดัง คิดว่าทามก็เป็นเด็กดีและเป็นคนประเภทที่ไม่เคยเจอมาก่อน ทำให้ต้องปฏิบัติตัวดีไปด้วย
            “ก๊อก ๆ เสร็จรึยังครับ อาหิวแล้ว”อาเสือเปิดประตูเข้ามา ผมหวีผมอีกสองทีก็เสร็จ
            “เสร็จแล้ว ป่ะทามกินข้าวกัน”เดินอย่างระมัดระวังลงบันได ทามคอยพยุงให้ก้าวทีละก้าว ความใส่ใจของน้องทำให้ผมอมยิ้ม
            “คุณลูกคร๊าบ ทานข้าวคร๊าบบบบบบ”ทามเดินไปเรียกน้องจีน ผมยิ้มกว้างมากขึ้น โอ๊ย...น่ารักจัง
            “ต่อไปกาวก็ต้องเรียกลูกมากินข้าวแบบนี้บ้าง”อาเสือแซว
            “ไม่กาวพูดกับลูกว่า เฮ้ยมากินข้าว!!”แกล้งอาเสือกลับ จนโดนขโมยหอมแก้ม
            “อือออออ”เอามือเช็ดแก้มตัวเอง
            “อย่าหลงลูกแล้วกัน”อาเสือว่า
            “อาเสือก็อย่าหลงเหมือนกันแหละ!”ผมทับถม แต่อีกคนไม่ว่าอะไรต่อ จูงมือเข้าไปนั่งรอในห้องอาหารเรียบร้อย ผมหันไปยิ้มให้สุดาก่อนจะนั่งประจำที่ตัวเอง
            “ขาหมู!!!!!!!”ร้องออกมาอย่างดีใจ ไม่ได้กินนานมากแล้ว
            “ตักข้าวเลย!”ผมร้องบอก อาฐาเดินอุ้มน้องจีนเข้ามาหัวเราะ
            “สุดาแกะเป็ดผัดขิงให้ผมรึยัง”อาฐาถาม ผมมองบนโต๊ะมีแค่น้ำพริกกะปิ ผักมะเขือชุบไข่ทอด แกงจืด ปลากะพงนึ่งมะนาว ขาหมู แกงเขียวหวานลูกชิ้นปลากราย
            “ขอโทษค่ะ เดี๋ยวสุดาไปดูให้”สุดารีบเดินออกไป แล้วยกกลับเข้ามา
            “อีกชุดซื้อมาฝาก กินกันเลยนะ”อาฐาบอกสุดา
            “อาซื้อเชอรี่สดมาฝากด้วย กินข้าวแล้วค่อยกิน”
            “คร๊าบบบบ”ร้องบอกอย่างถูกใจ
            “ลูกก็ชอบ”น้องจีนเงยหน้าบอก
            “หึหึ คุณลูกต้องกินข้าวก่อนไม่งั้นอด!”อาฐาหัวเราะ
            “อืออออออ”เด็กน้อยทำหน้าบึ้งกอดอกเมื่อถูกขัดใจ
            “ท่าทางจะแสบใช่เล่น”อาเสือเอ่ยถามสีหน้าเปื้อนยิ้ม
            “ช่างพูดมาก ไม่รู้ใครช่างสรรหาคำมาป้อน”
            “เด็กฉลาดนี่เนอะ”อาเสือว่า ลูกผมจะฉลาดแบบนี้ไหมเนี่ย!!! คงต้องขอเคล็ดลับการเลี้ยงเด็กจากทามบ้างแล้ว เอามือประคองพุงตัวเอง ขณะที่มืออีกข้างก็ตักข้าวกิน อาเสือตักอาหารใส่จานให้เต็มเหมือนเคย เรานั่งพูดคุยกันสนุกสนานระหว่างทานข้าวไปด้วย
            ผมไม่สงสัยแล้วทำไมอาฐาถึงได้ยอมมีใครสักคน เท่าที่นั่งสังเกตอยู่ตอนนี้ ไม่ว่าจะพูด กิน หรือคุยอะไร ทั้งคู่จะมีการสบสายตาเบา ๆ เพียงแค่นั้นอาฐาก็รู้ว่าทามต้องการอะไร ไม่ต้องการอะไร เวลาทามไม่ชอบก็เพียงแต่อธิบายสั้น ๆ ให้เข้าใจ ซึ่งถ้าเป็นผมคงโวยวายอาละวาดบ้านแตกไปแล้ว
            หันมามองหน้าอาเสือ เราจะมีวันนั้นไหมอา...วันที่เราคุยกันแล้วเข้าใจแบบคู่ของอาฐา?

แอบอยากได้อิมเมจน้องจีน ใครพอจะมีรูปช่วยแนะนำหน่อยนะ 
จะแปะรูปในนี้ ในเพจ หรือในกรุ๊ปก็ได้ เดี๋ยวชินตามดู 
ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

COMMENT PLEASE

            *เรื่องโรคแพนิคที่ว่า ชินเขียนตามความเข้าใจของตัวเอง
เพราะไม่เคยได้รับการรักษาและพยายามหาข้อมูลแล้วว่าคนที่จะรักษาต้องทำอะไรบ้าง
แต่ไม่มีเลย มีแต่วิธีปฏิบัติตัว ส่วนนี้ชินเลยเขียนขึ้นตามจินตนาการว่ามันต้องแบบนี้ ๆ นะคะ
ถ้าผิดไปจากวิธีการตรวจรักษาจริง ๆ ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

ข้อมูลของโรคได้มาจากเว็บไซต์นี้ 
http://www.cumentalhealth.com/รอบรู้เรื่องสุขภาพจิตผู้ใหญ่/โรคแพนิค-Panic.html

5 ความคิดเห็น:

  1. คุณฐาทามน้องจีน คิดถึงๆๆ อยากให้ทามท้องได้แบบกาวจัง ถ้ารวมนาวนาวตินตินเลม่อนด้วยต้องเป็นครอบครัวใหญ่แน่ แทนกับธารด้วยนะ. ดีใจที่ทุกคนรู้จักกัน

    ตอบลบ
  2. จินนี่. เตรียมจีบแฝดเลย

    ตอบลบ
  3. คุณลูก เรียกน่ารักเขียว

    ตอบลบ
  4. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  5. คิดถึงฐาทามจีน แม้จะอ่านไปกว่า 3 รอบ ประทับใจเรื่องนี้มากไม่แพ้ แทนธาร กล้ามีน ติณฑ์นาว และอาเสือของกาว ใดๆ คือผู้แต่งแต่งเยี่ยมยอดทุกเรื่อง แต่งยังกับมันเป็นเรื่องจริงที่เห็นกับตาเลยเอามาเล่า ยิ่งอาเสือของกาวเวลากาวอาละวาดเนี่ยผู้อ่านอ่านแล้วเหมือนกำลังยืนดูกับตาตัวเองเลย สุดยอดจริงๆ คุณเก่งมากค่ะคุณชิน

    ตอบลบ