วันอังคารที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ตอนที่ 46 กรรมใดใครก่อ 100%



  ตอนที่ 46
            “ลูกหมู”เลม่อนเอามือจิ้มแก้มสกายแล้วหัวเราะ เจ้าตัวมากับพี่ติณฑ์และมะนาวแต่เช้า อาทิตย์ที่แล้วเห็นแยมโรลมันบอกว่าป่วยไม่สบาย แต่เท่าที่ดูคงหายแล้วละซ่าได้เหมือนเดิมแล้ว ผมอุ้มเด็กแฝดออกมานอนเล่นกลางห้องรับแขก เอาเบาะมาให้นอนกลิ้งกันสนุกสนาน เด็กแฝดร้องแอ๊ ๆ พลางหัวเราะพอใจเวลาพี่เลม่อนเล่นด้วย
            ถึงอย่างนั้นผมก็ลุกไปไหนไม่ได้อยู่ดี ไม่ใช่ว่าเด็กจะร้องหรอก แต่เพราะกลัวเลม่อนมันเอานิ้วจิ้มตาลูกผม ไอ้นี่มันเป็นเด็กขี้สงสัยมากคงคิดว่าน้องเป็นตุ๊กตาดิ้นได้ละมั้ง
            เลม่อนกระเถิบเข้ามาติดน้องแล้วเอานิ้วจิ้มแก้มอีก
            “อย่าเอานิ้วจิ้มตาน้องนะเลม่อน”เสียงมะนาวร้องเตือน
            “ม่อนไม่ได้ทำ ม่อนแค่จับ ๆ”นั่นมีทำท่าให้ดูด้วย เลม่อนท่าจะกลัวมะนาวมันจริงจัง ผมเห็นแล้วยังขำ
            “ถ้าน้องร้องนะ พากลับบ้านเลย”
            “ม่อนไม่ได้ทำ”ขึ้นเสียงสูงใส่อาและทำหน้าไม่พอใจ เลม่อนตอนนี้อาจหาญลุกขึ้นไปจ้องหน้ามะนาว แล้วยืนยันความคิดตัวเอง
            “เออ ๆ ไม่ได้ทำก็ไม่ได้ทำ น้องตัวเล็กถ้าจิ้มแรงแล้วร้องไห้ กาวตีแกแน่”มะนาวขู่ เลม่อนวิ่งมาหาผมแล้วเขย่าแขน
            “กาวม่อนไม่ได้ทำ”
            “หึหึ”
            “ม่อนไม่ได้ทำนะ”
            “เออ ๆ ลงไปเล่นเป็นเพื่อนน้องไป...กาวจะไปอาบน้ำ”
            “เย้”เมื่อมันบรรลุความต้องการ เลม่อนก็ลงไปนอนกลิ้งเล่นกับน้องต่อ
            “นาวฝากไปแปบนะ จะไปอาบน้ำ”
            “เร็ว ๆ นะมึง”มันละสายตาจากทีวีหันมาบอก
            “เออ!”ผมกระแทกเสียงใส่แล้วหัวเราะเล็กน้อย ผมเลือกเข้าตู้อบสมุนไพรก่อนแล้วจึงค่อยอาบน้ำ เลม่อนวิ่งมาตอนได้ยินเสียงเด็กแฝดร้องไห้จ้า ผมเอาผ้าพันตัวไว้แล้วโผล่หน้ามาหา
            “น้องร้องทำไมเลม่อน”ผมถามก่อนเลม่อนจะเรียบเรียงคำพูดได้
            “ม่อนทำน้องเจ็บรึเปล่า?”ผมถามอีก เลม่อนส่ายหน้า
            “ม่อนเล่น ๆ แล้วน้องก็ร้องไห้เลย”สีหน้ากลัวโดนดุมาก ๆ ผมรีบแต่งตัวแล้วเดินออกไปหาทันที เห็นสุดากับมะนาวกำลังปลุกปล้ำเจ้าสองแฝดอยู่
            “มาแล้วคร๊าบ ๆ เป็นอะไรกัน”เข้าไปอุ้มเกลขึ้นมา
            “หิวนมมั้งคะ ได้เวลานอนแล้ว”สุดาบอก
            “โอ๋ ๆ หิวนมนี่เอง...”ผมหยิบขวดนมจากสุดามาป้อนต่อ มะนาวช่วยป้อนกายที่นอนมองน้ำตาเปื้อนหน้า
            “อะไรกันกาว?”อาเสือโผล่หน้ามาถาม หลังจากเข้าห้องทำงานไปคุยอะไรกับพี่ติณฑ์ตั้งนาน
            “หิวนมน่ะ ไม่มีอะไรเนอะน้องเกล”ผมปลอบไปด้วย อาเสือเดินเข้ามาดูแล้วสะกิดบอก
            “อากับติณฑ์จะไปธุระกันนะ”
            “ไปไหน?”ผมถาม
            “ธุระ ไม่นานหรอกครับ...มะนาวกับเลม่อนก็เล่นที่นี่กันไปก่อน อาไปไม่ได้นาน”อาเสือบอก
            “ม่อนอยากไปด้วย”
            “ไม่ได้ครับ ม่อนนอนเป็นเพื่อนน้องเนอะ...ดูสิ สกายมองพี่ม่อนใหญ่เลย”พี่ติณฑ์ทำให้เลม่อนไขว้เขว้
            “ไปแปบเดียวนะ”พี่ติณฑ์หันไปบอกมะนาว มันก็พยักหน้า
            “เดี๋ยวอากลับมานะ”
            “อืม”ผมบอกเสียงเบา ทั้งที่มีคำถามมากมายแต่ไม่คิดจะพูดอะไร อาเสือกับพี่ติณฑ์เตรียมตัวไปข้างนอกกัน ส่วนผมกับมะนาวก็พาเด็กแฝดเข้านอน ผมเอามุ้งเด็กมากางครอบนอนกันสามคน สเกล สกาย แล้วก็เลม่อนที่อยากนอนกับน้องไม่ยอมไปไหน มะนาวมันเลื่อนตัวเองไปนอนบนโซฟาและเปิดทีวีดูสบายใจ
            ผมเดินมาในห้องทำงานอาเสือด้วยความอยากรู้ บนโต๊ะมีเอกสารหุ้นบริษัทมีตัวเลขมากมายและผมก็มองไม่ออกว่ามันคืออะไร มีตัวเลขที่มาร์กไว้หลายจุดเป็นตัวเลขที่ต่างกันค่อนข้างมาก ผมไล่เปิดดูก็เห็นความผิดปกติของตัวเลขนั้น ๆ
            “คืออะไรนะ?”พูดกับตัวเอง ไม่มีอะไรอย่างอื่นให้ดูเลย อาเสือคงพาพี่ติณฑ์ไปดำเนินการเกี่ยวกับเอกสารนี่แหละมั้ง กำลังจะเดินออกอยู่แล้ว ผมนึกยังไงไม่รู้หยิบกระดาษจากหลังตู้ตรงประตูทางเข้ามาอ่านเฉยเลย เป็นจดหมายจากทางโรงพยาบาลแห่งหนึ่งซึ่งชื่อไม่คุ้น แต่ชื่อที่ปรากฏอยู่ในนั้นทำให้ผมชาไปทั้งร่าง
            มินทิตรา วรนาญจน์?ดวงตาผมเบิ่งโพลงพร้อมมือที่สั่นระริก
            “อาน้ำมนต์....”เสียงครางจากตัวเองแสนเบา จดหมายนั้นรายงานการเข้าการรักษาและบำบัดเป็นไปได้ด้วยดี อาน้ำมนต์เป็นอะไรผมกดโทรศัพท์ตามเบอร์ที่ระบุไว้เพื่อสอบถามแต่ไม่กล้าเอ่ยชื่ออาน้ำมนต์ออกไป นั่นทำให้รู้ว่า ที่ที่อาน้ำมนต์อยู่เป็นโรงพยาบาลเกี่ยวกับอาการป่วยทางจิต!
            “เกิดอะไรขึ้นกับอาน้ำมนต์?”ผมถ่ายรูปเก็บไว้ในมือถือตัวเองแล้ว วางจดหมายโดยมีกล่องใส่ของวางทับไว้เหมือนเดิม ยังไม่ได้คิดถามอะไรใคร...ได้ยินเสียงอาโชติร้องทักเลม่อนกับมะนาวในห้องรับแขกดังขึ้นเสียก่อน ผมรีบยัดตัวเองเข้าห้องอีกฝั่ง ไม่อยากให้อาโชติเห็นตัวเอง คนตัวสูงเดินเข้าห้องทำงานอาเสือแต่ผมไม่เห็นว่าทำอะไร ได้แต่ยืนนิ่งรอฟังเสียงอย่างเดียวเท่านั้น
            “ฮัลโหลครับ”เสียงอาโชติดังขึ้น ผมเอาตัวแนบกำแพง
            “ทั้งหมดบนโต๊ะใช่ไหมครับ ได้ครับ...ผมหวังว่าเอกสารทุกอย่างจะทำให้คุณประพจน์ดิ้นไม่หลุด ครับ ๆ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้”อาโชติรีบร้อนออกจากห้องไป ผมยืนนิ่งอีกครั้งก่อนจะได้สติวิ่งตามออกมา
            “นาว ๆ กูฝากลูกไว้แปบนะ”
            “มึงจะไปไหน?”ไอ้นาวจับน้ำเสียงร้อนรนของผมได้ มันรีบลุกขึ้นนั่งจ้องหน้า ผมมองเด็กแฝดกับเลม่อนที่ตอนนี้นอนหลับเคียงกัน
            “กูฝากไว้หน่อยนะ”ไม่บ่อยครั้งที่ผมทำหน้าจะร้องไห้ต่อหน้าคนอื่น ไอ้นาวนิ่งเงียบก่อนจะพยักหน้า
            “รีบกลับมาไว ๆ แล้วกันไ
            “อืม”ผมวิ่งไปหยิบกุญแจรถแล้วรีบออกมาก่อนที่สุดาจะวิ่งมาถึง จะตามไปที่ไหนผมยังไม่รู้เลยได้แต่ขับออกมามองซ้ายขวาอย่างระวัง โชคเข้าข้างตอนรถติดผมเห็นท้ายรถอาโชติผ่านสี่แยกไปก่อน แต่ก็คอยมองไว้ทุกระยะทีเดียว
            “สถานีตำรวจ?”ผมจอดอยู่ข้างหน้าด้วยความแปลกใจ จอดรถใกล้ร้านก๋วยเตี๋ยวแล้วเดินย้อนกลับมา
            “กาว!!
            “พี่พต!!!!”ผมหันควับมองหน้าคนที่ทัก พี่พตกับเขา....คุณลุง
            “ไม่คิดจะไหว้กันหรือยังไง?”ผมหันหน้าหนีแต่ก็ยอมยกมือไหว้
            “กาวมากับอาเสือ ไปก่อนนะ”
            “เดี๋ยวสิ”คุณลุงคว้ามือผมไว้ ด้วยความตกใจผมชักมือตัวเองออก
            “จะรีบไปไหนละ?
            “ปล่อยน้องเถอะครับ...”พี่พตพยายามช่วยดึงมือผมออก คุณลุงแสยะยิ้มก่อนจะปล่อยออกง่าย ๆ
            “แกทำให้ฉันต้องเป็นแบบนี้ สะใจแกแล้วใช่ไหม”คุณลุงต่อว่าเรื่องที่ผมยังไม่รู้ที่มาที่ไป
            “พูดเรื่องอะไร?”ผมถามออกไป
            “อย่ามาทำหน้าซื่อตาใส ไอ้เสือผัวแกมันใส่ร้ายฉันเรื่องเงินบริษัทรู้ไว้ซะ”
            “แล้วทำจริงรึเปล่า?”ผมถามเสียงเรียบ
            “กาว!!!! ทำไมถามพ่อพี่แบบนั้น”พี่พตทำเสียงไม่พอใจใส่ผมอีกคน
            “ก็ไม่รู้สิ ถ้าไม่จริง...คุณจะเดือดร้อนทำไม?”ผมพูดออกไปเพราะไม่ชอบเขาเป็นทุนเดิม
            เพลี๊ย!!!!! พี่พตตบหน้าผม...???? ผมมองหน้าเขาอย่างผิดหวังที่สุด
            “เอามันมา!!!”เสียงเข้มสั่ง พี่พตจ้องหน้าผมชั่วครู่ก่อนจะลากขึ้นรถที่จอดอยู่ใกล้ ๆ ผมพยายามดิ้นด้วยความตกใจ
            “ปล่อยซีว่ะ!!!”ผมร้อง ไอ้พี่พตมันล็อคตัวผมเอาไว้
            “อยู่นิ่ง ๆ สิกาว!
            “ก็ปล่อยสิว่ะ!!”ผมตะโกน ลุงซึ่งนั่งอยู่อีกเบาะในรถตู้ถึงกับจิกหัวผมขึ้นมา
            “รนหาที่ตายนะมึง ไปโกดัง!!”ไอ้ลุงร้องบอกลูกน้อง
            “ปล่อยกู!!!!”รู้สึกว่าความประมาทของตัวเองจะเป็นการรนหาที่โดยไม่รู้ตัว รถตู้ซึ่งมีประตูทางออกเดียว และพี่พตก็นั่งขวางอยู่ มันทำให้ผมรู้สึกว่าการจะเอาตัวเองออกไปจากตรงนี้เป็นเรื่องยาก เกือบครึ่งชั่วโมงที่ผมนั่งมองนอกหน้าต่างอย่างสงบนิ่ง ทั้งที่ใจครุ่นคิดวิธีที่จะเอาตัวรอด
            “พี่จะไม่ทำร้ายกาว เราแค่จะต่อรองกับไอ้เสือ มันตลบหลังเราแกล้งใส่ความเรื่องเงินบริษัท”พี่พตพูดขึ้น
            “หึหึ ความเลวของมันเยอะกว่าที่คิดนะไอ้หนู ไอ้พวกเด็กเมื่อวานซืน!!”ลุงบริภาษด้วยเสียงแค้น
            “อาเสือไม่มีวันทำอย่างนั้น อาเสือไม่เคยโกงใคร!!!”ผมด่ากลับ
            “ไม่โกงเหรอ!??! มันโกงไอ้ม่านจนหมดตัว...เอาคู่หมั้นไอ้ม่านทำเมีย แถมยังยิงไอ้ม่านตายแค่นี้ยังไม่สะใจแกใช่ไหม!!!
            ผมเงียบ...
            “มันทำอะไรแกรู้ดีแก่ใจ”น้ำตาผมไหลเป็นทาง แต่จะอ่อนแอให้สองคนนี้เห็นไม่ได้ โชคเข้าข้างตอนรถติดทันทีที่มันจอดสนิทผมไม่มีเวลาให้คิดอะไรมาก กระโดดตัวเองออกไปด้านหน้าปลดล็อคแล้วกระโดดลง พี่พตไวพอกันกระชากผมอย่างแรง แต่ผมดิ้น ๆ
            “ปล่อยกู!”ผมร้องขณะที่ตัวเองไม่ระวังไถลตัวลงกับพื้น โดนรถข้าง ๆ ก่อนจะคิดอะไรต่อผมรีบวิ่งออกจากที่ตรงนั้น ย้อนศรและข้ามถนนเรียกแท็กซี่ โชคดีที่รถอีกฝั่งไม่ติด ผมหันกลับไปมองเห็นพี่พตวิ่งตามมา
            “ไปเร็ว ๆ!!! ผมโดนตาม!!!”คิดอะไรไม่ออก แท็กซี่รีบพุ่งตัวออกไปข้างหน้า รอจนผมสงบก่อนแล้วจึงถาม
            “จะให้ผมไปส่งที่ไหนครับ โรงพักไหม?”ผมหอบหายใจเสียงดัง ใจยังสั่นระรัวไม่ตอบอะไรแท็กซี่ แต่ควักโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากดโทรหาอาเสือ
            “ว่าไงกาว”
            “อาเสือ”คำแรกที่พูดออกไปก็ร้องไห้โฮ
            “กาวเป็นอะไร?!?!?!?!”อาเสือรีบถามกลับมา
            “ช่วยกาวด้วย ๆ”ผมร้อง
            “กาวใจเย็น ๆ เป็นอะไร กาวอยู่ไหน!??!”ผมตอบไม่ถูกสายตาคอยมองแต่ถนนด้านหลัง กลัวว่าลุงจะย้อนรถกลับมาทัน
            “กาวไม่รู้...กาวจอดรถไว้ที่หน้าโรงพัก xx แล้วเจอลุงกับพี่พต”
            “มันทำอะไรกาว!!!”อาเสือเสียงดังขึ้น ได้ยินเสียงรอบข้างของพี่ติณฑ์และพี่หมวด
            “มีอะไรครับ เกิดอะไรขึ้น!?
            “กาวพูดกับอา มันทำอะไร!?
            “เขาบอกว่าจะพากาวไปโกดัง แต่กาวหนีลงจากรถเมื่อกี้”
            “สัส!!!”อาเสือสบถ
            “กาวกลัว...”
            “แล้วตอนนี้กาวอยู่ไหน อาจะไปรับ”
            “กาวอยู่บนแท็กซี่”
            “อาจะไปรับ...กาวไม่ต้องวางสายนะครับ”
            “อื้อ”ผมบอกที่ที่จะไปและอาเสือก็ขับรถมารับที่ครึ่งทาง ทันทีที่เข้าไปสู่อ้อมกอดหนาก็รู้สึกอุ่นใจได้ทันที
            “กาวต้องรีบกลับบ้าน ลุงกับพี่พตไม่หยุดแค่นี้แน่....”
            “อืม”อาเสือ พี่ติณฑ์ พี่หมวด ก็กลับพร้อมกันด้วยพี่หมวดช่วยขับรถผมกลับมา ตอนที่มาถึงสุดาก็วิ่งออกมาหาหน้าตาตื่น คนอื่น ๆ ก็ไม่ต่างกัน
            “มีอะไร!”อาเสือกวาดสายตามองรอบ ๆ 
            “เอ่อ คุณพตมาค่ะ...จะเข้ามาที่นี่ให้ได้”
            “ฮึ่ม!!!”ผมได้ยินแค่นั้นก็วิ่งเข้าไปหาแฝด เห็นยังนอนหลับอยู่แต่มะนาวนั่งกอดเลม่อนบนโซฟา พี่ติณฑ์เดินตามหลังเข้าไป เลม่อนก็กระโดดกอดเหมือนซึม ๆ
            “เขาเข้ามาได้รึเปล่า”ผมถามเสียงเรียบ
            “ไม่ค่ะ คุณนัยมาถึงพอดี...เลยห้ามไม่ได้เขาเข้ามาได้”
            “อืม”
            “ผมว่าไม่ปลอดภัยแล้วละ ถ้าไม่รีบจัดการสองพ่อลูกต้องหาเรื่องอะไรอีกแน่ หลักฐานที่มีมันเพียงพอแล้วละครับ ทั้งของกลางและพยานไหนจะมีคลิปอีก แค่นี้ก็ดิ้นไม่หลุดแล้ว”พี่หมวดบอก
            “ผมว่าเขาคงยังไปไหนได้ไม่ไกลหรอก มึงวางกำลังเลยหมวด...เอาให้ได้”พี่ติณฑ์พูดเสียงเครียด พี่หมวดรีบออกไปโทรศัพท์หาใครสักคน
            “ผมไปก่อนนะครับพี่เสือ แล้วจะรายงานผลมาอีกที”
            “ฝากด้วยนะ”อาเสือว่า ผมดึงมืออาเสือเข้ามาในห้องทำงานเพื่อที่จะถามไถ่สิ่งที่ได้รับรู้มา
            “กาวโอเคนะ”
            “อืม กาวมีเรื่องอยากรู้...อาเสือต้องตอบให้ตรงคำถาม แล้วก็ขอความจริง”ผมทำเสียงนิ่ง คนตัวโตทำหน้าเครียดจัด ก่อนจะดึงผมไปนั่งกอดที่โซฟาผมเอามือยันอาให้ออกห่างแล้วจ้องเข้าไปในดวงตากลมลึก
            “ลุงกับพี่พตทำอะไรทำไมถึงเป็นแบบนี้”อาเสือนิ่งเงียบไปชั่วครู่ก่อนถอนหายใจยาว
            “เขาขายหุ้นเครือบริษัทโดยไม่ผ่านบริษัทใหญ่ เขาตั้งใจจะโกงและยังตบแต่งตัวเลขบัญชีเพื่อถ่ายเงินไปยังบัญชีดำอีกด้วย เขาสองคนติดการพนัน”
            “นานเท่าไหร่แล้ว?
            “หลายปี”
            “เงินปันผลของครอบครัวกาวที่ทุกคนในครอบครัวควรจะได้รับจากบริษัท ลุงกับพี่พตมีสิทธิ์ใช้เงินตรงนั้นได้ พอ ๆ กับกาว...ทำไมอาไม่ให้ไป”
            “เขาใช้จนยอดเงินมันแดงแล้วกาว...อาเซ็นอนุมัติให้ไม่ได้อีก หนี้พนันสูญไปเป็นสิบ ๆ ล้าน เอาเงินบ่อนโน้นมาโปะเงินบ่อนนี้ และยังค้าของเถื่อนอีกถูกจับได้ไปครั้งนึง ได้เงินมหาศาลกว่าจะปิดเรื่องเงียบได้ ยังมีหน้ามาทำตัวแบบนี้อีก”อาเสือกอดเอวไว้หลวม ๆ
            “ทำไมอาเสือไม่บอกกาวสักคำ เงินส่วนของกาวให้เขาไปได้ไหม”
            “ใจดีแบบนี้กับคนอื่นที่ไม่ใช่อาเสมอเลยนะ”
            “เพราะเขาเป็นครอบครัว”ผมเอ่ยเสียงเบา
            “เคยเป็นต่างหาก ตอนนี้กาวเป็นครอบครัวของอาแล้ว กาวไม่ได้ใช้เงินปันผลส่วนนั้นเพราะอารวมเงินของกาวไว้กับบัญชีอา”ผมก้มหน้าถอนหายใจ
            “ลุงกับพี่พตอยากได้อะไรอีกเงินก็ได้ใช้เต็ม ๆ บริษัทก็ได้ตั้ง บริษัท บ้านคุณย่าก็ได้...เขาต้องการอะไร?
            “อาให้กล้าช่วยคุยกับเจ้าของบ่อนว่าติดหนี้เท่าไหร่ ดูเหมือนทางนั้นจะกำลังล่าตัวสองคนนี่แทบพลิกแผ่นดินทีเดียว ประพตไม่ใช่คนที่กาวคิดอีกต่อไปแล้วนะ”
            “...................................................”ความคิดแตกเป็นสองฝั่ง ฝั่งพี่พตก็ความคิดหนึ่ง ฝั่งอาเสือก็ความคิดหนึ่ง ดูเหมือนทุกคนต่างโจมตีเรื่องที่ไม่ดีของอีกฝ่าย
            “อาเสือฆ่าอาม่านรึเปล่า?”น้ำตาผมไหลพราก ถามถึงเรื่องนี้ขึ้นมาอีกครั้ง อาเสือกระชับกอดแน่นไม่ให้ผมลุกหนีไปไหนได้
            “ลุงบอกว่าอาเสือฆ่าอาม่าน แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นใหม่อะไร...ตอนนี้กาวแค่อยากรู้ว่าอาทำแบบนั้นทำไม”
            “กาว....”เป็นเรื่องที่พูดยากทีเดียว อาเสือเงียบไปอีกครั้งจนกระทั่งอาโชติเดินเข้ามาบอกเรื่องคดีที่มีคนวางยาอาเสือและคนที่ปล่อยงูเข้ามา ดูเหมือนว่าจะเป็นผู้ว่าจ้างคนเดียวกัน
            “เดี๋ยวจะมีคนของทางการกับทนายเข้ามานะครับ”อาโชติบอก อาเสือพยักหน้า
            “พี่พตเหรอ!?!??! คนที่สั่งให้เอางูมาปล่อยคือพี่พต!??!?!?! แล้วคนที่วางยาตอนนั้นก็พี่พต?!??!”ผมร้องอย่างตกใจ
            “ไม่น่าเชื่อใช่ไหม...”รู้สึกเหมือนควันพวยพุ่งออกจากหู อาโชติบอกว่าหลักฐานทุกอย่างกำลังถูกรวบรวมและส่งให้ศาลออกหมายจับ
            “กาวอยากจะเขา...”
            “กาว!!!!
            “เขาจะทำแบบนั้นทำไมเพราะเขาเกลียดอาเสือเหรอนั่นลูกกาวเป็นหลานเขานะ....เขาเคยดีกับกาวมาตลอด ทำไมถึงจะมาทำร้ายกาว”
            “เพราะมันจนตรอกแล้วน่ะสิ มันทำได้ทุกอย่างเพื่อจะสร้างความเจ็บปวดให้อา”อาเสือกัดกรามแน่น แววตาเบิ่งโพลงอย่างเสือดุร้าย        
            “อะไรบ้างที่จะทำให้อาเจ็บปวด?”ผมต่อ
            “กาวก็รู้ กาวกับลูกเป็นทุกอย่างของอา...”
            รวมทั้งอาน้ำมนต์ด้วยรึเปล่าอาเสือผมคิดแต่ไม่ได้ถามออกไป ในเมื่อหลักฐานมันชัดขนาดนี้ผมคงไม่มีปัญญาไปปกป้องคนผิดอีก ปล่อยให้กระบวนการยุติธรรมทำหน้าที่ อาม่าน...กาวไม่รู้เลยระหว่างอาเสือกับฝั่งลุงใครกันแน่ที่มีความโลภมากกว่ากัน?
            ออกมาดูสองแฝดและพยายามเล่นกับลูก ขณะที่อาเสือ พี่ติณฑ์ก็คุยงานในห้องทำงานอย่างจริงจัง อาฐาโทรมาบอกว่าจะมาอยู่เป็นเพื่อนแต่อาเสือห้ามเอาไว้ กลัวว่าอาฐาจะได้รับอันตรายไปด้วย ผมทราบจากมะนาวว่าลุงโกงสินค้าจากบริษัทพี่ติณฑ์ไปหลายสิบล้าน เรื่องนี้อาเสือก็เพิ่งมารู้เหมือนกัน พี่ติณฑ์ไม่เคยบอกเพียงแต่ทำเรื่องแจ้งหนี้อยู่เป็นระยะ จนกระทั่งเห็นว่าหากปล่อยไว้นานจะไม่ได้การแก้ไขจึงดำเนินเรื่องตามขั้นตอน ผ่านทนายและมีธนาคารเข้ามาเป็นตัวกลางการประนอมหนี้
            “แอ๊ ๆ”เลม่อนนอนเล่นกับน้อง เจ้าตัวพยายามจะใส่ถุงเท้า ถุงมือและหมวกให้น้องแต่ดูเหมือนแฝดจะรำคาญเลยร้องไห้บอกอาการ
             “ม่อนอย่าไปวุ่นวายได้ป่ะ!?”นาวเหวี่ยงหลาน
            “ม่อนแค่จะใส่หมวก”
            “น้องมันรำคาญไม่เห็นหรือไง”
            “นาวรู้ได้ไง”
            “ก็น้องร้องขนาดนั้น มานี่...”เลม่อนงอน เอาหมวกออกแล้วนอนเล่นกับน้องเงียบ ๆ ในตอนเย็นอานัยขับรถตามพี่ติณฑ์ไปส่งถึงบ้าน และพี่หมวดก็ได้เข้ามาคุยกับอาเสืออีกครั้ง
            “ผมว่าพี่น่าจะออกจากกรุงเทพฯ ไปสักอาทิตย์”
            “ทำไมละหมวด?”อาเสือถาม
            “ผมกลัวเด็ก ๆ จะได้รับอันตราย”
            “แต่ที่นี่บ้านเราแท้ ๆ นะ”
            “ถ้าพี่อยู่เขาก็ไม่โผล่ออกมาง่าย ๆ หรอกครับ แต่ถ้าพี่ไปเขาต้องอยากรู้แน่ว่าพี่ไปไหน จริงไหม?
            “นายไม่คิดว่ามันจะตามฉันหรือยังไง?
            “ผมให้คนจับตาดูไว้ทุกทางแล้ว แค่รอจับอย่างเดียวไว้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผมเถอะ พากาวกับเด็ก ๆ ไปพักผ่อน”
            “นายแน่ใจแค่ไหนหมวด”
            “แน่ใจมากว่าเขาต้องบุกมาที่นี่แน่นอนครับ”
            “เพราะอะไร?”อาเสือถามเสียงห้วน พี่หมวดหันมาสบตากับผม
            “พี่ก็รู้ เขาต้องการกาวไว้เป็นเครื่องต่อรองกับพี่ ถ้าเขาได้กาวไปแล้วเรียกร้องให้ทุกอย่างเป็นโมฆะ เวลานั้นเราจะไม่เหลืออะไรเลยนะครับ”
            “มันจะไม่ได้อย่างที่ต้องการ!!!”อาเสือกัดฟัน เราตัดสินใจออกจากกรุงเทพฯไปที่อื่นสักพัก อานัยกับลูกน้องจะขับรถตามไปด้วย ส่วนอาโชติจะอยู่จัดการที่นี่
            “คุณกาวคะ...เอาผ้าห่มไปด้วยนะคะ”สุดาช่วยจัดของ ส่วนใหญ่เป็นของแฝดที่ต้องเตรียมไปให้ครบ ผมรีบเข้ามาจัดของตัวเองแล้วจัดการลูกทั้งสองคน
            “ผมจะไปส่งพี่ถึงก่อนออกนอกเมืองนะ หลังจากนั้นพี่ก็ระวังด้วย...”พี่หมวดบอก
            “อืม”ไม่รู้ว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกหรือผิดแต่ผมพร้อมจะออกไปกับอาเสือ จุดมุ่งหมายที่เราจะไปเป็นจังหวัดเดียวกับที่ถูกระบุในจดหมายของอาน้ำมนต์ ความจริงอีกอย่างที่ผมไม่เคยรู้....
           
 

50%
“ทำไมสเกลโยเยจังฮะ”ผมพูดขึ้นตอนที่อาเสือกำลังจัดของลงจากรถ โดยมีลูกน้องช่วยอีกสองคน ของที่รีบขนกันมาส่วนใหญ่มีแต่ของแฝดและเยอะอย่างกับจะย้ายบ้าน เราได้บ้านพักแห่งหนึ่งใกล้กับชายหาด พื้นที่โดยรอบมีต้นไม้ขึ้นปกคลุมเขียวชอุ่มทั่วบริเวณ บ้านหลังนี้พี่กล้าเป็นคนจัดหามาให้อย่างเร่งด่วน อีกไม่กี่วันพี่เขาคงจะมาหาที่นี่
            “เอารถไปไว้ที่โรงแรม ส่วนนายสองคนก็รออยู่ในเมืองแล้วกัน มีอะไรจะโทรเรียก”อาเสือว่า
            “ครับ”
            “ไปเถอะ ฉันจะจัดการต่อเอง”
            “ครับ”ลูกน้องออกไปกันแล้ว ผมปูเบาะที่พื้นห้องนอนแล้ววางสกายนอนลงให้หลับต่อ ส่วนสเกลเริ่มร้องไห้
            “ทำไมละน้องเกล หม่าม๊าพาเดินดูรอบ ๆ นะ...โอ้โห บ้านสวยจังเห็นไหม”
            “แง๊ ๆๆๆๆ”ร้องไม่หยุดจนผมทนไม่ไหว ต้องยกโทรศัพท์หาทามอย่างเร่งด่วน
            “ฮัลโหลทาม เกลเหมือนจะไม่สบายเลยพี่ควรทำยังไง”
            “พี่กาวถึงที่นั่นแล้วเหรอฮะ”
            “อืม ถึงเมื่อสักพักนี่เองมาถึงสเกลก็ร้องไห้ไม่หยุด”
            “พาไปรพ.ดีกว่าพี่กาว เด็กเล็กแบบนี้เดินทางตั้งไกล...ยังไงไปหาหมอก่อนดีที่สุด แล้วสกายละฮะ”
            “สกายนอนหลับพี่แยกเกลออกมากลัวจะติดไข้กัน โอเค เดี๋ยวพี่มีอะไรจะโทรหานะ”
             “ครับผม”ผมนั่งหลบมุมเอานมให้เกลดูด เจ้าตัวเล็กดูดใหญ่หยุดร้องไห้แต่ยังมีน้ำตาเปรอะที่นัยย์ตา
            “กาวหิวรึเปล่า อาจะสั่งอาหารมาให้”อาเสือเดินเข้ามา ทำให้ผมต้องรีบหันหนี
            “อาเสือออกไปก่อนกาวให้นมลูกอยู่นะ!
            “ขออาดูด้วยไม่ได้หรือไง เห็นมาหมดแล้วจะอายอะไร”
            “กาวไม่อยากให้ดู ออกไปเดี๋ยวนี้”ทำเสียงแข็งขู่ อาเสือหัวเราะก่อนเดินออกไป จะให้ดูได้ยังไงเล่ามันน่าอายจะตาย
            “แอ๊”สเกลมองหน้าผมตาแป๋ว
            “ตัวดีกินไว ๆ เลย หม่าม๊าจะพาไปโรงพยาบาล”ผมรู้สึกว่าน้องเกลจะตัวร้อนขึ้นด้วย ตอนนี้ร้อนใจมากรีบให้ทานนมเสร็จก็จับเช็ดตัว
            “อาเสือ”
            “ครับ”อาเสือโผล่หน้าเข้ามา แต่เห็นผมไม่ได้ให้นมลูกแล้วจึงเดินเข้ามาหา
            “น้องเกลตัวร้อน”ผมบอกเสียงสั่น คนตัวโตนั่งทรุดตัวลงแล้วเอามืออังหน้าผาก
            “ไปโรงพยาบาลไหม?”อีกคนเอ่ยถาม ผมจ้องหน้าอาเสือแล้วพยักหน้ารัว ๆ ยังจัดบ้านไม่เสร็จก็ต้องมีเหตุให้ออกไปข้างนอกแล้ว อาเสืออุ้มสกายใส่คาร์ซีทเจ้าตัวเล็กเลยรู้สึกตัวต้องรีบเอานมให้ดูดก่อนจะหลับไปอีกที ส่วนสเกลต้องอุ้มกอดเอาไว้
            “ชู่วววววววววว”ผมกล่อมเกลให้นอน พอมาถึงรพ.แห่งหนึ่งได้เข้าห้องตรวจและพบคุณหมอก็ได้รับคำแนะนำว่าเด็กเล็กต้องการการปรับตัวไม่ควรให้เดินทางไกล ให้นอนพักผ่อนก็จะดีขึ้นไม่ต้องทานยา ทำเอาโล่งใจกันทั้งผมและอาเสือ ก่อนกลับบ้านผมให้อาเสือเข็นลูกไปที่รถก่อนและบอกว่าจะไปเข้าห้องน้ำ แต่จริง ๆ แล้วผมไปสอบถามกับทางนางพยาบาลว่ารู้จักโรงพยาบาลชื่อนี้ไหม และตั้งอยู่ที่ไหนก็ได้ข้อมูลมาอย่างละเอียด
            “โอ๊ะตื่นแล้วเหรอครับ...ยิ้มด้วย!?! อารมณ์ดีเหรอน้องกาย?”รอยยิ้มลูกทำให้ผมหายเหนื่อย กลับบ้านจับน้องเกลกล่อมนอน อาเสือแยกสกายไปเลี้ยงข้างนอกพอเกลนอนหลับผมก็ออกไปทานข้าวแล้วก็เล่นกับสกาย
            “อยากให้อาทำอะไรอีก?”อาเสือถาม ผมอมยิ้ม
            “ล้างขวดนมได้ไหมละ?
            “ได้สิ!!”อาเสือรับคำท้า ถ้าไม่ให้เอาสุดามาอาเสือก็ต้องรับหน้าที่ ล้างขวดนม ต้มน้ำสุก ซักเสื้อผ้าของเราสามคน ของผมเอาลงเครื่องได้แต่ของลูกต้องซักมือเท่านั้นผ้าอ้อมเยอะด้วยคริคริคริ
            “แอ๊ ๆ ๆ”สกายดิ้นตามเพลงในทีวีจนผมกับอาเสือหัวเราะ สเกลนอนไปได้แปบเดียวก็ร้องไห้จ้า ต้องเอาออกมาเล่นข้างนอก
            “ชอบเพลงนี้กันใช่ไหมหืม?”ผมจำชื่อเพลงไว้เดี๋ยวเปิดในโทรศัพท์ให้ฟังดีกว่า เดินมาจัดของเด็ก ๆ ให้เข้าที่ก่อน อาเสือเดินมารวบเอวกอด
            “มีอะไรอยากคุยกับอาไหม?
            “มีเยอะเลย”อาเสือเอาหน้าซุกที่ลำคอก่อนจูบเล็ก ๆ
            “กาวรอลูกนอนก่อน...”
            “ครับ”เลี้ยงแฝดโดยลำพังเป็นงานที่ไม่ยากเกินไปสำหรับผม แต่การที่ต้องทำอะไรเองหลาย ๆ อย่างพร้อมไปด้วยโดยไม่มีสุดาก็ทำให้ผมน้ำตาไหลเพราะความเหนื่อยได้เหมือนกัน อาเสือล้างขวดนมแต่ไม่ยอมต้มให้ดีที่รู้ตัวก่อน ผมสอนให้อาเสือใช้เครื่องต้มขวดนมลูก เป็นครั้งแรกเลยทีเดียวที่อาเสือต้องหยุดฟังผมบ้าง
            ในตอนกลางคืนหลังจากที่แฝดหลับแล้ว ผมออกมาคุยกับอาเสือในห้องรับแขก แต่ก็ไม่ได้เปิดไฟสว่างทั่วห้อง เพราะกลัวเด็ก ๆ ตื่น เสียงเพลงขับกล่อมนั่งทำหน้าที่ของมัน ผมเปิดเบาให้มันคลอกล่อมไปเรื่อย ๆ
            “เรื่องพี่พตกับลุงเป็นเรื่องจริงใช่ไหม ที่บอกว่าเขาเล่นการพนัน”
            “อาบอกกาวไปแล้ว มีหลักฐานและพยานด้วย...”ผมพยักหน้าเรื่องนี้เข้าใจดีแล้ว เพราะอาเสือได้อธิบายให้ฟังโดยละเอียด อีกทั้งมีพวกพี่ติณฑ์ อาฐาด้วยทำให้เรื่องที่ว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าเคลือบแคลงสงสัยอะไร
            “ทรัพย์สินของอาม่านกับของส่วนกลางครอบครัวกาว อาเสือคืนมันให้กาวได้ไหม?
            “กาวอยากได้มันคืนเหรอ?
             “อืม ทั้งหมดที่ยังพอจะเหลือ...กาวอยากได้มันทั้งหมด”
            “เพราะ?
            “เพราะมันเป็นของกาวโดยชอบธรรม”
            “แล้วเราไม่ได้เป็นผัวเมียกันเหรอ? ถ้าอาให้กาวหมดแล้ว...แล้วกาวทิ้งอาละ?”คนโหดทำเสียงอ้อน เราคุยกันเสียงไม่ดังการนั่งหันหน้าเข้าหากันแบบนี้ก็ดี
            “ตลก!
            “หึหึหึ ไม่วางใจให้อาดูแลแล้วใช่ไหม”
            “ไม่ใช่ไม่วางใจ ถ้ามันมีปัญหากับเงินตรงนี้มากก็บริจาคไปซะจะได้ไม่ต้องมามีปัญหากัน”
            “กาวรู้ไหมมูลค่ามันเท่าไหร่ ถ้ามันบริจาคได้ง่ายขนาดนั้นพ่อแม่กาวคงไม่ได้ต้องตาย...”อาเสือหลุดออกมา ผมนั่งหลังตรงทำตาเบิ่งกว้าง รวบมืออาเสือมาจับ???
            “อาหมายความว่ามันไม่ใช่อุบัติเหตุใช่ไหม???”อาเสือเงียบ
            “ไม่บอกเหรอ?”บีบปากอาเสือ อาหนุ่มจับมือผมออกแล้วก้มลงมาจูบ
            “ไม่ต้องมาจูบกาว!!!
            “นิดเดียว”
            “ไม่ให้!!!!!
            “อึ่บ!”อาเสือยกตัวผมขึ้นไปนั่งตัก
            “อย่านะ!”เสียงสั่นเมื่อคนตัวโตชักเลยเถิดล้วงมือเข้าใต้เสื้อ
            “เรื่องบางเรื่องอาไม่อยากให้กาวจำ เวลามันล่วงเลยป่านนี้แล้ว...ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะกลับไปรื้อฟื้น”ผมเอียงตัวเข้าหาอาแล้วจิกหูสองข้าง
            “ก็มันคาใจกาว...”
            “กาวรู้ก็ไม่มีประโยชน์ทุกอย่างมันจบไปแล้ว”
            “แต่กาวก็ยังอยากรู้”ผมบอกเสียงเบา
            “อาไม่อยากให้กาวรู้”อาเสือตอบกลับมา ผมผลักตัวคนตัวโตนอนลง
            “อาเสือบ้า!!!!”อีกคนหัวเราะเสียงเบาดึงผมลงไปนอนแนบชิด บรรยากาศดึงเราทั้งคู่จมอยู่ในความรู้สึกวาบหวาม อาเสือขอทำทั้ง ๆ ที่ผมยังไม่อนุญาต ได้แต่หวังว่าลูกคงไม่ตื่น!!
           
            ตอนเช้าผมจับเด็กแฝดอาบน้ำทีละคน อากาศที่นี่ดีเพราะมีฝนชุกเด็ก ๆ นอนฟังเสียงฝนกันเพลินเลยทีเดียว อาเสือตื่นมาช่วยด้วย ผมยังเขินกับเรื่องเมื่อคืนเลยไม่กล้าสบการสักเท่าไหร่ ทั้งที่อีกฝ่ายหยอกให้อายตั้งแต่เช้า
            “สกายเอาน้องไหมครับ?”อาเสือเริ่ม ผมยังนิ่งทาแป้งและแต่งตัวให้สเกล ไม่ใส่แพมเพิร์สหรอกจะหมดแล้ว และไม่อยากให้เด็ก ๆ อึดอัด
            “แอ๊ แอ๊..”
            “เอาเหรอป๊าต้องถามหม่าม๊าก่อนว่าเมื่อคืนที่ทำมันจะติดไหม?
            “อาเสือพูดอะไรน่าเกลียดให้ลูกฟังเล่า!!!”ผมปรามจนอาเสือหัวเราะ เด็ก ๆ เลยยิ้มตามไปด้วยความอารมณ์ดี
            “ลูกอยากได้น้องแล้วอ่ะ คืนนี้ซ้ำอีกสักทีนะ”
            “คนบ้า!”ผมเดินหนีออกมาในครัว จัดการเอาน้ำต้มสุกที่เย็นดีแล้วมาให้เด็ก ๆ อยู่กันทั้งวันแบบนี้ก็ดีถึงจะเหนื่อยไปหน่อย เสียงกรุ๊งกริ๊งของเล่นดังเป็นระยะ เด็กแฝดหันหน้ามาหากันแล้วเหมือนจะคุยกัน ผมกับอาเสือรีบหยิบกล้องมาถ่ายด้วยความขำ
            นอนใกล้กันไม่ได้และต้องใส่ถุงมือไว้ตลอดไม่งั้นได้เจ็บตัวแน่
            “เดี๋ยวลูกหลับแล้วกาวจะออกไปข้างนอกนะ”ผมบอก อาเสือขมวดคิ้ว
            “ไปไหน?
            “แพมเพิร์สหมด สุดาไม่ได้เอาเบบี้ออยมาให้ด้วย...”
            “ออกไปเลยไหมละอาจะพาไป”
            “ไม่ต้องหรอก อาเสืออยู่กับลูกเถอะกาวไปแปบเดียว”
            “งั้นกาวจดมา...อาออกไปซื้อให้เอง”
            “ไม่เอา!”ผมร้องอย่างมีพิรุธแต่ยังทำหน้าเนียน
            “กาวอยากไปซื้อของใช้ของตัวเองด้วย”
            “อะไร?”อาเสือจับจ้องสายตาอย่างกับผมเป็นผู้ต้องหา ผมเลื่อนตัวเอามือป้องหูแล้วกระซิบ
            “ยาคุม”
            “หึหึหึหึ ไม่ต้องคุมถ้าเขาจะมีอีกก็ปล่อยให้มา”
            “กาวยังไม่พร้อม!!!!”ผมทำท่าทีสบาย อยู่เล่นกับเด็ก ๆ รอจนกระทั่งได้เวลานอนก็เตรียมตัวออก
            “อาเสือจะกินอะไรไหม?
            “อืม แล้วแต่กาวเลยอยากจะให้อาบำรุงอะไรก็ซื้อเข้ามา”
            “คนบ้า!
            “แล้วรีบไปรีบกลับนะครับ”
            “กาวเอาโทรศัพท์อาเสือไปนะ ของกาวใช้เปิดเพลงให้ลูกฟัง อาเสืออย่าลืมเก็บผ้าที่ตากข้างหลังด้วยถ้าฝนตก”
            “ครับ ๆ หม่าม๊าสั่งจัง...”คนตัวโตออกมาส่งหน้าบ้าน ผมขับรถออกมาตามทางที่ได้ทำการจำต่อหน้านี้แล้ว ผ่านห้างสรรพสินค้าที่ตั้งใจจะมาตั้งแต่แรกมุ่งหน้าตามหมายเลขเส้นทางที่ได้จดจำไว้ก่อนหน้า รพ.ที่มีคนสำคัญอยู่ที่นั่น จริง ๆ แล้วอาน้ำมนต์อยู่ในประเทศใกล้กันแค่นี้ แต่ไม่ยักมีข่าวออก ทางเข้าค่อนข้างห่างไกลจากถนนเมื่อไปถึงก็เห็นเป็นตึกเหมือนรพ.ทั่วไป เพียงแต่พื้นที่สนามมีรั้วกั้นนั่นทำให้ผมพอจะเดาออกได้ลาง ๆ ว่ามันคงไม่ใช่โรงพยาบาลสำหรับรักษาโรคทั่วไป
            การติดต่อขอเข้าพบเป็นเรื่องยากและผมก็ต้องระวังตัวเอง นางพยาบาลสอบถามอยู่หลายครั้งจนทำให้ผมหงุดหงิด ทีแรกเธอไม่ยอมบอกว่ามีอาน้ำมนต์อยู่ที่นี่ด้วยซ้ำ
            “ไม่ทราบว่าคุณเป็นอะไรกับคุณ....คะ”เธอไม่เอ่ยชื่อ
            “ญาติครับ”
            “ปกติคุณ...ไม่เคยมีคนมาเยี่ยม ไม่ทราบว่าคุณ...”
            “ผมเพิ่งกลับจากเมืองนอกเลยเพิ่งได้มา...”ผมตอบ เมื่อเธอสอบถามหลายสิ่งแล้วแต่ก็ยังไม่สามารถให้พบเข้าไปด้านในได้
            “ต้องขอโทษด้วยนะคะ เราต้องแจ้งทางเจ้าของคนไข้ให้ทราบก่อน เธอเป็นเคสพิเศษน่ะค่ะ”
            “เชิญครับ”ผมพยักหน้า ก่อนจะเดินห่างออกมา โทรศัพท์ในกระเป๋าสั่นเมื่อมีคนโทรเข้า ผมหันกลับไปมองนางพยาบาลกลุ่มนั้น แล้วทำเป็นเดินดูโน่นดูนี่ทั่ว ๆ
            “ครับ”
            “เอ่อ ท่านคะ ดิฉันสุปภาจากโรงพยาบาล xxx มีเรื่องจะแจ้งให้ทราบค่ะ”
            “ครับ”ผมตอบสั้นที่สุด
            “มีคนมาขอพบคุณ.....เอ่อ เขาบอกว่าเป็นญาติน่ะค่ะ”
            “อ่อ”
            “ยังเด็ก ๆ อยู่เลยค่ะ ไม่ทราบว่าท่านจะได้จัดการอย่างไรดีคะ”
            “ฉันรู้แล้ว ให้เขาพบได้”ผมทำเสียงเข้มอย่างอาเสือ
            “ค่ะ ๆ งั้นดิฉันจะขอประวัติเขาไว้นะคะ”  
            “อืม”วางสายไปแล้ว ผมยังยืนอยู่บอร์ดกระดานอยู่อีกสักครู่ มีเจ้าหน้าที่มาขอหลักฐานไปตรวจสอบแต่ผมบอกว่าไม่ได้เอาบัตรประชาชนมา แต่ยินดีจะให้ชื่อและเบอร์โทร
            หลังจากนั้นก็ได้เข้าไปด้านในตัวตึก ในนั้นถูกแบ่งเป็นห้องและไม่มีคนไข้อยู่เลยนอกจากพยาบาลที่ประจำอยู่แต่ละชั้น ผมเดินตามไปเรื่อย ๆ จนถึงห้องหนึ่ง เหมือนทุกก้าวที่เดินมีฉากของความมืดมนเดินนำหน้า ความจริงทุกอย่างอยู่แค่หลังบานประตู ผมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะเปิดประตูเดินเข้าไป
            หญิงสาวหน้าตาสระสวยคนที่เคยเป็นนางแบบชั้นนำเปลี่ยนไปมาก แต่ก็ยังเหลือเค้าโครงเดิมให้พอจะจำได้ หญิงสาวผอมกว่าภาพความทรงจำของผมจะเริ่มทำงาน
            “สะ สวัสดีครับ”ผมเริ่มเอ่ยทักทาย พร้อมสังเกตคนตรงหน้า เธอใส่ชุดคนไข้ที่มือข้างหนึ่งถูกพันธนาการไว้ติดกับขอบเตียง
            “บางทีเธอก็อาละวาดค่ะ”
            “เธอเป็นอะไรครับ?”ผมเอ่ยถามขณะที่น้ำตาตัวเองไหลพรากสองข้างแก้ม
            “ช็อคจากการกระทบกระเทือนทางจิตใจค่ะ”คำตอบของนางพยาบาลทำให้ผมนิ่งเงียบ ค่อย ๆ เดินเข้าไปหาและสบตากับคนที่นั่งเหม่อลอย
            “จำผมได้ไหม?”ผมถามแต่ไร้ซึ่งคำตอบ
            “เธอจำอะไรไม่ได้มานานแล้วค่ะ”เป็นคำตอบจากนางพยาบาลอีกหน
            “มีทางจะรักษาเธอให้หายไหมครับ”
            “ตอนนี้เธอดีขึ้นมาแล้วนะคะ แต่ก็จำอะไรไม่ได้เหมือนเดิม คงต้องใช้เวลาเยียวยาเธอน่ะค่ะ”
            “ผมขออยู่ตามลำพังสักครู่ได้ไหมครับ”ผมหันไปขอร้อง นางพยาบาลหลุบตาต่ำก่อนจะพยักหน้า
            “เธอลุกจากเตียงไม่ได้ แต่ถ้าเธออาละวาด...คุณกดปุ่มนี้ได้เลยนะคะ”
            “ครับ ขอบคุณครับ”ผมรอให้เธอออกไปแล้วจึงเดินมานั่งเก้าอี้ตรงหน้าอาน้ำมนต์
            “จำผมได้ไหม...ผมกาวไง หลานอาม่าน”
            “ม่าน ม่าน ม่านเหรอ”
            “ฮะ อาม่านแฟนอาน้ำมนต์ไง จำได้ไหม”ผมถาม
            “ไม่นะ เมื่อวานไปตลาด”เธอตอบเบี่ยงไปอีกทาง ซึ่งไม่ตรงกับคำถามที่ผมถาม
            “ไม่ฮะ ๆ อาม่านจำได้ไหม...อาม่าน”ผมส่งสายตาคาดหวังไปให้
            “ม่าน”
            “ฮะ ม่าน”
            “ม่าน ม่าน...คนทรยศ!”สายตาเธอแข็งกร้าวขึ้น พยายามกระโจนมาหาผมแต่ติดที่ข้อมือนั่น ตุ๊กตาเด็กที่วางอยู่ข้างเตียงเกิดตกลงข้างล่าง
            “ลูก!!! ลูก!!!!”เธอเริ่มกรีดร้องแล้วผมก็ตกใจมาก ตอนแรกจะวิ่งแต่ตั้งสติได้ก็ก้มลงไปหยิบแล้วส่งให้
            “ลูกอาเหรอครับ”
            “ลูก ลูก”
            “ชื่ออะไรครับ”
            “กาว”คำตอบของเธอทำให้ผมนิ่ง
            “ทำไมถึงชื่อกาวละครับ?”ผมรีบถาม
            “พ่อชอบชื่อ ชอบลูก ชอบ ๆ”คำตอบวกไปวนมา แต่ทำให้ผมรับรู้ความรู้สึกของอาม่านผ่านสิ่ง ๆ นี้
            “แล้วพ่อไปไหนครับ”ผมถามต่อ อาน้ำมนต์ชะงักจ้องมองผมเนิ่นนานทีเดียว
            “เขาไปแล้ว ฉันฆ่าเขา”คำตอบนั้นเหมือนค้อนที่ทุบดังปั๊กกลางหัว ผมขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม
            “อาฆ่าเหรอ?
            “ใช่ ตายไปซะ!! หึหึหึหึ”
            “อาฆ่าอาม่านทำไม!?!?!”ผมแทบจะกรีดร้องเสียสติตามเธอไปอีกคน ตัวเองร้องไห้พร้อมถอยกรูดหลังติดข้างฝา
            “ฆ่ามันมันทรยศ!! หึหึหึหึ”
            “อาฆ่าอาม่าน!?!?!?
            “หึหึหึ สมน้ำหน้ามัน มันกับชู้ฆ่าลูกชั้น!!!!”แววตาเธอเบิ่งโพลงขึ้นน่ากลัว สีหน้าแลดูสะใจกับสิ่งที่ทำ ขณะที่ผมปิดปากแล้วกลั้นสะอื้น
            “ชู้งั้นเหรอ? อาม่านไม่เคยมีชู้...”
            “พี่ชายมันไง หึหึหึหึ”ตัวผมชาวาบตั้งแต่หัวจรดเท้า เรื่องจากปากคนบ้าแค่คนเดียวแต่มีน้ำหนักมากกว่าช้างเป็นตัน มันตรึงผมไว้ราวกับโซ่ตรวนของความบัดซบ (ของใครสักคน)
            “พี่ชาย”เสียงผมแหบแห้งกว่าที่เคย มันจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเค้าซึ่งเป็นคนสุดท้ายในครอบครัว น่าแปลกที่บ้านผมไฟไหม้และเขาก็รอดตาย แม้กระทั่งยายเล็กหรืออาม่านเสีย แต่เขาก็ยังรอด ดูเหมือนปาฏิหาริย์จะเข้าข้างเขาซะจริง
            “มันนอนกับพี่ตัวเอง...มันฆ่าลูกชั้น!!!”เธอย้ำ ๆ พร้อมทำท่าทาง
            “หึหึหึ สมน้ำหน้า หึหึหึ”
            ผมหมดแรงจะยืนทุกอย่างมันหนักเกินไป อาม่านกับลุงงั้นเหรอทั้ง ๆ ที่อาม่านมีอนาคตที่ดีและมีคู่หมั้นที่ดีงั้นเหรออาม่านที่แสนดีจะเป็นคนร้ายได้ยังไงหลายคำถามมากมายในหัวเราะ แต่ผมอ่อนแรงเกินกว่าจะควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป ผมยื่นมือไปคว้าปุ่มแล้วกดเรียกนางพยาบาล ก่อนสติตัวเองจะดับลง
         
             “กาว....”เสียงเรียกอบอุ่นของคนคุ้นเคย ผมค่อย ๆ ลืมตาเมื่อเห็นว่าเป็นใครก็ร้องไห้โผกอดเต็มแรง
            “ไม่เป็นไรนะ ๆ”อาเสือกอดปลอบอยู่นาน ผมมองซ้ายขวาจึงรู้ว่าตัวเองอยู่บ้านแล้ว
            “ทางโรงพยาบาลโทรมา อาให้ลูกน้องมันกลับมาอยู่บ้านถัดจากเรา มีอะไรจะได้เรียกหาง่าย ๆ”
            “กาวขอโทษ”ผมบอกเสียงสั่น กอดอาเสือเต็มแรง
            “อาเสือไม่เคยบอกกาว”ผมตัดพ้อ เรื่องที่รับฟังมาจะเชื่อได้แค่ไหนไม่รู้ แต่ผมก็ดันเชื่อคนบ้าซะนี่
            “เรื่องมันทุเรศเกินกว่ากาวจะรับรู้ อาบอกแล้วไง...บางเรื่องไม่จำเป็นต้องรู้มันหรอก”
            “อาเสือช่วยเขาใช่ไหม”ผมประคองหน้าเข้มถาม อาเสือพยักหน้า
            “อาเสือรักเขาจริง ๆ ด้วย”ผมครางเสียงสั่น
            “อาช่วยเพราะอาคิดว่าอารัก แต่อาก็ได้คำตอบแล้วว่าอาไม่ได้รักเขาอาแค่สงสาร”
            “รู้ตอนไหน ตอนกาวมาอยู่ด้วยหรือว่าเพิ่งรู้”ผมรีบถาม
            “รู้ตอนที่มีเด็กคนนึงกำลังจะเห็นภาพไม่น่าดู เด็กคนนั้นกรีดร้องบาดหัวใจอามาก...อารู้ว่ากาวโดนอะไรมาเยอะ อาหลงรักเด็กดื้อแต่ถ้าบอกอะไรไปกาวจะต้องไม่ฟังและต้องทำเรื่องอะไรที่รุนแรงแน่ ๆ”
            “ใช่ ถ้ารู้ก่อนหน้านี้กาวคงจะฆ่าอาน้ำมนต์ได้ง่าย ๆ ฆ่าลุงด้วยพวกเขาทำกันได้ยังไงเรื่องนี้มันทุเรศชัด ๆ อาน้ำมนต์มีลูกเหรอ กาวเห็นเขาอุ้มตุ๊กตาแล้วบอกว่าลูก”ผมถามต่อ
            “อืม”
            “แล้วทำไมเขาถึง....”
            “น้ำมนต์แท้งก่อนหน้านั้น พอเธอรู้ว่าลุงของกาวเป็นคนสั่งให้จัดการเธอ เธอก็ตามล่าตัวทั้งสองคนทันที ถ้าน้ำมนต์มีลูกม่านก็ต้องแต่งงานและทรัพย์สินมันก็ต้องถูกแบ่งออกไปอีก เธอไม่ได้เจตนาจะทำร้ายอาม่าน...อาคิดว่าอย่างนั้น”อาเสือเสียงแหบ
            “เพราะอะไร?
            “เพราะเธออยากฆ่าลุงกาวต่างหาก...แต่กระสุนดันไปถูกม่านเสียชีวิต น้ำมนต์ช็อคมากพอ ๆ กาว แต่ที่ไม่เหมือนคือกาวยังเยียวยาได้ แต่เคสของน้ำมนต์หมอยังบอกว่ายาก”
            “ครอบครัวเขารู้ไหม?
            “อืม”
            “รู้ตลอดเลยเหรอ?
            “อืม เขาย้ายไปต่างประเทศกันหมด ไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้อีก”
            “แล้วเขามาหาอาน้ำมนต์บ้างไหม”
            “มาสิ ปีละครั้ง”แค่นั้นเองเหรอผมรับฟังด้วยความหดหู่
            “แล้วพี่พตรู้ไหมว่าพ่อตัวเองกับน้องชายมีความสัมพันธ์กัน?”ผมถามแต่คนตัวโตกลับถอนหายใจ
            “ประพตเป็น....ชู้กับน้ำมนต์”อาเสือตอบช้า ๆ ผมลุกเบิ่งตากว้าง คนตัวโตพยักหน้าเล็กน้อยแล้วกอดผมเอาไว้ เรื่องนี้ซับซ้อนและยากเกินกว่าจะทำใจ
            “ถ้าอาไม่รีบจบเรื่อง...กาวก็ต้องมีรอยแผลในใจ อาจะปล่อยให้คนรักเป็นฆาตกรฆ่าคนได้ยังไงละ”
            “ตอนนี้กาวแค้นมากทั้ง คนเลย แค้นจนอยากจะฆ่าเลยทีเดียว”
            “แล้วลูกจะอยู่กับใครครับกาว?”ผมเงียบนั่งจิกมือตัวเองเมื่อไม่มีคำตอบให้อาเสือ
            “แอ๊ แว๊ แว๊!!!!!!”เสียงร้องไห้จากในห้อง ทำให้ผมสะดุ้งสุดตัววิ่งเข้าไปหาสเกล สกายแล้วอุ้มขึ้นมา เด็กน้อยตื่นมาไม่เห็นใครก็จะร้องเรียกเป็นปกติ พอได้อุ้มก็หายสะอื้นทันที
            “ตื่นแล้วเหรอครับ ฟอดดดดด”ผมกอดกายแน่น อาเสือมาอุ้มสเกลและเอาน้ำให้ดื่มทุกครั้งที่ตื่นนอน
            “เล่นงอแงและหลับไปสองรอบแล้ว กาวไม่กลับมาสักทีจนทางโรงพยาบาลโทรเข้าเบอร์กาว”
            “ขอโทษนะครับลูกรัก หม่าม๊าทำอะไรไม่คิดอีกแล้ว...”
            “แล้วไม่ขอโทษอาบ้างเลยเหรอ รู้ไหมว่าอาเป็นห่วงมาก”อาเสือทำหน้าเข้ม ผมยื่นหน้าเข้าไปจุ๊บเบา ๆ
            “ไว้คุยเรื่องนี้กันต่อนะ”ผมบอก อาเสือพยักหน้าดึงผมเข้าไปกอด
            “กรรมกำลังทำหน้าที่ของมัน อาไม่อยากให้กาวเข้าไปยุ่ง เราก็มีชีวิตของเราไม่เกี่ยวกับเขาแล้ว”
            “ไว้ค่อยคุยกัน”ผมย้ำอีกที ไม่อยากคุยเรื่องนี้ให้เด็ก ๆ ฟัง อาเสือเดินมากอดให้กำลังใจ และช่วยกันเลี้ยงเจ้าแฝด      



ครบ 100 แล้ว
พยายามที่จะไม่ให้เรื่องมันหนักเกินไป
อาจไม่ถูกใจฮาร์ดคอร์ดราม่า ^^

เรื่องบางเรื่องมันยังไม่จบและรอการเฉลย
หวังว่าตอนหน้าจะผ่านฉากโหดไปไว ๆ
TT

คอมเม้นด้วยนะฮับ จุ๊บ ๆ 

4 ความคิดเห็น:

  1. อื้อหือ เรื่องมันไม่สมควรให้กาวรู้จริงๆแหละ ทั้งเป็นชู้ มั่วทั้งพ่อทั้งลูก ลุงชั่วนั่นเคยเกือบทำร้ายกาวด้วยนะ โชคดีที่อาเสือไปช่วยทัน ตัวลูกก็เลว สมควรที่กาวจะเกลียดจนอยากฆ่า อาเสือดีมากอ่ะ ยอมโดนกาวเข้าใจผิดว่าร้ายมาตั้งนานเพื่อปกป้องไม่ให้กาวเสียใจ พลาดทำอะไรสิ้นคิดลงไป ถ้ากาวรู้ความจริงก่อนหน้าจะมีแฝดกาวได้อาละวาดฆ่าพวกนั้นจริงๆแน่

    ตอบลบ
  2. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ