วันอังคารที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ตอนที่ 44 100%


ตอนที่ 44 100%





 ตอนที่ 44 บ้านที่วุ่นวาย
            กลับมาอยู่ที่บ้านได้เกือบสองเดือนแล้ว เด็กแฝดโตขึ้นจากวันแรกที่เราได้เจอกันมาก จากลูกเสือตอนนี้เหมือนจะกลายเป็นลูกหมูไปเสียแล้ว สกายกับสเกลจะเลี้ยงง่ายเฉพาะตอนที่ผมอยู่ด้วย ต้องเล่นด้วยไม่งั้นจะอารมณ์ไม่ดีแล้วก็ร้องไห้ดังมาก ผมเลยขยับตัวไปไหนลำบาก
            มีบางอย่างที่เด็กแฝดเป็นแล้วผมไม่ค่อยสบายใจ คือถ้านอนหลับแล้วจะชอบสะดุ้งแรง ๆ บางทีสะดุ้งจนร้องไห้ออกมา คนที่ช่วยดูแลอยู่ก็ตกใจพอ ๆ กับผม ถ้าอีกคนร้องไห้อีกคนก็จะร้องตาม อาการสะดุ้งแบบนี้ส่วนใหญ่กายจะออกอาการมากกว่า นอน ๆ อยู่ก็กระตุกขึ้นมาต้องรีบเข้าไปกอดไม่งั้นจะร้องไห้ออกมา ผมได้โทรปรึกษาคุณหมอแล้วเขาแนะนำให้เอาผ้าห่มหรือผ้าอ้อมมาวางทับบนหน้าอกให้เด็กรู้สึกปลอดภัย ก็พอจะช่วยบรรเทาไปได้บ้าง สุดท้ายแล้วท่าที่เด็กแฝดชอบนอนคือเอาขึ้นมานอนคว่ำบนอกผม เมื่อไหร่ที่ทำอย่างนี้แขนผมแทบจะชาไปเลย เพราะต้องเกร็งอยู่มากแต่มันก็ดีตรงที่ท่านี้ทั้งสองคนไม่สะดุ้งเลย
            วันนี้เป็นวันแรกที่จะได้กลับไปฉีดยาที่โรงพยาบาล แต่ว่าอาเสือยังไม่กลับบ้านตั้งแต่สามวันที่แล้ว ผมไม่ได้โทรหาเพราะตัวเองก็วุ่นอยู่กับแฝดจนแทบไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่น
            “พี่กาว”เสียงเรียกทำให้ต้องวางมือจากเด็กตรงหน้าแล้ว เปิดประตูห้องออกกว้าง น้องจีนวิ่งเข้ามากอด
            “มาแล้วเหรอครับ”ผมร้องทัก ทามกับน้องจีนนั่งแท็กซี่มาหา สุดากับพี่อูเดินเข้ามาทักทายและจัดขนมให้
            “วันนี้ฉีดยาใช่ไหมฮะ”
            “ใช่ ทามไปกับพี่นะ”ผมบอกทำหน้าลำบากใจสุด ๆ
            “ได้ครับ ไม่ต้องกังวลนะ...ตอนน้องจีนฉีดยาครั้งแรกทามก็ได้ไปดู”
            “จริงเหรอ จะร้องเสียงดังไหมนะ”กังวลสุด ๆ ตัวเองไม่ค่อยชอบโดนฉีดยาสักเท่าไหร่เห็นเข็มทีไรพาลจะเป็นลมทุกครั้ง ยิ่งจินตนาการว่าลูกเราจะต้องโดนฉีดยามันยิ่งหน้ากลัวกว่าหายเท่า
            “ก็เป็นธรรมดาแหละพี่กาว แต่หลังจากฉีดยาทามจำได้ว่าน้องจีนเป็นไข้ไม่สบายด้วย”
            “ห๊ะ แล้วเจ้าเกลเจ้ากายจะเป็นไหมอะไรเนี่ย”มองดูเด็กสองคนที่น้องจีนเขย่าของเล่นให้ดูแล้วไม่ค่อยสบายใจสักเท่าไหร่ แต่ก็ต้องไปเพราะทางโรงพยาบาลโทรมาเตือนว่าวันนี้ต้องเข้ารับการตรวจ
            “แต่เด็กบางคนก็ไม่เป็นนะ ค่อยก็ถามคุณหมอก็ได้ฮะ”
            “อืม โอ๊ย...อย่าเป็นอะไรกันนะไม่งั้นมะม๊าตายแน่ ๆ เข้าใจรึเปล่า”
            “แอ๊”สเกลทำเสียงพร้อมมองหน้าผมแล้วยิ้ม น้องจีนตื่นเต้นใหญ่
            “คุณพ่อ ๆ น้องพูดแอ๊ด้วย!
            “น้องอยากคุยแล้ว”ทามลงมาเล่นด้วยเด็ก ๆ ด้วย
            “ฮึ่ยหมั่นเขี้ยวจังลูกใครเนี่ย คริคริคริ”ผมจั๊กจี๋พุงน้อยเบา ๆ น้องจีนเลยได้หัวเราะไปด้วย
            “อาบน้ำแล้วเหรอฮะ”ทามถาม
            “เหลือสกายสิ รออึก่อน...”
            “ว้ายยยย ยังไม่อาบน้ำสิเนี่ย เดี๋ยวพี่ทามอาบให้ก็ได้เนอะ”ทามพูดกับหลาน ผมยิ้มแล้วเดินออกมาว่าจะเอาขวดนมมาให้สุดาช่วยล้างให้หน่อย พอดีเจ้าตัวเดินสวนเข้ามาหา
            “สุดาฝากเอาขวดนมไปล้างหน่อยนะ”ผมบอก
            “ค่ะ นี่ค่ะ....คุณท่านโทรมา”สุดายื่นเอาโทรศัพท์มาให้ ผมแลกตะกร้าให้สุดาไปแล้วหยิบโทรศัพท์มาคุย
            “ว่า?
            “เด็กดื้อไม่เปิดโทรศัพท์!!”แสยะยิ้มออกมาเล็กน้อย ว่าแล้วต้องทำเสียงดังแบบนี้ใส่
            “เมื่อคืนกาวเปิดเพลงให้ลูกฟังแบตเลยหมดเพิ่งจะได้ชาร์จเมื่อเช้านี้เอง อาเสือมีอะไร?
            “กาวครับ”เสียงอึกอักคล้ายกับมีอะไรสักอย่าง ผมคอยฟังอย่างตั้งใจ
            “มีอะไรรึเปล่า?”ถามเสียงนิ่ง
            “อ่อ เปล่า ๆ อารักกาวนะ”ฟังแล้วควรจะรู้สึกดีใช่ไหม แต่ครั้งนี้มันแปลกไป...ผมรับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่างที่ทำให้เกิดความรู้สึกว่ามันไม่ปกติ
            “อาเสืออยู่ไหน?
            “เอิ่ม...ภูเก็ตครับ”ตอบเสียงเบาถึงเบามาก ผมขมวดคิ้ว
            “กาวถามแค่นี้ทำไมต้องอึกอักด้วย”
            “อาเปล่า”
            “อารู้ใช่ไหมว่าถ้ากาวรู้ที่หลังว่าอาโกหก กาวจะโกรธมาก...แล้วอาอย่ามาถามหาความเชื่อใจจากกาวอีกนะ!”อดไม่ได้ที่จะต่อว่า อาเสือเงียบไปชั่วอึดใจก่อนจะเอ่ยขึ้น
            “กาวครับ...”
            “กาวจะวางแล้ว...ไม่อยากคุย”แบบนี้เรียกงอนใช่ไหม เออ...งอนก็ได้ว่ะเกลียดอาเสือที่สุด
            “ยังคุยกับไม่รู้เรื่องเลย?
            “กาวไม่อยากหงุดหงิดตอนนี้นะ!!!!!
            “ก็ได้ ๆ อาอยู่รพ.”ผมนิ่ง
            “รพ.อะไรไปทำอะไร?
            “กระจกบาดนิดหน่อย”
            “นิดหน่อยแค่ไหน?? ทำไมไม่โทรมาบอกกาว”เกิดห่วงขึ้นมาทันที ชอบบอกว่าไม่มีอะไรแต่จริง ๆ แล้วมี ถ้าไม่เค้นถามอาเสือก็คงไม่พูด เป็นแบบนี้จะไม่ให้ผมโมโหได้ยังไง
            “กาวดูลูกไปเถอะ...อาทำแผลเสร็จแล้ว”
            “บอกมานะว่าอยู่ที่ไหน!!!!!!!!!!!!!!!!”ผมกรีดร้องเสียงดัง จนสุดาและแม่บ้านคนอื่นวิ่งมา ทามเองก็เปิดประตูออกมาด้วย
            “มีอะไรคะ?”สุดาร้องถามแต่ผมไม่ตอบ เดินเข้าไปเอากุญแจรถในห้อง ก่อนจะหันไปบอกทามน้ำเสียงเร่งรีบว่าฝากดูเด็กหน่อย
            “พี่กาวจะไปไหนฮะ?
            “จะไปไหนคะ??? รอคุณโชติก่อนดีไหมคะ”สุดาตะโกนเรียกตาม แต่ผมหูดับไปเรียบร้อยไม่ฟังใครทั้งนั้น สตาร์ทรถได้ก็รีบบึ่งออกมาทันที วันนี้อาโชติกับสมหมายไม่อยู่ออกไปเอาปุ๋ยกับหญ้าที่ร้านบ้านสวนตั้งแต่เช้า เลยไม่มีใครห้ามผมไว้ได้อยู่
            ใช้เวลาไม่นานก็ถึงโรงพยาบาลดีที่อาเสือเลือกจะมาโรงพยาบาลใกล้บ้านแบบนี้ รถไม่ติดทำให้ไม่เพิ่มความหงุดหงิดในใจ ผมขึ้นไปตามชั้นที่อาเสือบอกไปถึงก็เห็นอาเสือมีผ้าพันแผลไว้เรียบร้อยดีแล้ว ก่อนจะเดินถึงตัวคนโหด อานัยไม่ทักทายกลับเดินหนีไปอีกทางซึ่งไม่ใช่อะไรที่จะเคยทำต่อหน้าผมบ่อย ๆ ต้องมีเรื่องอะไรแน่เลย...
            “ทำไมมาเร็วจัง??? ขับรถเร็วอีกแล้วใช่ไหมเนี่ย?”ผมไม่ตอบ
            “เย็บไปกี่เข็ม?”ทันทีที่เจอหน้าผมก็ถามเสียงนิ่ง อาเสือเหมือนคนไม่ได้นอนแค่เห็นหน้าก็ไม่กล้าโวยวายถึงวันที่หายไปหรอก เป็นแบบนี้คงจะโหมทำงานหนักเหมือนเคย
            “มายังไงแล้วลูกละครับ?
            “ถามว่าเย็บไปกี่เข็ม ทำไมชอบเปลี่ยนเรื่องนักนะ!!!!”ให้ตายสิ ผมโมโหมากเพราะอาเสือนี่แหละ
            “15 เข็มแต่อาไม่เป็นอะไรหรอก เดินไม่ระวังมันเลยบาด”
            “แขนเนี่ยนะอาเสือไปทำอิท่าไหนถึงได้เป็นแบบนี้”กระแทกตัวลงนั่งข้าง ๆ แล้วจับแผลมาสำรวจ
            “อาซุ่มซ่ามเอง...มองไม่เห็นว่ากระจกมันแตกอยู่แล้ว เลยได้เลือดเลย”
            “ทำไมไม่ระวังนะ!”ผมบ่นแล้วเช็คดูที่แขน
            “นี่กาวมายังไง แล้วลูกละครับ”
            “ขับรถมาเองน่ะสิ อาโชติไปเอาปุ๋ยกับสมหมายตั้งแต่หกโมงเช้าแล้ว นี่กาวต้องเอาลูกไปรพ.อีกนะ”ผมบ่นเล็กน้อย อาเสือทำหน้ามุ่ยพอกัน
            “ก็อาบอกว่าไม่ต้องมาไง แผลแค่นี้เอง”
            “จะกลับรึยังละผมถามเสียงเบา อาเสือพยักหน่าและไปบอกอานัยกับลูกน้องให้ขับรถตามมาไม่ห่าง ผมออกไปไม่นานคิดว่ายังไม่ถึงสองชั่วโมงดีด้วยซ้ำ ระหว่างทางอาเสือยังงีบหลับมาตลอด ยื่นมือไปจับมือหนาอาเสือรู้สึกตัวแต่หลับตาและบีบมือตอบ
            “ไม่ได้นอนหรือไง”
            “อืม”เสียงครางในลำคอ
            “เหนื่อยเหรอ?
            “นิดหน่อย...”อาเสือตอบเหมือนเหนื่อยผมเลยไม่พูดอะไรอีก ปล่อยให้นอนจนกระทั่งถึงบ้าน แค่เลี้ยวเข้าไปยังไม่ทันจอดได้สนิทดีก็ต้องตกใจเพราะมีปอเต็กตึ้งเข้ามาจอดในบ้านหนึ่งคัน และมีคนหลายคนมุ่งดูอะไรกันสักอย่าง
            “เกิดอะไรขึ้นอ่ะ!?!?!”ผมอุทานอย่างตกใจ อาเสือรีบลุกขึ้นนั่งแล้วมองไปรอบ ๆ
            “มีอะไรกัน?”อาเสือหันมาถามผมเสียงเข้มทั้งที่นั่งมาด้วยกัน ผมไม่ตอบอะไรลงจากรถได้ก็วิ่งไปทันที
            “พี่อู!!!! มีอะไร!?!?!?!?!”คนแรกที่ผมเห็นก็รีบร้องถามเสียงตกใจสุด ๆ
            “คุณกาว!!!!! งูค่ะงู!!!!!! งูตัวเบ้อเร้อ!!!!!
            “ที่ไหน??? งูอะไร????”ผมถามร้อนรน พร้อมเดินตามอาเสือเข้าไปในบ้าน ใจคิดถึงแต่เด็กแฝดพอเห็นทามอุ้มน้องจีนออกมาหาก็รู้สึกอยากร้องไห้มองหาลูกตัวเอง
            “ลูกพี่ละ???? ทาม????
            “อยู่ในห้องโน้นฮะ”ทามบอก พาเดินเข้าไปห้องทำงานอาเสือเห็นสุดากับป้าช้างกำลังดูแลอยู่
            “สุดา!!!! น้องเกลน้องกาย”ผมโผเข้ากอด อาเสือเลยเดินมาอุ้มลูกด้วย
            “โอ๊ยยยย เกิดอะไรกันขึ้น?
            “งูค่ะ ตัวเบ้อเร้อเลย...กำลังจะโผล่หัวเข้ามาทางบานหน้าต่างห้องคุณหนู”ป้าช้างเล่าเหตุการณ์ ผมนี่ร่างชาไปหมดแทบจะล้มทั้งยืน รู้ตัวว่ามือที่อุ้มสเกลสั่นมาก
            “คุณกาวได้เปิดหน้าต่างทิ้งไว้รึเปล่าคะ?”สุดาถาม ผมพยักหน้า
            “กาวเปิดให้มีลมระบายเอง งูอะไรฮะ?
            “ได้ยินเจ้าหน้าที่เขาบอกงูเหลือมใช่ไหมป้า”สุดาหันไปถาม
            “อืม เจ้าหน้าที่เขาบอกอย่างนั้นนะคะ”
            “มันกำลังเอาหัวเข้ามาค่ะ ดีที่น้องจีนกรีดร้องไม่งั้น.....”สุดาหยุดพูด ผมใจสั่นเป็นอย่างมากกอดลูกแน่นมากเข้าไปอีก น้ำตาไหลตรงขอบตาเล็กน้อยอาเสือเห็นเลยเดินเข้ามากอดผมกับสเกล อานัยกับลูกน้องเดินเข้าไปดูเป็นงูเหลือมจริง ๆ ยาวเกือบสองเมตรได้
            “ทำไมบ้านเรามีงู?”ผมถามเสียงนิ่ง ไม่มีใครตอบอะไรแต่ทุกคนมองหน้ากัน อาเสือเดินไปสำรวจและเอาเงินสินน้ำใจไปให้เจ้าหน้าที่ที่มาช่วย เขาบอกว่าบ้านอย่างนี้ไม่น่ามีงูเข้าเพราะด้านนอกเราเป็นระเบียบมาก ไม่มีหญ้ารก ถึงจะมีต้นไม้ใหญ่แต่รอบ ๆ ก็เป็นที่โล่งกว้างไม่อาจเดาได้ว่างูมาจากทางไหนแน่
            “หรือว่ามันจะได้กลิ่นงูครับ?”น้องทามถามขึ้น กรงไอ้ตาลก็อยู่อีกฝั่งจากห้องนี้เรียกว่าคนละทิศเลยก็ว่าได้ แต่เพื่อความสบายใจผมเดินไปดูมันก็ยังนอนนิ่งไม่มีอะไรผิดปกติ กลอนประตูล็อคแน่นหนาและกรงไม่มีรอยแยกให้หลุดออกมาได้
            “อาว่าถึงเวลาที่จะเอาไอ้ตาลไปไว้ที่ที่ควรอยู่แล้วนะ”
            “ไม่เอา!”ผมทำหน้างอ
            “จะเอางูหรือจะเอาลูก!?!”อาเสือทำเสียงดุ
            “มันไม่ใช่ความผิดไอ้ตาลเลยนะ”ผมจะร้องไห้
            “โอเคกาวเลือกงู อาจะได้จำไว้!”อาเสืออุ้มสกายเดินหนีคงจะโมโห ผมหันไปมองหน้าสุดากับทามที่ยิ้มแห้ง ๆ กลับมาให้
            “วินัยมาเปิดกล้องวงจรดูหน่อย เผื่อจะเห็นอะไรมั่ง”อาเสือเรียกอานัยเข้าไปเปิดกล้องวงจรปิด ผมก็เดินเข้าไปด้วย เอาสเกลให้สุดาช่วยอุ้มแล้วเดินมาหาน้องจีน
            “น้องจีนเห็นงูคนแรกใช่ไหมครับ”น้องจีนพยักหน้า
            “มันมาจากทางไหนจำได้ไหม”น้องจีนก็ชี้
            “มีต้นไม้อยู่ตรงนั้น ทามว่ามันคงจะเลื่อยลงมานั่นแหละ”
            “ให้พี่กาวอุ้มหน่อยนะ”ผมยื่นมือออกไป น้องจีนลังเลชั่วครู่ก่อนจะโผเข้าหาให้ผมกอดและหอมแก้ม
            “ขอโทษนะครับ”เป็นความผิดผมเองที่ดันหน้าต่างออกไปตั้งแต่เช้า ปกติกระจกบานใหญ่ตรงนี้จะไม่ค่อยเปิดสักเท่าไหร่ แต่เมื่อเช้ามันไม่ค่อยมีแดดเลยรูดม่านออก ปิดแอร์แล้วเปิดหน้าต่างให้ลมเข้ามา
            “คุณเสือครับ”อานัยเรียกเมื่อตรวจเช็คดูกล้องวงจรปิด ผมชาวาบไปทั้งร่างเมื่อเห็นคนที่กำลังเดินในนั้น ใครสักคนที่เดินมาจากประตูหลัง และถือถุงกระสอบงูเข้ามาปล่อย!!!
            “มีคนเข้ามาจริง ๆ ด้วยทำไมหมาไม่เห่า?”อาเสือถามเสียงเครียด ให้คนไปดูแล้วพบว่ามันอาจจะเดินอ้อมมาอีกทาง ซึ่งปกติจะมีแม่บ้านอยู่หลายคนนะ...แต่วันนี้อาโชติไม่อยู่ลูกน้องก็ไม่อยู่ แถมสมหมายที่นอนอยู่เปลแถวนั้นประจำดันไปอาโชติอีก!
            ผมโกรธมากถึงมากที่สุด!!!! อย่าให้เจอตัวมึงไม่ได้ตายดีแน่!!! ถ้าเด็ก ๆ เป็นอะไรไปสักนิดนะ...รับรองได้เลยว่าผมจะตามฆ่าล้างโคตรมันแน่นอน อาเสือโทรแจ้งความไม่นานก็มีตำรวจมาตรวจและเก็บหลักฐานไปเขารับปากจะช่วยดำเนินการให้เต็มที่ อาเสือให้ลูกน้องมาอยู่กันอีกหลายคน ได้ยินอานัยพูดกับอาเสือว่าช่วงนี้ต้องระวังเป็นพิเศษ
            “พี่กาวจะไปรพ.ไหมฮะ”
            “อืม ไปสิ...ไปตอนนี้เลย”ผมบอกและโทรไปเช็คกับทางโรงพยาบาลก่อน เขาบอกให้เข้าไปได้เลยจับเด็กแฝดแต่งตัวซะใหม่ ทั้งสองคนดันร้องไห้หิวนมซะนี่
            “ไปกินบนรถก็ได้ป่ะ...เดี๋ยวสาย”ผมบอก
             “รออาเปลี่ยนชุดก่อนได้ไหม”
            “อาเสือไม่ต้องไปหรอกกาวไปเองได้”
            “วินัยเตรียมเอารถออกนะ”คนตัวโตไม่ฟังเลยผมเงียบซะเพราะไม่อยากชวนทะเลาะ พอขึ้นรถได้ทามก็อุ้มน้องเกล ผมก็เอาสกายกินนมก่อนแต่ต้องไปนั่งเบาะหลังไม่ให้คนเห็น อาเสือยิ่งชอบมองอยู่ด้วย
            “ชู่วววว ๆ ดูดเข้าสกายจ๊วบ ๆ”ผมเร่งเพราะอีกคนก็เริ่มร้อง
            “อาเสือหันไป!”ผมร้องบอก ทำเอาอาเสือหัวเราะออกมา สกายดูดนมจนหลับไปเลยพอตอนจะเปลี่ยนเอาเกลมากินนมนี่สิ เปลี่ยนมือแล้วแหกปากลั่นรถทันทีแต่ก็ต้องปล่อยให้ทามอุ้มต่อไปจนเค้าร้องเหนื่อยหลับไปเอง กว่าจะถึงรพ.ตรวจร่างกายเด็กแฝดก็ได้เวลาร้องไห้อีกรอบ เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดมันบาดใจมากเลยนะ สงสารลูกมากจนน้ำตาซึม แม้ว่าจะรู้ว่ามาฉีดยาให้ร่างกายเค้ามีภูมิต้านทานก็เถอะ
            “ชู่วววววว ๆ ๆ ๆ”ทามช่วยได้มากอาจเพราะเคยเลี้ยงน้องจีนมาคนเดียว สกายเริ่มจะคุ้นกับทามบ้างแล้ว
            “น้องจีนอยากไปเล่นของเล่นครับคุณพ่อ”น้องจีนมาอ้อน ที่ชั้นเด็กมีห้องของเล่นสีสรรน่ารักมากมาย
            “ไม่ไปนะครับ น้องเสร็จแล้ว...เดี๋ยวกลับบ้านนะ”
            “ไปสองนาทีไม่ได้เหรอครับ?”ทำหน้าน่าสงสารที่สุด ผมอมยิ้ม
            “ไปลื่นลงมาสองครั้งแล้วเดี๋ยวพาไปกินข้าวดีกว่านะน้องจีน”ผมบอก
            “สองเหรอ”
            “ครับ สองครั้ง...ทำมือแบบนี้”ผมสอน น้องจีนพยักหน้าเข้าใจแล้ววิ่งไปลื่นกระดานอย่างเขินอาย ทำเอาผมกับทามหัวเราะ
            “น้องจีนน่ารักอ่า...แลกกันไหม สองคนนี่ทำพี่ป่วนมาก”กอดลูกที่ยังร้องไห้สะอื้นไม่เสร็จอย่างสุดหวง
            “เหอ ๆ พอแฝดเดินได้พี่กาวจะรู้ถึงความเหนื่อยยากอย่างแท้จริง”ทามกระซิบเตือนอย่างผู้มีประสบการณ์มาก่อน ผมยังคาดเดาอะไรไม่ได้แต่คิดไว้ว่าอยากให้แฝดเลี้ยงง่ายและไม่ดื้ออย่างน้องจีนเท่านั้นก็พอ
            “อาเสือ พาทามกับน้องจีนไปกินข้าวก่อนนะ”ผมหันไปบอกอาเสือ
            “ครับ อาช่วยอุ้ม”อาเสือบอก ผมน่ะยอมนะ...แต่เจ้าตัวเล็กคงไม่ยอมเบะปากร้องไห้อีก
            “โอ๋ ๆ ไม่อุ้ม ๆ มะม๊าอุ้มได้คนเดียวเนอะ...ไม่ให้คนอื่นอุ้มหรอกเนอะ”ผมพูดกับลูก เหมือนว่าอาเสือจะน้อยใจเพราะทำหน้าอึ้งไปเล็กน้อย
            “อาเป็นคนอื่นแล้วเหรอ?
            “กาวไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะ”จะทะเลาะกันอีกแล้วเหรอเราคนตัวโตเลยเดินตามเงียบ ๆ ไม่พูดอะไร ขึ้นรถก็กดโทรศัพท์เล่น
            “น้องจีนหิวข้าว”น้องจีนกระซิบบอกทามแต่ผมได้ยิน
            “นี่ไงกำลังไปกิน น้องจีนอยากทานอะไรครับ”
            “อืม....อืมมม บะหมี่เย็นครับ”
            “โอเค...งั้นเราไปทานบะหมี่เย็นกันเนอะ”ถึงร้านอาหารญี่ปุ่นแล้วก็เข้าไปนั่งในห้องที่เป็นห้องส่วนตัว ผมให้ทางร้านช่วยปิดม่านให้หน่อย แล้วเอาเบาะนอนเด็กแฝดมากาง
            “สั่งเลยนะทาม”อาเสือบอก
            “ครับ น้องจีนทานอะไรดีลูก”ทามกับน้องจีนช่วยกันเลือกเมนูอาหาร ผมหันไปหาอาเสือที่ก้มหน้ามาดูลูก แล้วก็จุ๊บแก้มเบา ๆ ทำเอาคนตัวโตตะลึง
            “เดี๋ยวนี้ขี้น้อยใจแล้วเหรอไง”พูดเสียงเบา อาเสืออมยิ้มรู้ว่าเขินแต่มองหน้าลูก
            “พูดแบบนั้นจะไม่ให้อาน้อยใจได้ยังไง เดี๋ยวนี้กาวไม่เคยใส่ใจอาเลย”ผมเขินและเงียบไป มองดูเด็กแฝดที่นอนหลับตาพริ้มทั้งสองคน
            “หลงลูกจนลืมอาแล้วใช่ไหม”อาเสือพูดอ้อน
            “งั้นมั้ง!”ผมแกล้ง ก่อนจะหันกลับมาดูเมนูอาหาร และช่วยทามสั่งมาเต็มโต๊ะทีเดียว น้องจีนลงไปนอนใกล้น้องอย่างน่าสงสาร คงจะเหนื่อยและหิวมากจนหลับไปเลย ผมสะกิดทามให้ดูแล้วทามก็เอามือถือออกมาถ่ายรูปเอาไว้
            “ตายละ...หลับแล้วจะทำยังไงเนี่ย”
            “เรานั่งกินไปเรื่อย ๆ ก็ได้ทาม...รอให้เค้าตื่นดีกว่า”ผมบอก
            “มันจะนานสิครับ”
            “ก็ทานไปเรื่อย ๆ”ปลุกมากลัวน้องจีนจะนอนไม่เต็มอิ่มแล้วงอแง แม้ผมจะไม่เคยเห็นน้องจีนงอแงเพราะเรื่องนี้เลยก็ตาม อาหารที่สั่งไว้เริ่มทยอยมาวาง เด็กน้อยได้กลิ่นลืมตาขึ้นมาทันที
            “คุณพ่อ”เรียกเสียงอ้อน
            “ฮ่าฮ่าฮ่า มานี่มาครับ...ลูกหลับเหรอ”น้องจีนไม่ตอบมองอาหารบนโต๊ะ คงจะหิวอย่างว่าจริง ๆ เพราะกินไปเยอะมาก ผมทานไปนิดเดียวเจ้าแสบเริ่มอาละวาดต้องหยุดทานไปก่อนแล้วหันมาป้อนนมและเล่นด้วย
            “หิวอ่า...ขอกินข้าวก่อนไม่ได้เหรอ”พูดกับเด็กสองคนที่กำลังมองหน้าผมอย่างสนใจ
            “ไม่ให้กินข้าวมะม๊ากินสองคนนี้แทนแล้วกันเนอะ....งั่ม ๆ ๆ ๆ อร่อยจังเลย”ผมแกล้ง
            “แอ๊ แอ๊”สกายเหมือนตอบโต้
            “สู้เหรองั่ม ๆ กินคนนี้ด้วย...งั่ม ๆ ๆ”เด็กแฝดยิ้มจนแก้มป่องเป็นปลาทอง
            “แอ๊ แอ๊ แอ๊”
            “จะแอคทีฟมากไปละคุณลูกครับ...”หัวเราะกันทีมือไม้ต้องกางออกใช้พื้นที่สิ้นเปลือง ทามกับน้องจีนหัวเราะออกมา
            “กาวไปกินให้อิ่มเถอะ อาดูเอง”
            “อาเสืออิ่มแล้วหรือไง?
            “อืม”
            “กินไปนิดเดียวเอง”ผมมองจานอาเสือ
            “อายังไม่ค่อยหิว”ผมหันไปกินข้าวปล่อยให้อาเสือเล่นกับเจ้าแฝดตัวแสบสองคนไปพลาง ๆ หายไปสามวันลูกมองอย่างกับเจอคนแปลกหน้าจนผมขำ อาเสือเล่นด้วยแฝดก็มองนิ่งอย่างคนระวังตัว 
            “อย่าเอาหน้าเข้าไปใกล้สิ เดี๋ยวลูกตกใจ”ผมแกล้ง
            “พี่กาวอ่า ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”ทามหัวเราะกร๊ากออกมาถูกใจ
            “ฟอดดดดดดดด”อาเสือแกล้งผมกลับด้วยการหอมแก้มต่อหน้าทามและน้องจีน ผมหยิกหูอาเสือเบา ๆ ด้วยความที่ตกใจและน้องจีนก็จ้องอยู่
            “คุณลุงหอมแก้มพี่กาวทำไมละครับ???”น้องจีนถามออกมา ทำเอาผู้ใหญ่ทั้งสามคนนิ่ง...ผมรู้ว่าทามค่อนข้างจะระวังเรื่องนี้พอสมควร ทุกทีอาเสือก็ไม่เคยทำแบบนี้ต่อหน้าคนอื่นด้วย
            “เอ่อ”อาเสืออึกอัก น้องจีนจ้องหน้ารอคำตอบอยู่
            “เอ่อ เอ่อ...ลุงสงสัยว่าแก้มพี่กาวจะหอมอย่างแก้มน้องจีนไหมน่ะครับ”อาเสือหาทางออกจนได้
            “น้องจีนหอมนะ น้องจีนใช้สบู่ยีราฟด้วย”เจ้าตัวโอ่พร้อมตักอาหารกินพร้อม
            “โอ้ งั้นคงหอมเหมือนกัน...เนอะ”อาเสือหัวเราะ ผมแสยะยิ้มให้...
            “อร่อยไหมครับน้องจีน...เคี้ยวแก้มป่องเลย”ผมตักอาหารทานบ้าง หันไปมองแฝดบ้างเห็นนอนเล่นอยู่ดีจึงทานอาหารตามสบาย
            “ขอบใจทามมากเลยนะ...ถ้าทามไม่มาด้วยพี่ต้องแย่แน่ ๆ”
            “ไม่เป็นไรฮะ ถ้าคืนนี้แฝดไม่เป็นไข้พี่กาวก็สบายไป...แต่ถ้าตัวร้อนก็ทานยาตามที่หมอบอกได้เลยนะฮะ”
            “พี่ก็กลัวอยู่...ปกติก็แทบไม่ได้นอนตอนกลางคืนอยู่แล้ว”ทานอาหารเสร็จ ผมอยากเดินซื้อของเล่นปลอบใจให้น้องจีนสักชิ้น แล้วอยากดูรถเข็นด้วยเวลาไปไหนมาไหนจะได้ไม่ต้องอุ้ม
            “เอาเลยครับ อยากได้อะไรดี”ผมถาม
            “พี่กาวน่ะไม่ต้องก็ได้”ทามทำหน้าเกรงใจ แต่ผมหัวเราะ
            “น่านะ ขอให้พี่ซื้อเถอะนะ ๆ”อยากทำให้น้องจีนลืมเรื่องวันนี้เลยต้องเอาของล่อ น้องจีนเดินวนดูในร้านอยู่หลายรอบ และไปถูกใจของเล่นคุณหมอกับชุดทำครัวน่ารักทีเดียว เจ้าตัวคงจะเลือกไม่ได้ลงไปนั่งกับพื้นลังเล
            “ทามว่านานชัวร์”ทามกระซิบ ผมก็บอกตามสบายให้น้องจีนเลือกไป ตัวเองก็เดินมาดูรถเข็นกับอาเสือ
            “สวัสดีค่ะ สนใจรถเข็นรุ่นไหนดีคะ”
            “แบบเด็กแฝดมีรุ่นเดียวเหรอครับ”ผมถามเมื่อเห็นมีแค่แบบเดียววางขายอยู่
            “ค่ะ ตอนนี้จะเหลือสีนี้สีสุดท้ายด้วยนะคะ”
            “ลองดูไหม”อาเสือหันมาถาม ผมพยักหน้าให้พนักงานเธอก็เริ่มบรรยายสรรพคุณรถเข็นคันนี้ทันที
            “คันนี้ปรับนอนแยกกันได้ด้วยนะคะ ฝั่งนี้ปรับนอน...ฝั่งนี้ปรับนั่ง”
            “ดีจังเลย”ผมยิ้มพอใจ
            “เอาไหม?”อาเสือถาม
            “มีสีเดียวเหรอครับ”
            “ค่ะ เหลือสีเดียวเลย”ผมสำรวจอีกเล็กน้อย เอาสเกลลงไปนอนทดลองก่อน ทันทีที่วางลงก็ดิ้นบิดตัวเล็กน้อยก่อนจะลืมตาขึ้นแล้วก็...
            “ชู่วววววว ๆ ๆ”รีบลงไปเอามือพาดทำเป็นกอด สเกลเลยนอนหลับตามเดิม ผมเงยหน้าขึ้นไปหัวเราะกับอาเสือ
            “เอาเลยแล้วกันนะ”
            “ตามใจกาวเลยครับ”
            “กาวชอบ มีคันใหม่ไหมครับ?
            “มีค่ะ ตกลงเป็นรุ่นนี้นะคะ”
            “ครับ”
            “เชิญจ่ายเงินทางนี้ค่ะ”ได้รถเข็นแล้วให้พนักงานแกะออกใช้งานเลย กลับมาจ่ายเงินค่าของให้น้องจีนตัวเล็กดีใจใหญ่
            “น้องจีนอยากนั่งกับน้อง”
            “ไม่ได้ครับ เดี๋ยวรถน้องพัง”ทามร้องห้าม ผมวางสเกลลงนอนแล้วแต่สกายอาเสือยังอุ้มอยู่ เลยลองอุ้มน้องจีนเข้าไปนั่งข้าง ๆ
            “เดี๋ยวพังนะพี่กาว”
            “ไม่หรอกน่า”ผมบอกพร้อมแกะตัวที่ครอบวางเท้าออก ให้น้องจีนหย่อนขาลงมา
            “เย้ คริคริคริ”น่ารักที่สุด กว่าจะกลับบ้านได้ต้องไปส่งทามกับน้องจีนหาอาฐาเสียก่อน มาถึงสองหนุ่มน้อยอาละวาดใหญ่คงจะหิวนมมาก ต้องอุ่นน้ำนมที่ปั๊มไว้ใส่ขวดให้ทันทีปากโดนจุกนมก็ดูดจ๊วบ ๆ ท่าจะหิวมาก ผมไล่อาเสือไปนอนข้างบนห้อง แต่คนตัวโตไม่ยอมเดินมาให้ห้องนี้แล้วผ่านไปสำรวจกระจกบานใหญ่
            “ทีหลังกาวไม่ต้องเปิดแล้วนะ”
            “อืม”
            “อาจะเอากล้องมาติดอีกสักสามสี่ตัว”
            “โห เยอะไปไหม”ผมหัวเราะ อาเสือไปอาบน้ำและล้มตัวลงนอน ส่วนผมก็กำลังจะจัดการเอาสองแฝดไปอาบน้ำ และต้องเรียกสุดาให้เข้ามาช่วยก่อนที่แฝดจะหลับแล้วเดี๋ยวต้องร้องไห้อีก อาเสือเลยพาลไม่ยอมหลับก็บอกแล้วให้ไปนอนข้างบน
            “เช็ดตัวอย่างเดียวดีไหมคะ เดี๋ยวจะไม่สบายเอา”ผมพยักหน้า เช็ดตัวทั้งสองคนและเปลี่ยนชุดนอนให้หนาขึ้น สเกลดีดดิ้นไปคว้าเอามือสกาย เจ้านั่นก็ไม่ยอมให้จับ...ร้องไห้ออกมาจ้า
            “ไม่เอาไม่ร้อง ๆ ชู่ว  ๆ ๆ”สุดาอุ่นนมมาให้ อาเสืออยากป้อนเองเลยลงมานอนที่เบาะล่าง
            “คุณกาวจะปั๊มนมไหมคะ”
            “ยังเหลือไหมในช่องฟรีส”
            “เหลือหกถุงค่ะ”
            “พรุ่งนี้ได้ไหม วันนี้เหมือนน้ำนมไม่ค่อยออกเลย...”
            “คงเพราะคุณกาวผอมลงมั้งคะ สุดาบอกแล้วไง...ให้ทานอาหารที่ป้านิดจัดไว้ให้”
            “ก็ทานอยู่นะแต่ทำไมไม่ค่อยออกไม่รู้ สุดาไปนอนเลยก็ได้คืนนี้ไม่มีอะไรแล้วแหละ”
            “ค่ะ”สุดาเก็บชุดและผ้าเช็ดตัวของแฝดไปซักให้ กว่านมจะหมดขวดคิดว่าจะหลับกันไหมผมอุ้มสกายมาตบหลังให้เรอออกมาไม่งั้นจะต้องอ้วกออกแน่ พอเรอได้ก็สบายท้องขึ้นค่อยจับนอนคว่ำ คราวนี้หลับได้สบายและทำแบบเดียวกันนี้กับสเกล
            “กาวดูมืออาชีพมาก”อาเสือแซว
            “ก็กาวเป็นแม่เค้านี่...ไม่ทำใครจะทำ”ผมบอก จริง ๆ ที่ไม่ให้คนอื่นช่วยมากเพราะว่าหวงแล้วก็อยากทำทุกอย่างเอง แต่ก็รู้ว่าตัวเองทำได้ไม่ทุกอย่างหรอก ถ้าไม่มีคนช่วยผมก็ต้องตายแน่ ๆ
            “ขึ้นไปนอนบนเตียงสิ เดี๋ยวก็บ่นปวดหลัง”ผมบอกอาเสือเพราะตัวเองนอนกับลูกข้างล่างพื้นอยู่แล้ว ผมห่มผ้าให้เด็กสองคนเอาหมอนข้างกั้นไว้โดยรอบแล้วกางมุ้งเด็กครอบไว้อีกที ปิดไฟและเปิดแค่โคมไฟก่อนจะรีบไปอาบน้ำออกมานอนบนเตียง อาเสือดึงผมเข้าไปกอด
            “เด็กดื้อโตขึ้นแล้วจริง ๆ”อาเสือชมกันแบบนี้ทำเอาผมนอนอมยิ้มในความมืด
            “อาเสือเรื่องทั้งหมดวันนี้ มีอะไรต้องบอกกาวนะ”ผมพลิกตัวหันไปกอดอาเสือ ใต้ผ้าห่มหนาผมเอาขาไขว้พาดอาเสือเอาไว้ คนตัวโตกอดร่างผมแนบชิดเข้าไปอีกและเอาแขนพาดไม่ให้โดนแผล
            “อาจะไม่ให้เข้ามาทำร้ายกาวกับลูกได้อีก ไม่ต้องห่วงนะ...เรื่องนี้อาต้องจัดการแน่ ๆ”
            “กล้าเข้ามาทำแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เลยนะ อาว่าเป็นฝีมือใคร?”ผมครุ่นคิด
            “อายังไม่อยากพูดเพราะยังไม่มีหลักฐาน แต่อีกไม่นานเร็ว ๆ นี้อาคิดว่าเราจะจัดการเรื่องทั้งหมดได้”
            “รวมเรื่องอาม่านด้วยไหม?”ผมถามเสียงเศร้า อีกคนคงรับรู้ความรู้สึกถึงพรมจูบที่หน้าผากค้างนาน
            “เรื่องนั้นมันจบไปแล้ว อาขอโทษที่ทำดีที่สุดได้แค่นี้”ผมเงียบและครุ่นคิด
            “กาวเชื่อว่าอาม่านไม่ได้ฆ่าตัวตาย ไม่มีเหตุอะไรที่อาม่านจะต้องทำอย่างนั้น”ผมพูดออกไปก่อนจะเลื่อนมือมาจับที่หน้าอกข้างซ้ายของอาเสือ เขาบอกว่าถ้าคนโกหกอะไรหัวใจจะเต้นเร็วกว่าปกติเพราะอาการตื่นเต้นทำให้เลือดสูบฉีดมาก วัดจากความรู้สึกที่มือผมตอนนี้มันบอกได้ว่าอาเสือกำลังเป็นแบบนั้น
            “มีเรื่องที่อาบอกกาวไม่ได้ใช่ไหม”ผมตัดสินใจถาม อาเสือพยักหน้า
            “เพราะอะไร?
            “เพราะมันอาจทำให้กาวเสียใจ”
            “มากว่าที่กาวเคยรู้สึกมางั้นเหรอ?”ผมจะขยับตัวหนีแต่อาเสือกอดรัดไว้
            “อาจะบอกถ้ามันถึงเวลาที่สมควร กาวไม่ต้องให้ใครตามสืบเรื่องนี้...ความจริงอยู่ที่อา อาจะเป็นคนบอกกาวเอง”ผมเบิ่งตาโต เรื่องที่เคยขอให้ไอ้บอลไปสืบ ๆ มาอาเสือกลับรู้เรื่องเข้า
            “อาเสือรู้????
            “อารู้ทุกอย่างที่อยากจะรู้”ผมเงียบก่อนจะถอนหายใจออกมา
            “งั้นอาเสือก็ต้องรู้สิว่าตอนนี้อาน้ำมนต์หายไปไหน”
            “เขาอยู่ในที่ที่ควรอยู่”คำตอบจากอาเสือทั้งที่ไม่เคยตอบมาตลอดหลายปีทำให้ผมอดตื่นเต้นไม่ได้
            “แสดงว่าเขายังมีชีวิต????
            “อาไม่ได้บอกแบบนั้นนะ”
            “เขาตายแล้วเหรอ????”ผมยังเดาต่อไป
            “อาจะไม่ตอบอะไรเด็กดื้ออีกแล้วนะ”อาเสือทำเสียงเหนื่อยอยากนอน แต่ผมยังชวนคุยต่อไปเรื่อย ๆ
            “อาเสือรู้ใช่ไหมว่าเขาอยู่ที่ไหน?”โดนคำถามนี้เข้าไปอาเสือนิ่งนาน ก่อนจะพยักหน้าและพลิกตัวมองเพดาน
            “กาวอย่าบอกใครนะเรื่องนี้...อาไม่อยากมีปัญหาอีกต่อไปแล้ว”
            “งั้นขอถามอีกสองข้อ อาเสือต้องตอบ”
            “โอเค ถ้ากาวจะให้รางวัลเป็นจูบอาข้อละที”ผมไม่ยิ้มแต่ลุกขึ้นนั่งคร่อมอาเสือเอาไว้ หันไปมองแฝดขยับตัวนิดนึงตัวเองก็พยายามไม่ทำเสียงดัง
            “คำถามแรก สิ่งที่อาทำมันมีผลดีต่อกาวไหม?”อาเสือหัวเราะเล็กน้อย
            “แน่นอนครับ อาคิดว่ามันต้องดีแน่นอน”
            “คำถามที่สอง อาทำมันเพราะอยากปกป้องกาวหรือสงสารกาว หรือทำเพราะผู้หญิงคนนั้นเป็นคนรักของอาหรือเป็นคนรักของอาม่าน?
            “คำนี้ย๊าวยาวจังเลยนะ หึหึหึ แต่อาตอบได้ง่าย ๆ เลยว่าอาจะทำเพราะอารักกาว...”
            “เด็กที่อาว่าดื้อคนนี้นะเหรอ”ทำเสียงไม่เชื่อ
            “เขาเดินออกจากความทรงจำของอาไปนานแล้วกาว แต่ความถูกต้องมันยังต้องอยู่กับเรา เชื่อใจอานะและจำไว้ว่าอารักกาวมาก”ผมก้มลงจูบเป็นรางวัลให้สำหรับคำตอบที่ค่อนข้างจะพอใจ ถึงไม่รู้เบื้องหลังอะไรมากแต่แค่รับรู้ว่าสิ่งที่อาเสือทำตอนนี้ไม่ใช่สิ่งไม่ดี นั่นก็พอจะทำให้การเปิดใจของเรามันทำให้เราเข้าใจกันมากขึ้น
            “อาเสืออย่าทำร้ายกาวนะ...ถ้าอาเสือทำให้กาวรู้สึกไม่ดีกาวจะไม่ให้อาเสือเจอหน้ากาวกับลูก”
            “เอาเรื่องนี้มาขู่อาจังงงงงง”อาเสือบีบจมูก
            “กาวพูดจริง ๆ ด้วย”
            “ครับ ๆ เมียอาดุขึ้นนะ...ขยันขู่อาดีจริง ๆ”คนตรงหน้าหัวเราะแกล้ง
            “นอนได้แล้ว! พรุ่งนี้อาไปทำงานรึเปล่า?
            “แขนอาเจ็บอาเลยอยากอยู่บ้านให้เมียดูแล”
            “หึหึหึ”
            “แอ๊ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ”เสียงเด็กร้องไห้ออกมา ผมหันไปมองแล้วลุกขึ้นนั่งมองก่อนจะไถลตัวลงไปหาสเกลที่กำลังร้องไห้
            “ตื่นขึ้นมาทำไมละครับ สะดุ้งเหรอ?”ผมอุ้มขึ้นมาอาเสือลงมานั่งด้วยกัน
             “โอ๋ ๆ ใครทำลูกมะม๊ากันนะ...เดี๋ยวมะม๊าเข้าไปตีในความฝันเลยเนอะ....เนอะ ฮ้าวววว...จะหาวหรือจะร้องไห้กันเนี่ย”ผมหัวเราะพร้อมอาเสือ
            “ไม่ร้องแล้วนะ...มะม๊ากอดอยู่นี่นะ”ผมปลอบและกอดสเกลเอาไว้แนบอกจนแกหลับไปอีกรอบ สกายรู้งานหรือกลัวมะม๊าจะโอ๋เกลเยอะกว่าเลยขยับตัวร้องไห้เหมือนกัน เลยต้องผลัดมาอุ้มบ้าง นอนอีกทีคราวนี้กล่อมด้วยเพลงบรรเลงไปจนหลับสนิททั้งคืน 




คำถามและคำแนะนำจากตอนที่แล้วชินเมมไว้แล้วนะคะ

แต่อาจจะยังหาคำตอบที่เหมาะสมไม่ได้เลยยังไม่ตอบอะไรนะฮับ >< 





COMMENT PLEASE









ขอบคุณที่อ่านและคอมเม้นค่ะ ^^




2 ความคิดเห็น:

  1. ใครนะ กล้าทำเรื่องใจร้ายแบบนั้น เจอตัวต้องจัดการให้หนักนะอาเสือ สเกลสกายจ๋าอย่าดื้อกับแม่กาวสิคร้าบบบ ให้แม่กาวพักผ่อนบ้างเนอะ

    ตอบลบ
  2. พอมีลูกแล้วกาวโตขึ้นเยอะ

    ตอบลบ