วันอังคารที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ตอนที่ 43 สมาชิกใหม่ 100%









ตอนที่ 43 สมาชิกใหม่
            มีคนทำงานหามรุ่งหามค่ำและไม่ยอมกลับบ้านมาเป็นเวลา อาทิตย์แล้ว อาเสือมีงานที่ต้องบินตลอด ทั้งสวนสนุกที่เปิดโซนใหม่ และร่วมลงทุนธุรกิจกับอารามที่สิงค์โปร ตอนกลางวันไม่ได้คุยกันเลยผมเข้าใจ แต่กลางคืนเวลาที่ควรจะพักผ่อน อาเสือกลับโทรมาหาแค่ครั้งสองครั้งเท่านั้นเอง
            ผมไม่ได้ไปฝึกงานนานแล้วแต่ได้ทำเรื่องไปทางอาจารย์ที่ปรึกษา ท่านรับทราบและเข้าใจดี หลังคลอดถ้าไปไหวผมอยากจะเข้าไปฝึกงานให้เสร็จ ส่วนไอ้โรลได้คุยกันบ้างไม่ทุกวันแต่บ่อยกว่าอาเสือแน่นอน ส่วนไอ้บอลเมื่อวานมันก็เพิ่งจะซื้อผลไม้มาเยี่ยม
            ทุเรียนเป็นลูก!? ลำบากสมหมายต้องแกะแถมผมยังกินไม่ได้ สุดท้ายเสร็จมันกับป้า ๆ แม่บ้าน ซื้อมาเพื่อถ่ายลง IG อวดเพื่อนแท้ ๆ ว่าได้มาเยี่ยมและมีของมาฝากกวนตีนจริง ๆ
            ผมใช้เวลาว่างที่มีเดินซื้อของแม้ว่าจะทำให้ลำบากมากขึ้นก็ตาม แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้การอยู่บ้านเฉย ๆ อาจทำให้ผมฟุ้งซ่านเป็นประสาทหรือบ้าตายได้ เกือบทุกวันจะต้องออกไปชอปปิ้งแก้เซ็ง แต่ของที่ซื้อไม่ใช่ของผมหรอก ของเจ้าตัวเล็กนี่ต่างหาก
            การอดใจไม่ให้ซื้ออะไรที่ต้องการทั้งหมดเป็นเรื่องยากเพราะถ้าวันนี้ซื้อได้ครบแล้ว...พรุ่งนี้ก็จะไม่มีของให้ออกมาดูอีกต่อไป โชคดีที่อาโชติเข้าใจและพยายามพาไปร้านต่าง ๆ ตามแต่สถานที่ วันนี้ก็เพิ่งไปซื้อพวกถุงเท้ามา แม้สุดาจะบอกว่าเด็กเล็กยังใช้ไม่ได้ก็ตาม เห็นแล้วมันอดใจไม่ไหวนี่...ผมไม่เคยรู้สึกว่าการเลือกถุงเท้าเด็กมันจะสนุกขนาดนี้ วันนี้ได้แค่ถุงเท้ามา 10 คู่ แล้วก็สมุดสำหรับบันทึกเด็กแฝดสักหน่อย กลับมาบ้านผมก็ขลุกอยู่กับการตกแต่งหนังสือของตัวเอง เอารูปอัลตร้าซาวน์ที่ได้มาแปะและเขียนอะไรไว้เล็กน้อย
            “จะนอนรึยังคะ?”สุดาเปิดประตูเข้ามาเลย ผมปิดสมุดแล้ววางไว้บนโต๊ะอย่างเดิม
            “อืม”
            “เหมื่อยตัวรึเปล่าทำไมทำหน้าอย่างนั้นละ”
            “เปล่า แค่รู้สึกกลัว....”ผมบอกพร้อมทำหน้าหวั่นวิตกเล็กน้อย เอามือลูบท้องมนของตัวเอง สุดาเข้าใจได้ทันทีก่อนจะมานั่งยอง ๆ ตรงหน้า
            “สุดาอยู่นี่แล้ว จะอยู่เป็นเพื่อนคุณกาวเองนะคะ...”
            “อื้อ”ผมยิ้ม บีบมือกับสุดาเหมือนกับการขอกำลังใจ อาโชติเคาะประตูแล้วโผล่หน้าเข้ามา
            “ยังไม่นอนเหรอครับ”
            “กำลังจะนอนค่ะ”
            “เป็นอะไรรึเปล่า?”อาโชติถามเหมือนสุดา ทำเอาผมยิ้มออกมาจาง ๆ
            “คงกลัวแล้วก็ตื่นเต้นน่ะค่ะ ใกล้จะถึงวันคลอดแบบนี้...ยิ่งตื่นเต้นใช่ไหมคะ”
            “อื้อ”ผมตอบสั่น ๆ หัวใจตัวเองเต้นดังตึก ๆ เหมือนกลองที่ถูกตีสะบัดรัว อาโชติยื่นโทรศัพท์มาให้ผม
            “คุณเสือจะคุยด้วยครับ”บอกแค่นั้นทำเอาผมยิ้มในใจ สุดารู้ทันแต่ไม่ล้อให้เขิน
            “สุดาจะเข้ามานอนด้วยตอนคุณกาวหลับแล้วกันนะคะ”ผมพยักหน้า อาโชติช่วยประคองให้นอนลงอยู่ในท่าที่สบาย เอาหมอนรองท้องให้อย่างดีรวมถึงห่มผ้าให้อีกด้วย ผมรอทั้งสองคนออกไปจึงค่อยคุยกับอาเสือ
            “ฮัลโหล”
            “....................................”อาเสือเงียบ
            “ไม่ได้ยินเหรอ ฮัลโหล?”ใจแป้วทันที ผมมองหน้าจออาเสือยังอยู่ในสายแต่ไม่มีเสียงพูดตอบกลับมา
            “อากำลังยิ้มเพราะได้ยินเสียงกาว”เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น ผมก็ยิ้มเช่นเดียวกันแต่ทำไมต้องเกร็งก็ไม่รู้ อาเสือไม่เห็นสักหน่อย
            “ไม่กลับบ้านไม่ต้องมาพูดเลย”
            “อาทำงานไงครับ”
            “แต่ก็ไม่โทรมาหาเลย”ตัดพ้อน้อยใจที่สุด พูดถึงตรงนี้น้ำตาไหลออกมาด้วยความน้อยใจแต่ก็สะกดไว้ไม่อยากให้อาเสือรู้ อีกฝ่ายนึงเงียบก่อนจะเอ่ยขึ้น
            “ร้องไห้รึเปล่าอาขอโทษ...อารันงานยังไม่ได้พักเลย”ผมนิ่ง
            “วันนี้ทำอะไรมาบ้าง ได้ออกไปซื้อของรึเปล่า”
            “อืม ซื้อถุงเท้า”
            “อย่างเดียวเหรอ แล้วทานข้าวเยอะไหมครับ”
            “อืม”ผมยังร้องไห้ไม่เลิก พยายามกลั้นสะอื้นตัวเองเต็มที่
            “เด็กดื้อของอาเป็นเด็กดีใช่ไหม”
            “อื้อ ฮึก”หลุดออกไปนิดนึง ผมเม้มปาก
            “ร้องออกมาเลยไม่ต้องกลั้น อารักกาวนะ...ทำงานหนักเพื่อจะได้หยุดอยู่กับกาวแล้วก็ลูกไงครับ”
            “ฮึก ๆ ๆ”ผมร้องออกมาจริง ๆ ให้ตายเถอะ...รู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอชะมัด อาเสือรอจนผมร้องไห้เสร็จจึงพูดต่อ
            “ดีขึ้นไหม?
            “ดีขึ้น”ผมตอบออกไป
            “คุยต่อไหมครับ หรือว่าจะนอนแล้ว”
            “คุยต่อ!”ผมทำเสียงดังจนอาเสือหัวเราะ
            “ครับ ๆ คุยกันต่อนะ...ลูกเป็นยังไงบ้าง”
            “ก็เหมือนจะตัวใหญ่ขึ้นมั้ง ไปหาหมอเมื่อวันอังคารหมอก็บอกว่าน้ำหนักกาวขึ้นเยอะเลย เวลาเดินก็ลำบากมาก ๆ หมอบอกให้เตรียมตัวบางทีอาจจะคลอดก่อนกำหนด”ผมเล่าให้ฟัง
            “เรื่องนี้ช่วงโชติรู้แล้วใช่ไหม”
            “ครับ อาโชติก็เข้าไปฟังด้วยกัน”
            “กาวต้องดูแลตัวเองดี ๆ นะครับ นี่สุดาเข้ามานอนทุกวันไหม”
            “เดี๋ยวก็คงเข้ามา รอให้กาวนอนก่อน”
            “ดีแล้ว มีอะไรก็เรียกสุดาเลยนะครับ”
            “อาเสือ...”
            “หืม น้ำเสียงกาวงัวเงียมากเลยนะเนี่ย”
            “เมื่อไหร่จะกลับ...”ผมถามเสียงเบา
            “ใกล้เสร็จแล้วครับ...คืนนี้มีประชุมวางแผนงานเสร็จอาก็จะกลับเลยนะครับ”
            “ตอนนี้อาเสืออยู่ไหน”ผมถามด้วยความไม่รู้จริง ๆ อาเปลี่ยนสถานที่บ่อยจนไม่แน่ใจว่าตอนนี้อยู่ไหนแน่
            “เชียงใหม่ครับ อาอยู่ใกล้กาวแค่นี้เอง...รออานะครับ”
            “อาเสือกลับมาเร็ว ๆ ได้ไหม...กลับมาคืนนี้เลยนะ”
            “อายังไม่รู้ว่าจะเสร็จกี่โมง แต่อาจะกลับคืนนี้นะ...คิดถึงกาวกับลูกจนทนไม่ไหวแล้ว”
            “จริงนะ กลับมาจริง ๆ นะ”ผมบอก
            “กาวเป็นอะไรรึเปล่า กาวไม่เคยอ้อนอาขนาดนี้เลยนะ...เป็นอะไรครับ”
            “กาวไม่รู้...มันรู้สึกแปลก ๆ อาเสือกลับมานะ”
            “ครับ เด็กดื้อนอนได้แล้ว...อาสัญญาว่าตื่นมาเด็กดื้อจะเจอหน้าอาแน่นอน”
            “โอเค”ผมยิ้มออกมาได้
            “จุ๊บอาหน่อย...”
            “จุ๊บ”ผมทำเสียงใส่ลงไป ทำเองก็เขินเอง (กูเป็นเอามาก!)
            “ปะป๊ารักมะม๊ามาก ๆ ๆ ๆ ๆ นะครับ”
            “อื้อ”
            “เปิดเสียงให้ลูกฟังด้วย อาอยากคุยกับลูก”ผมกดเปิดเสียงลำโพงดัง
            “เปิดแล้ว”
            “นอนหลับนะครับเด็กน้อย เดี๋ยวปะป๊าจะรีบทำงานแล้วรีบกลับนะครับ จุ๊บ ๆ”ผมหัวเราะออกมาเบา ๆ เพราะเด็กสองคนนี่ใช่ไหม ทำเอาผมกับอาเสือเป็นบ้ากันได้ขนาดนี้ ให้ตายเถอะเขินจนสั่นไปหมด
            “นอนได้แล้วครับกาว...”
            “อื้ม วางสายเลยนะ”
            “ไม่ต้องกดวาง...อาจะรอจนกาวหลับ หลับตาหรือยัง?
            “หลับแล้ว...”
            “นอนนะครับคนดี...ไม่ฝันร้ายแล้วนะ อาซื้อของฝากไปให้กาวเพียบเลย ของขวัญวันเกิดบอลที่กาวให้อาซื้อ...อาก็ซื้อมาแล้ว กลับไปจ่ายเงินอามาด้วยนะ”
            ผมหัวเราะแต่ตายังหลับ
            “ทำไมยังมีเสียง?
            “ก็อาเสือพูดตลกนี่!
            “ชู่ว ชู่ว หลับได้แล้ว...เดี๋ยวอาโทรไปให้สุดาเข้ามานอนด้วยเลย”
            ผมไม่ตอบเพราะเริ่มจะหลับลึกลงไปทุกที เคลิ้ม ๆ กำลังสบายก็รู้สึกตัวว่าสุดามาเอาโทรศัพท์ออกจากมือ ผมลืมตามองยังพอมีแสงไฟสลัว
            “นอนนะคะ สุดากับพี่อูนอนเป็นเพื่อน”เสียงกระซิบเบา ๆ ผมรู้ว่ามีสองคนอยู่ในห้องด้วยก็อุ่นใจ หลับไปอีกครั้งด้วยความเหนื่อยล้าจริง ๆ

            ตื่นขึ้นมาตอนเช้าตรู่ ผมพยายามจะลุกขึ้นเองแต่มีมือหนามาประคองไว้เสียก่อน ตวัดสายตามองหน้าก็ทำให้ต้องโผกอดอย่างแรง
            “อาเสือ!!!!
            “หึหึหึ ฟอดดดดด...ตื่นแล้วเหรอ”
            “กลับมาเมื่อไหร่?
            “เมื่อเช้า”คำตอบของอาเสือทำให้ผมหันไปมองนาฬิกาโดยอัตโนมัติ ตอนนี้เป็นเวลาเจ็ดโมงนิด ๆ
            “เช้ากี่โมง?
            “ตีห้า”
            “แล้วได้นอนรึยัง?”ผมรีบถาม อีกคนส่ายหน้าแต่ยังยิ้มให้พร้อมจุ๊บที่ปากและพุง
            “งั้นก็นอนสิ...”ไม่อยากสบตาอาเสือเลย สายตาเหมือนนึกขำผมตลอดเวลา
            “อากำลังจัดของเข้าที่ ซื้อของมาแล้วทำไมวางไว้บนโต๊ะแบบนั้นครับ โต๊ะทำงานอามีแต่ของลูกวางเต็มไปหมดเลย ทำไมไม่ให้สุดามาเก็บเข้าชั้นไว้ก่อน”
            “กาวบอกให้สุดาวางไว้เอง กาวอยากเห็น...”
            “อาจะให้คนมาเอาโต๊ะไปไว้ห้องทำงานอย่างเดิม แล้วเอาตู้ที่สั่งมาใหม่วางของให้ลูกดีไหม”
            “ดี”ผมยิ้มกว้าง
            “เอาโซฟาตัวนั้นออก จะได้มีพื้นที่อีกกว้าง...เอาไว้ประกอบเตียง ห้องข้างล่างนี้ก็เอาไว้เลี้ยงลูกเลยแล้วกัน”
            “โอเค กาวชอบโซฟาตัวนี้นะ...แต่คิดอีกทีเอาออกไปเลยก็ได้”
            “เดี๋ยวอาพาเข้าห้องน้ำ...”
            “ไม่ต้อง กาวไปได้น่า”ผมหูแดงขึ้นมาทันที
            “ไปนอนเลย...”
            “ให้กาวไปทานอาหาร อาค่อยกลับมานอน”ผมส่ายหน้าไม่ยอม คนตรงหน้าโยกหัวผมน้อย ๆ เดินไปเรียกสุดาเข้ามา
            “งั้นอานอนนะครับ”
            “อื้อ”ตอบอย่างว่าง่าย ก่อนเดินเข้าไปทำธุระส่วนตัว...วันนี้รู้สึกเจ็บแปลก ๆ จะว่าคิดไปเองก็ไม่ใช่ มันเริ่มรู้สึกเกร็งและปวดชานิ้วเท้า ผมพยุงตัวเองมาจนถึงห้องอาหาร ป้านิดยกข้าวออกมาให้คงเห็นผิดสังเกตจึงถามขึ้น
            “เจ็บท้องรึเปล่าคะ????”ป้านิดถามเสียงดัง สุดาวางตะกร้าผ้าแล้ววิ่งมาหาทันที
            “เจ็บเหรอคะ”
            “มะ มะ ไม่รู้”ผมตอบ จับที่ท้องตัวเอง พี่อูมองที่ใต้โต๊ะแล้วเงยหน้าขึ้นมาอีกรอบ
            “น้ำคร่ำยังไม่แตกเลย”พี่อูพูด สุดาถลามานวดมือนวดแขน ป้านิดก็เอาทัพพีไปวางหน้าเคาท์เตอร์บาร์
            “ไอ้อูไปเรียกคุณโชติเร็ว ๆ”
            “จะไปรพ.เลยเหรอป้า?”พี่อูถาม
            “เจ็บมากไหมคะเจ็บยังไง”สุดาถามเสียงร้อนรน
            “เจ็บ...แต่ไม่มาก”ผมบอกออกไปทั้งที่เหงื่อผุดตามหน้าผากแล้ว
            “ทานข้าวไหวไหมคะ...ทานก่อน”ผมพยักหน้าแล้วจับช้อน คราวนี้ทั้งสมหมาย ทั้งอาโชติ อานัย และคนอื่น ๆ ยืนล้อมวงผม
            “ไปที่อื่นกันก่อนสิ กาวกินข้าวไม่ลง”ผมต้องบอกออกไปแบบนั้น ถึงจะแยกย้ายกันออกไปแต่ผมรู้ว่าทุกคนก็กำลังเตรียมตัวอยู่นั่นแหละ สุดามานั่งเป็นเพื่อนคงเพราะไม่เป็นอันทำงานแล้ว
            “ไม่เป็นไรน่า...”
             “ไปหาหมอเลยนะคะ คุณท่านอยู่พอดี”
            “อาเสือนอน กาวไม่เป็นไรหรอกน่า”สุดาไม่ฟังคำพูดผมละ ยื่นมือมาจับท้องและนวดขาให้ ผมก็นั่งตักข้าวกินไปเรื่อย รู้ว่ามันเริ่มเจ็บแต่ก็ไม่รู้ว่าต้องเจ็บประมาณไหนถึงจะเรียกว่าจะคลอด นี่มันก็ยังไม่ถึงกำหนดคลอดด้วยอีกตั้งเดือนโน่นแนะ
            “เหงื่อออกเต็มเลยค่ะ”
             “เป็นแบบนี้แหละ ครั้งที่แล้วก็เจ็บแบบนี้”
            “เจ็บหลายครั้งแล้วเหรอคะ?”สุดาทำเสียงตกใจ
             “ก็สองสามครั้งได้แล้ว...”ผมบอก
            “ห๊ะ!? แล้วไม่เห็นบอกใครเลยละคะ???”ผมก็ตกใจเสียงสุดาเหมือนกัน
            “กะ กะ ก็มันก็เจ็บแปบเดียว...กาวไม่รู้อ่า”ผมทำหน้าเสียเลย
            “กาวคิดว่ามันปกติ”
            “โธ่คุณกาว มันไม่ปกติค่ะ...เป็นแบบนี้เค้าเรียกเด็กใกล้จะคลอด”
            “แต่วันที่ไปหาหมอ หมอไม่เห็นบอกเลยว่าจะคลอด”
             “แต่ก็บอกให้เตรียมตัวใช่ไหมคะ? ตอนนี้ยังเจ็บไหม”ผมพยักหน้า
            “สุดาจะไปตามคุณโชติแล้วกันนะคะ ยังไงก็ต้องไปรพ.ละ ปล่อยไว้ไม่ได้หรอก”ผมเห็นด้วย สุดาไปเรียกอาโชติเข้ามา ก็โดนซักละเอียดทำอย่างกับเป็นหมอซะเอง อาโชติโทรไปหาหมอและหมอก็บอกให้รีบมารพ. ผมไม่ให้ปลุกอาเสืออยากให้อานอนพัก พอไปถึงก็ตรวจแล้วหมอก็ตรวจแล้วบอกว่าน่าจะเป็นเจ็บท้องหลอก ให้กลับบ้านได้แต่ถ้ามีน้ำไหลออกมาหรือเจ็บมากกว่านี้ให้รีบมารพ.ทันที
            กลับบ้านมาอาเสือก็ตื่นแล้วและถามไถ่ความเอาจากอาโชติ ส่วนผมก็ไปนอนพักในห้องรู้สึกว่าเริ่มปวดขึ้นมีอีกครั้ง แต่อยู่ในระดับที่ทนได้
            “อยากออกมาแล้วเหรอครับ”ผมคุยกับเค้าเสียงเบา อาเสือเข้ามาอยู่เป็นเพื่อนคอยบีบนวดเท้าให้เพราะมันชาบ่อยเหลือเกิน เหมือนวันทั้งวันจะเพิ่มความทรมานขึ้นเรื่อย ๆ ผมเริ่มเจ็บอวัยวะเพศทั้งหน้าและหลัง เจ็บมากกว่าที่เคยและทนไม่ไหวจนต้องเอ่ยปาก
            “กาวไม่ไหวแล้วอาเสือ”แค่นั้นรถและคนเตรียมพร้อมทุกเวลา อาเสือประคองจะเดินออกไปขึ้นรถ ผมรู้สึกว่ามันหน่วง ๆ แล้วก็มีมีน้ำไหลออกมาตามง่ามขา ตัวเองยืนขาสั่นแทบจะทรุดลงไปกับพื้น
            “น้ำคร่ำแตกแล้วค่ะ!!!!!”เสียงใครร้องไม่รู้ แล้วความโกลาหลก็เริ่มขึ้น อาโชติจอดรถไว้เอากุญแจรถไปวางไว้ไหนไม่รู้ ป้านิดก็ต้มน้ำเอาไว้วิ่งออกมาไม่ปิดแก๊สได้ยินเสียงพี่แม่บ้านตะโกนหม้อไหม้ ๆ อาเสือเองก็ยืนมึนแต่สุดท้ายก็อุ้มผมขึ้นรถ (ทั้งที่ก่อนหน้านี้บ่นว่าปวดหลังมาตลอดตอนให้นอนพื้น)
            “หายใจเข้าลึก ๆ นะ”ผมพยักหน้า กำมืออาเสือแน่น ใช้เวลาไม่นานถึงรพ.ทีแรกหมอจะไม่ให้อาเสือเข้า แต่อาเสือก็ใช้สิทธิ์การเป็นสามีเข้าไปด้วยกัน หมอตรวจแล้วลงความเห็นว่าต้องผ่าเอาเด็กออก กรณีของผมได้เป็นเคสตัวอย่างของทางรพ.ด้วย จึงมีหมอมาดูแลถึง คน สำหรับการผ่าคลอดครั้งนี้
            “อะ อาเสือ”
            “อาอยู่นี่ครับ...”
            “อยู่กับกาวนะ”
            “ครับ”
            นอนรอให้ยาชาตัวผมเย็นเฉียบด้วยความตื่นเต้นและกลัว หมอมาพูดคุยทำความเข้าใจกับอาเสือ ผมก็ฟังบ้างไม่ได้ฟังบ้างรู้เพียงแต่ว่ามีอาเสือมันก็อุ่นใจ เมื่อทุกอย่างพร้อมหมอก็เข้ามาคุยกับผมอย่างใจดี ให้อาเสือนั่งกอดผมเอาไว้ไม่ปล่อย ส่วนล่างลงไปไม่มีความรู้สึกและมีผ้ากั้นเอาไว้ไม่ให้มองเห็น
            ในห้องไม่มีเสียงอะไรเลย นอกจากเสียงหมอที่ชวนคุยเป็นระยะ
            “จะอ้วก”ผมบอก เมื่อมันเกิดอาการคลื่นไส้แปลก ๆ หมอให้ยาแก้คลื่นไส้จึงพอทุเลาลงไปได้บ้าง นอนรอไม่นานมีเสียงดังลั่นห้องคลอด
             “อุแว้ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ”ผมกับอาเสือมองหน้ากัน
            “ผู้ชายนะครับ...เหลืออีกคนนึง”
            “อุแว้วววววว อุแว้ววววววว”ผมยิ้มกว้าง ความเหนื่อยล้าทุกอย่างมันคลี่คลายออกหมดทันที
            “ผู้ชายครับ”หมอพูดอีก
            “สมบูรณ์ดีนะครับ”นางพยาบาลเอาผ้าห่อตัวแล้วเอามาให้ผมดู น้ำตามันไหลออกมาด้วยความตื้นตัน นี่เหรอคนที่อยู่กับผมมาตลอดหลายเดือน โอ๊ยยยย...ทำไมน่ารักแบบนี้ แต่ดูแปบเดียวเขาก็มาเอาออกไป ผมกระวนกระวายมาก อยากจะกระโดดจากเตียงนี่แล้ววิ่งไปเอาลูกผมคืนมา!! แต่มันไม่มีแรงแล้ว สลบไปด้วยความเหนื่อยล้าอย่างที่สุด  ตื่นขึ้นมีอีกทีก็เป็นสาย ๆ ของอีกวัน หมอเข้ามาถามอาการปกติแต่ผมอยากเห็นหน้าลูกมาก
            “ลูกละครับ”
            “อยู่ในห้องเด็กนะครับ แข็งแรงดีทั้งสองคนเลย น้องปรัชญา 2600 กรัม แล้วก็น้องปภาวิชญ์ 2400 กรัมนะครับ”
            “ปรัชญา ปภาวิชญ์?
            “คุณพ่อแจ้งชื่อไว้แล้วครับ”หมอบอกยิ้ม ๆ ผมก็พยักหน้า รู้ต่อมาว่าเด็กสองคนเกิดห่างกัน นาทีครึ่งได้
            “พยายามเคลื่อนไหวตัวเท่าที่จะทำได้นะครับจะทำให้แผลหายเร็วขึ้น แต่อย่าฝืนตัวเองเกินไปถ้ามีอาการปวดที่แผลก็แจ้งนางพยาบาลนะครับ”หมอบอกก่อนออกไป ผมหันไปหาสุดา
            “อาเสือไปไหน?
            “ไปดูลูกค่ะ...น่าชังมากกกกกกก”
            “สุดาไปบอกเขาให้เอาลูกมาหน่อยสินะ ๆ”ผมร้องจะให้อ้อนวอนทำอะไรก็ยอม
            “ค่ะ ๆ คุณกาวต้องเชื่อฟังหมอนะคะ”
            “รับรองเลย...นี่กาวก็ขยับตัวไม่ค่อยจะได้ จะให้ไปไหนละ”ผมบอก
            “งั้นรอเดี๋ยวค่ะ”พอสุดาจะออกไป คนก็โทรศัพท์เข้ามาเรื่อย ๆ ทั้งอาฐา เพื่อน อาจารย์ ถามเลขที่ห้องเพื่อจะมาเยี่ยมกัน
            “มีนักข่าวด้วยนะคะข้างนอก...แต่คุณท่านขอกั้นโซนนี้เอาไว้ ถ้าบุกเข้ามาต้องแย่แน่ ๆ”ผมขมวดคิ้ว
            “สุดาไปบอกเขาเอาลูกกาวมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!!!”ผมทำเสียงดุ จนอีกคนหัวเราะรีบเดินออกไปไม่พล่ามอะไรอีก
            ไม่นานอาเสือก็เดินเข้ามาก่อน ตามด้วยนางพยาบาลที่เข็นเด็กแฝดเข้ามา
            “ฟอดดดดดดด เด็กดื้อของอา”อาเสือกอด
            “มีอาการเจ็บแผลรึยังคะ”นางพยาบาลถามเสียงหวาน
            “ก็เริ่มเจ็บแล้วครับ”
            “เดี๋ยวจะเอายามาให้นะคะ คุณแม่อย่าขยับตัวแรงเกินไปนะคะ...เดี๋ยวแผลจะระบม”
            “ครับ”ผมรับคำ เอานิ้วเกลี่ยแก้มนิ่มของเด็กคนที่ตัวโตกว่า
            “ปรัชญาเป็นพี่...”
            “อาเสือไปเอาชื่อมาจากไหน?
            “อาโทรไปหาพระที่อานับถือมา สองชื่อนี้ดีเหมาะสมแล้ว...กาวชอบไหม”
            “ชอบมาก แปลว่าอะไร?
            “ปรัชญา แปลว่าความรักในความรู้ ปภาวิชญ์ หมายถึงความรุ่งเรืองของนักปราชญ์”
            “แล้วความรุ่งเรืองของนักปราชญ์คืออะไร?”ผมทำหน้างง
             “อืม น่าจะเป็นสติปัญญาละมั้ง อาเดานะ”คำตอบนั้นทำให้ผมยิ้มกว้าง
            “โอเค เอาชื่อนี้แหละดีแล้ว...แต่อาเสือยังไม่ได้ตั้งชื่อเล่นใช่ไหม”ผมเลื่อนมือไปจับอีกคนบ้าง นอนหลับอุตุเชียวนะที่ตอนอยู่ในห้องถีบผมจนเจ็บไปหมด
             “อารอกาวเนี่ยครับ...จะเอายังไง”ยังคุยกันไม่จบ นางพยาบาลเอายามาให้และขอเด็กออกไปไว้ในห้องเด็กทันที ผมไม่ยอมยังไงก็ไม่ยอมจนอาเสือปลอบ
            “กาวต้องนอนพัก เดี๋ยวให้ลูกออกไปก่อน...”
            “ไม่เอากาวไม่ยอม”ผมบอกอยากจะอาละวาดอีกแล้ว แต่ขยับตัวไม่ได้อย่างใจ
            “เอาลูกกาวมา!!!!
            “ถ้าเอาไว้เด็กจะไม่สบายนะ เค้ายังไม่มีภูมิต้านทาน”อาเสือทำเสียงดุ
            “ให้กาวตื่นอีกทีแล้วค่อยเข้ามาใหม่ก็ได้นะครับ”พยักหน้าและร้องไห้เงียบ ๆ อาเสือเข้ามากอด
            “หวงลูกจัง...”
            “ก็กาวรักเค้านี่”
            “แล้วรักอาไหม”อาเสือหลอกถาม ผมนิ่งไม่ตอบจนอาเสือหัวเราะ
            “เฮ้ออออ ชักน้อยใจซะแล้วสิ หึหึหึ เด็กดื้อนอนพักเลยครับ เดี๋ยวเพื่อนกาวกับอาจารย์จะมาเยี่ยม...ไหนจะอาฐาอีกต้องวุ่นวายแน่ ๆ ”
            “อืม”พูดแค่นั้นก็ชักอยากหลับขึ้นมา อาเสือไม่นั่งกวนผมอีกแต่เดินวนไปมาเข้าออกห้อง เห็นอาโชติเดินถือกล้องไปทั่ว ห้องข้าง ๆ มีประตูเชื่อมถึงกันในนั้นก็ได้ยินเสียงพูดคุยหลายคนอยู่ หลัก ๆ ก็น่าจะมีสุดา พี่อู ผมหลับไปอีกครั้งยังไม่ได้รับอนุญาตให้ทานอาหารมีเพียงน้ำเกลือประทังชีวิต (โถ น่าสงสาร)
            หลายชั่วโมงหลังจากหลับไปนั้น ตอนนี้ได้ยินเสียงคนพูดกันน่าจะไม่ต่ำกว่าสามคน ผมเดาก่อนลืมตาขึ้นมาเห็นเป็นหน้าน้องจีนยิ้มหวานให้ ตัวเองก็ยิ้มตามยื่นมือไปจับแก้มน้องเบา ๆ
            “ชู่ว ๆ ไม่เจ็บน้า”น้องจีนลูบแก้มผมกลับคืนมา ทำยังกับผมเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ ยังงั้นแหละ
            “พี่กาวตื่นแล้วเหรอครับ น้องจีนลงมา”ทามมาอุ้มน้องจีนลง แต่เจ้าตัวเล็กวิ่งมาปีนเก้าอี้นั่งอีกด้าน
            “เดี๋ยวน้องจีนทำแผลให้นะครับ”ผมหัวเราะสดชื่น
            “เจ็บแผลไหมครับ หมอมารอบนึงแล้ว...พี่ยังไม่ตื่น”
            “อาเสือละ?”ผมถามคำแรก
            “พากันไปดูน้องกับคุณฐาครับ”ทามบอก พอดีกับที่เสียงเปิดประตูเข้ามา
            “เฮ้ย ตื่นแล้วเหรอ!?!”ไอ้บอลมันทักเสียงดัง ตามด้วยเพื่อนคนอื่น ๆ เป็นสิบรวมทั้งไอ้มะนาวก็มาด้วย
            “อ้าว...มาด้วยเหรอทาม”มะนาวมันอุ้มหลานมาด้วย
            “พี่ม่อนนนนนนนนนนนนนน!!!!!”เลม่อนกับน้องจีนวิ่งกระโดดเล่นกันทันทีที่เจอหน้า
            “คุณเสือโทรไปบอกคุณฐาก็รีบออกมาเลยฮะ”
            เป็นเรื่องบังเอิญที่โลกมันแคบเพราะว่าอาฐากับอาเสือมีเพื่อนรุ่นน้องที่สนิทกัน คนแรกคือพี่กล้าคนนี้ทำธุรกิจด้วยกันปัจจุบันก็ยังทำอยู่เป็นโรงแรม พี่หมวดแวนเป็นตำรวจ พี่พุทก็เคยทำธุรกิจด้วยกันแต่นานมากแล้ว ตอนนั้นบริษัทเหมือนจะมีปัญหาอาเสือเลยเข้าไปช่วยร่วมหุ้น แต่พอบริษัทเริ่มไปได้สวยเขาก็ขอซื้อหุ้นออกไปทั้งหมด บริษัทก็เลยแยกจากกันโดยสิ้นเชิง คนสุดท้ายก็พี่ติณฑ์เป็นแฟนไอ้มะนาวนี่ไง
            “เป็นไงบ้างว่ะ เจ็บเปล่า”ไอ้คิ้วมันนั่งเตียงผมเลย ห้าวหาญมาก...ยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน ถูกคนรุมล้อมแต่มันก็มีความสุข
            “ก็เจ็บอ่ะ”ผมตอบ
            “เฮ้ย เดี๋ยวเล่ามาอย่างละเอียดเลยนะ...กูอยากรู้”มันพูด ผมหัวเราะ
            “เตรียมตัวเหรอมึงชาตินี้ยังมีหวังอยู่เหรอว่ะ”ไอ้บอลแซวทำเอาหัวเราะลั่นห้อง
            “ถามกูหรือถามตัวเองไอ้บอล?
            “โดนเข้าให้ กูบอกแล้วอย่าไปต่อปากต่อคำกับมัน”ไอ้กอล์ฟมันพูดพลางส่ายหัว
            “อ่ะ นี่ติดไว้ที่บอกว่าจะซื้อให้”ไอ้โรลยื่นหมอนมาให้ เป็นหมอนวางรองเวลาอุ้มเด็กกินนม ลายเสืออีกละนี่พวกมึงนึกอะไรกันไม่ออกแล้วใช่ไหม
            “เออ ขอบใจ”คนอื่น ๆ ก็มีของมาฝากเหมือนกัน แม้แต่ไอ้ชัดก็ตามก็มี มันก็เอาหนังสือของน้องมันที่เพิ่งคลอดลูกไปเมื่อปีที่แล้วมาให้อ่านด้วย
            “เฮ้ย ขอบใจมาก...เดี๋ยวเอาไว้อ่านเลยคืนนี้”ผมบอกอย่างดีใจ
            “เมื่อไหร่ออกจากโรงบาลได้ว่ะ”ไอ้คิ้วถาม
            “ไม่รู้อ่ะ ยังไม่คุยกับหมอเลย”
            “นี่เห็นหน้าลูกยังอ่ะ”ผมส่ายหน้า ไอ้คิ้วไปขอเด็กมาทันที...มันบอกว่าดีที่ลูกไม่ต้องเข้าตู้อบ พอเด็กเข็นมาถึงพร้อมอาเสือและอาฐา ผมขอให้ช่วยผมลุกขึ้นผมอยากอุ้มลูก วินาทีแรกมันแบบตื้นตันมาก อยากอุ้มพร้อมกันทั้งสองคนแต่ทำไม่ได้ ไอ้พวกเพื่อนนี่ก็ยุให้อุ้มค้างนาน ๆ เพื่อพวกมันจะได้ถ่ายรูป
            ผมอุ้มปรัชญา อาเสืออุ้มปภาวิชญ์ แล้วทุกคนก็หยิบมือถือมาถ่ายกันใหญ่เลย
            “ม่อนอยากอุ้มน้อง”เลม่อนขอและจะเอาให้ได้
            “น้องยังเล็กรอน้องโตก่อน”
            “ม่อนอยากได้น้อง!”เลม่อนเริ่มงอแง
            “ฮ่าฮ่าฮ่า เอาไงดีคุณอา...คุณหลานร้องละ”
            “มานี่ ๆ”ไอ้นาวอุ้มหลานไปนั่งตรงมุม น้องจีนก็เลยไปด้วย
            ผมอุ้มสลับกันทั้งสองคนหลับได้หลับดีจริง ๆ อุ้มแล้วมองไปด้วยพิจารณาทุกส่วน ปรัชญาตัวใหญ่กว่าปภาวิชญ์ และคนเล็กตัวแดงกว่า
            “พอแล้ว...”อาเสือบอก
            “ไม่เอา กาวอยากอุ้ม”อาเสือคอยช่วยอยู่ใกล้ ๆ กับสุดาแล้วก็ทาม
            “ตั้งชื่อเล่นหรือยังว่ะ”ไอ้นาวมันเอ่ยปากขึ้นบ้าง
            “ยังเลย...ชื่อไรดีว่ะ ใครมีไอเดีย”ผมถามพวกมัน
            “จะเอาประมาณไหนอ่ะ พ่อชื่อเสือ ลูกก็ต้องสิงห์ แล้วอีกคนก็กระทิง”ไอ้คิ้วพูดแล้วค้าง
            “คนสุดท้ายกูมิต้องตั้งว่า แRดเหรอ!? ชื่อสิ้นคิดอีกละ”ผมพูดทำหน้าแหยง ๆ หันไปมองอาเสือผู้ซึ่งเคยมีไอเดียนี้ คนอื่นไม่รู้ก็หัวเราะไปตามเรื่อง
            “เอาชื่อผลไม้ไหมละ แตงไท แตงกวา ขนุน น้อยหน่า พุทรา มังคุด ละมุด ลำไย.....”ไอ้บอลเล่นบ้าง แล้วทั้งห้องก็ต่อ
            “มะเฟื่อง มะไฟ มะกรูด มะนาว มะพร้าว ส้มโอ ฟักแฟง แตงโม ไชโย โห่ฮิ้ววววววววววววววววว”ฮิ้วกันดังไปหน่อย แฝดที่ผมอุ้มอยู่สะดุ้งเลย
            “ชู่ว ๆ”ผมส่ายตัวเล็กน้อย ประคองกอดไว้ให้เค้ารู้สึกปลอดภัย ไอ้พวกนี้หุบปากกันเลยทีเดียว
            “เด็กตกใจ ไอ้พวกเวร”ไอ้คิ้วด่า
            “ม่อนตั้งชื่อน้องไหม”โรลถาม เลม่อนยิ้มกระโดด
            “อยากให้น้องชื่ออะไรดีครับ”อาฐาถาม
            “ม่อนอยากให้น้องเป็นคร๊องก์ (ตัวละครโพโรโระ ที่เป็นโดโนเสาร์)
            “น้องจีนอยากให้น้องเป็นโพบี้ด้วย (ตัวละครโพโรโระ หมี)”น้องจีนพูดบ้าง
            “เย้ ๆ ๆ คร๊องก์ ๆ ๆ ๆ โพบี้ ๆ ๆ ๆ”เลม่อนกับน้องจีนกระโดดดีใจยังกับผมจะเอาชื่อนี้แล้ว
            “ฮ่าฮ่าฮ่า ก็เพราะดีนะ...คร๊องก์กะโพบี้”ไอ้กอล์ฟหัวเราะ
            “เก็บไว้ตั้งชื่อลูกมึงนะ”ผมบอก
            “อยากได้ชื่อประมาณไหนอ่ะ...จะได้ช่วยคิดถูก”
            “อืม ที่มีสอ.เสือ กับกอ.ไก่อ่า”ผมบอก ทำเอาเสือยิ้มออกมาได้ เราเปลี่ยนสลับกันอุ้มลูกบ้าง ผมอดใจไม่ไหวลงไปฟัดแก้มนุ่ม ๆ
            “สเก็ต กับ...สะ....”ไอ้นาวพูดมาได้ชื่อนึง ผมชอบนะ...แต่มันก็หยุดชะงักไปแล้วทำหน้านึก
            “สกล!”ไอ้ชัดโพล่งขึ้น ขำกร๊ากทั้งห้อง
            “เก็บไว้ตั้งชื่อลูกมึงอีกคนนะ...ฮ่าฮ่าฮ่า”ผมบอก 
            “สเกล สกาย สเปน....”
            “สป๊อง ฉลาดสุด ๆ”ทามพูดบ้าง ทุกคนหัวเราะแย่งกันตั้งชื่อใหญ่เลย ผมก็ปล่อยให้ตั้งกันไปเรื่อย ๆ ยังไม่ตกลงว่าจะชื่อไหนดี
            กำลังนั่งมองเพลินเจ้าตัวเล็กร้องอุแว๊ ๆ ออกมา ทำให้เลม่อนกับน้องจีนวิ่งมาดูอย่างสนใจ
            “ท่าทางจะหิวนม”ผมบอก ไม่รู้ว่าตัวเองรู้ได้ไง
            “กาวมีน้ำนมไหม”อาเสือกระซิบถาม
            “มันคัดเจ็บ ๆ แต่นมกาวไม่ได้ตั้งเต้านะ”ผมก็บอกเสียงเบาเหมือนกัน
            “ให้อาดูหน่อย”พูดติดตลก ผมแยกเขี้ยวใส่รอสุดาเรียกนางพยาบาลเข้ามา ต้องให้ทุกคนหยุดการตั้งชื่อไว้แต่เพียงเท่านี้ก่อน และเชิญแขกท่านผู้กวนตีนทั้งหลายไปอีกห้อง ฮ่าฮ่าฮ่า เพราะต่อไปนี้จะทำการให้นมลูกแล้วววววว
            ผมให้ออกไปทุกคนยกเว้นสุดาและอาเสือ ส่วนเลม่อนกับน้องจีนก็ทำเนียนใช้ความเป็นเด็กยืนดู นางพยาบาลมาช่วยให้คำแนะนำต่าง ๆ  เพราะผมอ้วนขึ้นเลยมีเนื้อตรงหน้าอกมากขึ้น แต่ไม่ใช่เป็นเต้าตั้งแบบของผู้หญิงทั่วไปนะ น้ำนมถูกผลิตออกมาโดยกลไกธรรมชาติ มันเจ็บเหมือนมีอะไรมาอุดแต่น้ำนมก็ไม่ออก นางพยาบาลก็ให้เอาลูกมาดูด ทันทีที่ปากน้อยแตะผมก็อายทันที เด็กน้อยดูดจ๊วบ ๆ ไม่นานมีน้ำนมออกมาจริง ๆ คราวนี้ไม่มีปล่อย สลับกันไปมาทั้งสองคน จนหลับไปอีก
            “จ๊วบ ๆ ๆ ๆ ๆ น้องกินนมอร่อย”เลม่อนไปทำท่าให้คนอื่น ๆ ดูทำเอาหัวเราะกันชอบใจ ไอ้พวกนี้มันจัญไรกันอยู่แล้ว เอาความไร้เดียงสาของเด็กไปหัวเราะกันเพลิน
            “คุณพ่อน้องจีนอยากดูดนมบ้าง”น้องจีนวิ่งไปหาทาม
            “ฮ่าฮ่าฮ่า น้องจีนโตแล้ว...น้องยังเด็กอยู่”ทามพูดไปหัวเราะไปผมเห็นทามหน้าแดงด้วยความเขิน เด็กแฝดกินนมเสร็จก็ถูกเข็นออกไปอีก ผมยังต้องนอนที่นี่อยู่อีกหลายคืน อาฐา ทาม น้องจีนก็นอนด้วยจองห้องไว้แล้ว
            ได้เวลาพักผ่อนหลังจากคนอื่น ๆ กลับไปห้องก็เงียบทันที อาเสือมีเตียงของตัวเองใกล้กับเตียงผม
            “พรุ่งนี้ก็ทานข้าวได้แล้ว...อยากทานอะไรดี”
            “อะไรก็ได้...”ผมบอก
            “กาวต้องทานเยอะ ๆ นะ...อาเห็นลูกดูดนมแล้วน่ากลัว”อาเสือหัวเราะ
            “กาวกินเยอะอยู่แล้วน่า”ผมเงียบก่อนจะตัดสินใจพูด
            “อาเสือ”
            “ครับ”เอามือป้องปากทั้งที่พวกอาฐา และบรรดาแม่บ้านรวมตัวกันอีกห้อง
            “คือว่าน้ำนมมันไหลไม่หยุดเลย”ผมบอก แหวกเสื้อให้อาเสือดู
            “กาวคงไม่ต้องใส่เสื้อในใช่ไหม?”อาเสือก็มองทำหน้าคิด ก่อนจะเดินออกไปถามนางพยาบาลซึ่งเดินมาให้ความรู้เต็ม ๆ อีกครั้ง ต้องมีการนวดแล้วก็ใช้การอาบน้ำร้อนเข้าช่วยด้วย
            นางพยาบาลเอาถุงร้อนมาให้ประคบ ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้เลยนะเนี่ย อาเสือเดินไปบอกว่าผมจะนอนแล้ว คนอื่น ๆ ก็แยกย้ายเข้าห้องพักที่จองไว้
            “อาเสือ...”
            “ครับ”
            “เอากระดาษมาซับให้หน่อย”ผมบอก เริ่มเหนียวตัวอาเสือซับให้ก่อนจะตัดสินใจเช็ดตัวให้ผมเลยดีกว่า
             “อาอยากชิม”
            “บ้า!”ผมร้องออกไป จ้องหน้าอาเสือแล้วหลบตา คนตัวโตเอานิ้วแตะแล้วจิ้มเข้าปาก
            “จืด ๆ ไม่มีรส”
            “อาเสือบ้า!”ผมด่าแก้เขิน คนตรงหน้าเปิดเสื้อแล้วก้มลงเอาลิ้นแตะเบา ๆ ผมเกร็งตัวสุดชีวิต เนื้อตัวสั่นเทาไปหมด
            “มีกลิ่นคาวนิด ๆ หวานมากกว่า”
            “พะ พะ พอเลย!”อาเสือยิ้มก่อนเลื่อนตัวมาจูบ
            “ขอบคุณครับที่ให้ของขวัญที่พิเศษที่สุดในชีวิตให้อา”
            “แล้วกาวไม่พิเศษเหรอ?”เอียงคอถามน้อย ๆ
            “พิเศษสิครับ ของพิเศษมาจากคนพิเศษของอา...”อาเสือพูดแบบนั้นทำให้ผมพอใจ
            “ของขวัญให้กาวนะครับ”อาเสือควักมันออกมาจากกระเป๋ากางเกง ผมรับมามองชั่วครู่และตะลึงงัน
            “โคเวตต์ สตริงเรย์????”อุทานตามโลโก้ที่ติดอยู่ อาเสือพยักหน้า
            “อาหมดตัวแล้ว ค่าขนมกาวเกลี้ยงเลย”อาเสือแกล้งพูดกลบเกลื่อน ผมกอดอย่าดีใจที่สุด
            “จริงเหรออาเสือ ใช่รุ่นนี้จริงเหรอ”ผมถามย้ำ
            “หึหึหึ จูบอาซะ...ถ้าอยากขอบคุณ”ผมจูบอาเสือทันทีแรง ๆ
            “โอ๊ยยยย รถของกาวใช่ไหม”
            “อืม รักษามันดี ๆ ด้วยนะครับ ซื้อให้จะมีเวลาขับไหมเนี่ย?”ถึงจะบ่นแต่ผมก็ยิ้มออกมากว้างกว่าเดิม สมองคิดผุด ๆ ๆ ๆ ละว่าจะพาเด็กแฝดไปเที่ยวไหนบ้าง สมองขึ้นโชว์สถานที่อย่างกับโฆษณาเปปทีน
            “อาขอเตือนว่าห้ามไปโดยไม่มีอา โอเคไหม”
            “อ้าว!?”ฝันสลายดับวูบเหมือนโดนรู้ทัน
            “อาขอแค่สองอย่าง ห้ามพาลูกนั่ง...และถ้าจะไปไหนอาต้องไปด้วย”
            “อาเสืออ่ะ”
            “ได้ไหมครับ”ทำเสียงเข้มอีกละ
            “ได้”
            “หืม?
            “ได้คร๊าบบบบบ ลงไปจากเตียงกาวเลย...กาวจะนอน”
            “หึหึหึ”ผมต้องดูแลตัวเองให้ดี ๆ พรุ่งนี้อยากเดินไปดูลูกละ
            “อาว่า ชื่อที่ตั้งวันนี้ก็ไม่เลวนะ...อาชอบสเกลกับสกาย”อาเสือบอก ผมพยักหน้า
            “กาวก็ชอบ แต่ก็ชอบสปีดกับสเปนด้วย”
            “อาแล้วแต่กาวเลย...”ผมนอนคิดไปเรื่อย ๆ จนหลับไปเองอีกรอบ
            









ถ้าข้อมูลผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ด้วยค่ะ จินตนาการต่อจากข้อมูลที่มีในเน็ตจริง ๆ

คำถามว่าทำไมต้องผ่าเพราะไม่มีช่องทางให้เด็กออกนะคะ แต่ทำไมมีน้ำนมก็อยากให้มีอ่ะ 555555555

มันคงจะดีกว่าถ้าเด็กได้กินนมจากคนที่คลอดเค้ามาเนอะ ก็เลยตัดสินใจให้กาวมีน้ำนมดีกว่า

เรื่องอาจตกขอบจากความเป็นจริงไปบ้าง...แต่ชินตั้งใจให้เป็นอย่างนี้อยู่แล้วนะ :)


มีอะไรคลาดเคลื่อนคอมเม้นไว้ได้เลยค่ะ

ช่วยตั้งชื่อเล่นก็ดี...ตอนนี้เริ่มมึน ยังไม่ได้ชื่อเล่น

ใครไม่อยากคอมเม้นยาว ๆ ขอรูปภาพของขวัญหรือเด็กแฝดแปะต้อนรับสมาชิกตัวน้อยสักคนละรูปก็พอนะฮับ จะขอบคุณมาก >< 




เด็กคลอดใหม่ก็ใช่ว่าจะตัวโตเท่านี้นะคะ
หารูปเบบี๋ตัวน้อยไม่ได้จริง TT
เอาไปมโนแก้ขัด :) 




ห้องพักเอาไว้มโนนะคะ

4 รูปแรกมาจากโรงพยาบาลบำรุงราษฏ์
4 รูปหลังมาจากโรงพยาบาลสมิติเวช





Chevrolet Corvette Stingray



COMMENT PLEASE








ขอบคุณที่อ่านและคอมเม้นค่ะ ^^







3 ความคิดเห็น: