ตอนที่ 33 กล่อม
“โอบกอดศัตรูเอาไว้ ไม่ใช่เพราะเรารักมัน แต่เพราะป้องกันไม่ให้มันมาทำร้ายเราได้ต่างหาก”
ผมเปิดสมุดบันทึกจากทางโรงพยาบาลทันที หลังจากมีข้อความขึ้นเตือนที่โทรศัพท์จากโรงพยาบาลดังกล่าว ว่าวันนี้ครบรอบที่กาวต้องไปเช็คร่างกาย ร่างเล็กยังหายใจสม่ำเสมอและไม่มีทีท่าว่าจะตื่นในเวลาอันใกล้ ผมโทรศัพท์กลับไปยืนยันกับทางโรงพยาบาล นัดคุณหมอในเวลา 4 ทุ่มครึ่ง เหตุเพราะไม่ต้องการให้กาวตกเป็นข่าวฉาวโฉ่ที่น่าเกลียด
ที่สำคัญถ้ามีคนรู้ มันจะไม่มีความปลอดภัยใด ๆ เลยสำหรับกาว
ใบหน้าขาวซีดนอนกอดหมอนข้างและหลับตาพริ้มอย่างเหนื่อยอ่อนตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ผมเดินให้เบาที่สุดเพื่อที่จะไม่เป็นการรบกวนคนที่นอนอยู่เกินไปนัก กลัวว่าตื่นมาไม่พ้นต้องอาละวาดเหมือนเช่นเคย ถ้าเป็นเมื่อก่อนกาวคงไม่มีโอกาสได้ตื่นนอนหลังเจ็ดโมงเช้าเป็นแน่แท้ ผมอยากให้เขานอนเร็ว ๆ ตื่นเช้า ๆ เพราะมันมีผลต่ออาการของเขา โรคหวาดกลัว เมื่อไหร่ที่ได้พักผ่อนพอจิตใจก็จะแจ่มใส และกาวก็ไม่ค่อยฝันร้าย
กลางคืนเวลาผมไม่อยู่ กาวมักจะเล่นเกมส์บ้างจากทีวี คอมพิวเตอร์ โดนดุหน่อยก็ลดลงมาแค่ไอแพด ถึงเวลานอนจริง ๆ ก็นอนไม่ได้ต้องพึ่งโทรศัพท์ตัวเองกล่อมนอนหลับคาไปทุกครั้ง
ความฝันไม่ใช่เรื่องตลก....
ผมรู้ดีกับคำนี้และรับรู้มาตลอดว่าอาการนี้มันจะไม่หายไปอย่างแน่นอน จากที่เคยปรึกษาแพทย์มาแล้วอย่างโชกโชน ไม่ใช่แค่ผมที่พยายามจะหาทางออก เมื่อก่อนสมัยที่ม่านยังอยู่ ตัวม่านหรือแม้แต่คุณยายเล็กก็เคยพยายามจะสร้างสถานการณ์แบบเดิมขึ้นมาอีกครั้ง หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง
เป็นวิธีที่ผิดที่สุดตั้งแต่เคยทดลองมา อาการกาวกับแย่ลงกว่าเดิม จำเหตุการณ์ไม่ได้ แม้ความฝันจะคือเรื่องจริงที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่สามารถจำตัวเอง ณ เวลาที่ยืนอยู่ตรงนั้นได้ และที่สำคัญกาวจำไม่ได้ว่าก่อนหน้านั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง ใครเป็นคนที่อุ้มกาวไปยืนอยู่กลางกองเพลิง? ใครเป็นคนบอกให้กาววิ่งขึ้นไปหาไฟ ผมไม่รู้เลย...
ผมเพิ่งมาตรวจสอบข้อมูลทุกอย่างหลังจากม่านตาย ใครจะได้ประโยชน์บ้าง นอกจากญาติสนิทแล้ว ม่านจะมีศัตรูที่ไหน ยิ่งขุดลึกก็ยิ่งเจอความน่ากลัว
พ่อของประพต คุณพฤกษ์ หุ้นส่วนหลายอย่างของม่าน เขาก้าวเข้ามารับหุ้นพร้อม ๆ กับผม จากยอดบริษัทส่วนตัวที่ทำมาติดลบเละเทะมาตลอดหลายปี ทะยานสู่เม็ดเงินมหาศาลที่มาจากแหล่งใดไม่ทราบ เขาคือคนที่ต้องจับตาดูไว้เป็นอันดับที่หนึ่ง
ประพตรู้จักกับน้ำมนต์ แฟนของม่าน จากรายงานที่เพิ่งมาพบล่าสุด เห็นได้ว่า...ทั้งคู่รู้จักกันดีระดับหนึ่งเลยทีเดียวละ น่าแปลกที่ผมไม่เคยรู้แต่ม่านจะรู้รึเปล่าอันนี้ไม่ทราบ
และคุณอร ผู้ไม่เคยญาติดีกับน้ำมนต์เลย
ทั้งสามคนกำลังค่อย ๆ แทรกซึมเข้ามาบริษัทอย่างใจเย็น น่าแปลกที่ผมก็จับตาดูอย่างใจเย็นเช่นกัน ทั้งสามคนจะเกี่ยวข้องกับการตายของม่านรึไม่ผมไม่ทราบ ผมแค่ต้องการข้อมูลจากคนสุดท้าย คนที่รู้เรื่องทุกอย่างดีที่สุด นั่นก็คือน้ำมนต์
ปัญหาก็คือว่า เวลาผ่านไปหลายปีแล้ว น้ำมนต์หายตัวไปไหน เสียชีวิตหรือไปต่างประเทศ นั่นเป็นเรื่องที่ผมสืบมาตลอด แต่ก็ไร้วี่แวว...
“อือ...”เสียงร้องดังขึ้น พร้อมกับคนบนเตียงเริ่มขยับตัว นั่นทำให้ผมตื่นจากภวังค์ สืบเท้าเข้าไปใกล้แล้วนั่งดูอย่างอมยิ้ม
หลับไปอีกแล้ว...ไม่ลุกซะที ถ้าลูกหิวจะทำยังไงเนี่ยกาว? นั่งรออยู่นานจึงคิดว่ายังจะไม่ตื่นแน่แล้ว ผมจึงเดินลงมาสั่งงานช่วงโชติ
“เมื่อคืนได้ไปเอาเอกสารที่ท่าเรือรึเปล่า”
“ไปครับนาย”
“ได้มาไหม”
“ได้ครับ”ผมเริ่มแกะดู เป็นยอดการส่งของเถื่อน และจำนวนเงินรวมทั้งรายชื่อผู้สั่ง
“มั่นใจได้มากน้อยแค่ไหน...ว่าเอกสารนี่ของจริง”ผมถาม
“ตอนนี้ให้คนแอบตามตู้คอนเทนเนอร์อยู่ครับ มันมุ่งหน้าไปลพบุรี น่าจะมีจุดพักอยู่ที่นั่น”
“บอกคนของเราระวังตัวด้วย”
“ครับ”
“อ่อ....ส่งดอกไม้ไปขอโทษคุณอรรึยัง”
“เรียบร้อยแล้วครับ”
“อืม ดี....จับตาดูเขาเอาไว้”
“บอกคุณกาวไปเลยดีกว่าเหรอครับ ไม่งั้นก็จะงอแงอยู่แบบนี้”ช่วงโชติให้ความเห็น
“จะเอาอะไรไปบอกดีละ ความจริงคืออะไรเรายังไม่รู้เลย กาวคิดไม่ซับซ้อน...มุทะลุ ขณะที่ศัตรูใจเย็นมากเกินไป” ผมวิเคราะห์ “รอจนกาวโตได้ขนาดนี้ นับว่าไม่ธรรมดา”
“สมบัติของคุณกาวถูกแยกออกไปแทบทุกส่วนแล้ว เขายังต้องการอะไรอีกละครับ เอาเข้าจริง ๆ คุณกาวเองก็จำไม่ได้ด้วยซ้ำ ว่าตอนเกิดเหตุมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง แม้กระทั่งตอนที่คุณม่านเสียชีวิต...”
“กาวจำไม่ได้...ก็เข้าทางศัตรู ไม่ทิ้งร่องรอย ไม่มีหลักฐาน แต่อย่าลืมว่ามูลค่าของบริษัทมันมหาศาลเกินไป เกินกว่าจะให้เด็กเล็ก ๆ ที่ใจร้อนมาบริหาร พวกนั้นไม่มีวันก้มหัวให้กาวหรอก”
“ครับ ผมเห็นด้วย”
“ยังไงก็ตามหาน้ำมนต์ต่อไปนะ...ความหวังของเราฝากที่เขาทั้งหมด”
“ผมจะพยายามครับ”
ก๊อก ๆ เสียงเคาะประตูขัดจังหวะ เราทั้งคู่หันไปมอง
“คุณกาวตื่นแล้วค่ะ”ผมพยักหน้า รีบลุกขึ้นไปข้างบนทันที
“ตาบวมมากค่ะ บ่นว่าปวดหัวด้วย”สุดารีบมารายงาน ผมพยักหน้าอีกหน ก่อนจะเปิดประตูเข้าไป เห็นเด็กดื้อกำลังขนอุปกรณ์อะไรทั้งหลายของตัวเองลงจากเตียง
“จะขนไปไหน”ถามเสียงล้อเล่น แต่อีกคนไม่สนุกด้วย เด็กดื้อชายตามองเพียงแว้บเดียวแล้วกัดปากตัวเอง
“คืนนี้ก็ต้องนอนห้องนี้อีก...ขนไปขนมาไม่เบื่อหรือไง”เดินเข้าไปกอดเอาใจ แต่โดนสะบัดออก
“อย่ามาโดนตัวกาว...”
“จุ๊บ...ไปอาบน้ำ วันนี้อาหยุด...จะพาไปกินข้าวข้างนอก”
“ไม่ไป! ไม่มีอารมณ์!”
“คุณแม่อารมณ์เสียบ่อยจัง รู้ไหมว่ามันไม่ดีต่อลูกเลย”ผมบอก
“ไม่รู้...ไม่ใส่ใจ”
“กาว....ไม่ใส่ใจเค้าจริง ๆ เหรอ!?”กดเสียงดุ ๆ ตอบกลับไป แค่นี้น้ำตาอีกคนก็พาลจะไหลอีกแล้ว
“..............................................”
“อาขอโทษ”
“เบื่อคำนี้ที่สุด!!!!”
“อาไม่ได้มีอะไรกับเขาอย่างที่กาวเข้าใจ อันนี้อาก็บอกเป็นรอบที่ล้านแล้ว”
“แต่ก็ยังกินข้าว ไปไหนมาไหนด้วยกัน...”
“เพราะเขามีข้อมูลบางอย่างที่อาต้องการ และข้อมูลนั้นมันสำคัญมาก...”
“ทำไมไม่ขอเขาตรง ๆ”กาวถามเอียงคอมอง ทำแบบนี้น่ารักเกินไปแล้วนะกาว
“เราไม่รู้ว่าใครเป็นมิตรหรือศัตรู คนที่กำลังยิ้มให้เรา จริง ๆ แล้วเขาถือมีดไว้ข้างหลังรึเปล่า อาเลยยังไม่ค่อยวางใจ นี่คือสิ่งที่เราไว้ใจไม่ได้”
“แม้กระทั่งคนที่อาเดทด้วย?”
“เดทเหรอ? หึหึ...อาไม่เคยเดทกับเขานะ”
“ก็กินข้าวไง!!!!”กาวตะโกน
“กาวเรียกแบบนั้นเหรอ? สำหรับอามันคือการหยั่งเชิงศัตรู....”
“ศัตรู!?!?!”
“มีอะไรที่อายังไม่รู้อีกเยอะ และอาอยากจะรู้...ทั้งเรื่องไฟไหม้ เรื่องบ้าน ม่าน แล้วก็บริษัท”
“อะ อา...จะ จะ จะ ทะ ทำ อะ ไร...”กาวเริ่มหายใจติดขัด เพียงเพราะพูดถึงความหลัง ผมเข้าประคองทันที
“หายใจเข้าลึก ๆ กาว!!!! ใจเย็น ๆ”
“ขะ เขา เหรอ”
“ไม่ใช่ ๆ ยังไม่ใช่....คุณอรยังไม่ใช่”
“ตะ แต่...อะ อา..”
“หายใจเข้าลึก ๆ ก่อนให้ตายสิ!!!!!!! กาวเป็นแบบนี้อาจะไม่พูดอะไรให้ฟังอีกแล้วนะ”ผมร้องบอก เพราะกาวเริ่มจะยืนไม่ไหวทรงตัวไม่อยู่ เกือบล้มจนผมต้องประคองนอนบนที่นอน
“มะ มัน ฆะ ฆ่า....”
“ไม่ใช่ ๆ ใจเย็น ๆ ยังไม่ใช่เขา....”
“ฮึก.....”
“กาว!!!! กาวหายใจเข้า!!!!!! นึกถึงลูกไว้ ๆ หายใจเข้า....เขาต้องการออกซิเจน นั่นแหละดี...ใจเย็น”ผมบอก คำว่าลูกดึงกาวให้ช้าลงได้ กุมมือบางมาลูบปลอบไว้ดีที่สุด
“.......................................”
“อาอยากให้กาวใจเย็น รอดูสถานการณ์ไปเรื่อย ๆ อย่างที่อาบอก...อาต้องการรู้อะไรบางอย่างจากคุณอร”
“ขะ เขารู้?”
“อาจรู้หรืออาจไม่รู้...แต่อากำลังหลอกศัตรูให้ตายใจ”ตัดสินใจบอก เพราะไม่งั้นกาวจะต้องอาละวาดหนักกว่าเดิมแน่ ๆ
“ฮึก....ฮึก”
“ฟังอานะคนดี....เขามีประโยชน์กับเรา เขายังเป็นคนที่เราต้องการอยู่”
“อาเสือไม่ได้มีอะไรกับเขาใช่ไหม”ผมอมยิ้มในคำถามนั้น
“อาเคยบอกแล้วไง...ว่าไม่มี”ตอบหนักแน่น ทำเอากาวยกมือปิดหน้าร้องไห้
“กาวต้องอดทน ตราบใดที่เรายังไม่รู้ความจริง...”
“ใครฆ่าอาม่าน?”กาวถาม จ้องหน้าลึกเข้ามาในดวงตา
“........................................”ไม่มีคำตอบสำหรับผม
“อะ อาเสือ...มีส่วนเกี่ยวข้องรึเปล่า”ถามเสียงสะอื้น ผมพยักหน้าน้อย ๆ
“คิดว่ามี”ตอบออกมาเสียงแหบแห้ง ส่งผลให้กาวเบ้ปากร้องไห้และหันหน้าหนี
“ฮึก ๆ ๆ”
“อาขอโทษนะ...เพราะอายังไม่รู้คำตอบอะไรเลยบอกกาวไม่ได้”
“ฮือ ๆ ๆ เอาอาม่านคืนมานะ!!! อาเสือใจร้าย”ทำอะไรไม่ได้เลย นอกจากกอดคนตัวเล็กเอาไว้ ผมรู้ว่าออกจะทรมานไม่น้อย สิ่งที่กาวต้องเจอถึงสองครั้งสองครา
“ร้องพอได้แล้วมั้ง ลูกหิวแล้วเนี่ย...”ผมจับพุงน้อย ๆ ที่เริ่มจะใหญ่ขึ้น
“กาวไม่หิว”
“แต่ลูกหิว ถ้ากาวไม่กิน...ลูกต้องควักไส้กาวออกมากินแน่เลย”ผมขู่ กาวทำตาโต
“กะ กินไส้?”
“อืม มันก็กินได้นะ แต่ไม่มีประโยชน์เท่าไหร่?”ผมบอก
“ไม่เอา ๆ กาวกลัว”
“ถ้ากลัวก็ไปอาบน้ำ...อาจะพาไปกินข้าว คืนนี้เตรียมตัวพบคุณหมอด้วย”ผมบอก แต่อีกคนทำหน้าเหมือนคิดเรื่องอื่นอยู่ นั่งนิ่งและดวงตาเหม่อลอย
“อาเสือ...มีอะไรกับคนนั้นรึเปล่า”
“หึหึ ถามรอบที่สองร้อยอาก็จะตอบรอบที่สองร้อยว่าไม่มี”
“แล้วเขาชวนไปทะเลอาจะไปไหม”
“อืม”ผมกำลังคิดคำตอบ
“ไปสินะ”เสียงตอบออกมาจากปากสวย ๆ ทำให้ผมต้องนั่งลงจับเข่า หลานสุดที่รัก
“ถ้าอาต้องไป...จำไว้ว่าอาต้องไปหาข้อมูล ไม่มีอะไรกับเขาเด็ดขาด”
“กาวไม่เชื่อ”สวนกลับทันที ผมเงยหน้าจูบคางสวย
“งั้นไปด้วยกัน”
“หืม?”
“ไปกับอา อยู่กับอา...พาลูกไปพักผ่อนด้วย”
“จะฆ่ากาวเหรอไง เลือดเย็นไปไหมอาเสือ กาวไม่ได้ใจกว้างมากพอให้อาใช้ข้ออ้างที่บอกเพื่อไปจู๋จี๋กับแม่นั่นหรอกนะ หรืออยากให้กาวฆ่าคน?”
“หึหึ เมียอาโหดจัง”ผมแซวเล่นทำเอากาวหน้าแดงน้อย ๆ
“กาวหงุดหงิดมาก!!!! ทำไมอาเสือถึงมีท่าทีสบาย ๆ ทั้งที่กาวจะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว!!!!”กาวระเบิดออกมา ผมกุมมือเอาไว้
“เราต้องอดทนกาว คิดจะเล่นกับไฟก็ต้องทนความร้อนให้ได้”
“...................................................”
“ต้องอดทนรู้ไหม”เช็ดน้ำตาให้กาว
“.....................................................”
“อยู่กับอาไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น ใครมันทำร้ายกาวจะได้เห็นดีกันแน่ ๆ”
“กาวกลัว”เด็กน้อยโผกอดผมเอาไว้
“หายโมโหอาหรือยัง”
“ยังและไม่มีวันจะหาย!!!!!”ผมค่อย ๆ อุ้มกาวขึ้น รู้ดีว่าเวลากาวโมโหน่ากลัวเพียงไร อาละวาดทันทีและทุกอย่างต้องพังพินาศไม่งั้นไม่จบ
“โอ๊ยๆๆๆๆ”แทบจะปล่อยกาวร่วงหลุดมือ ดีที่กระชับไว้แน่น ตอนกาวทั้งจิกหัวและตบหน้าผมตุ้บตั้บ
“ตุ้บๆ ๆ ๆ ๆ”
“โอ๊ยยยยย....”ผมร้องรีบเดินให้ถึงห้องน้ำไว ๆ อีกคนเมื่อยหรือเจ็บมือไม่ทราบ แต่หอบหายใจแฮ่กตอนที่ถูกวางลง
“ถ้ากาวยังรู้ว่าอาไปไหนกับเขาแม้แต่มีใครมาบอก กาวจะฆ่าตัวตาย!”
“กาว!!!!!”ผมร้องเสียงหลง
“กาวจะทำจริง ๆ และจะไม่ฟังคำแก้ตัวของอาอีก”
“อย่าทำแบบนั้น!!!!!! อาขอร้อง...กล้าพูดออกมาได้ยังไง ลูกอยู่ในนี้นะกาว!!!! เขาอยู่ในนี้นะ!!!!!”
“ฮึก กะ ก็กาวเกลียดอาเสือ”ร้องไห้อีกแล้ว ผมรู้ว่ากาวไม่ได้ตั้งใจพูด แต่เมื่อพูดมันออกมาแล้ว ย่อมทำให้ผมเกิดความเสียใจเป็นอย่างมาก
“กาว”เป็นผมเองที่เสียงสั่น เข้ากอดกาวแน่น ๆ
“ฮืออออออออ”
“อย่าพูดอย่างนั้นอีก อาเสียใจ อารู้ว่ากาวจะไม่มีวันทำแบบนั้น ถ้าโกรธอะไรมาลงที่อา...อารับมันไว้ทั้งหมดเอง จะทำร้ายอายังไงก็ได้ แต่อย่าทำร้ายตัวเอง สัญญากับอา”เป็นครั้งแรกที่ผมพูดเร็วและรัวมากกว่าปกติ แถมเสียงยังสั่นมาก อาจเพราะมีความกลัวอยู่ในใจ
น้ำตาไหลไม่รู้ตัว แต่กาวไม่มองหน้าผมเลยด้วยซ้ำ
“สัญญากับอาได้ไหม”ผมถาม แต่กาวส่ายหน้า
“อายอมแล้วทุกอย่าง...ได้ไหม ต่อไปนี้จะทำทุกอย่างที่กาวต้องการ”
“ก็พูดแบบนี้ทุกที คิดว่ากาวจะเชื่อหรือไง? ไปไกล ๆ!!!!”
“คนดีของอา อย่าทำแบบนี้ ไม่มีกาวอาจะอยู่ยังไง”
“อยู่กับคนนั้นที่อาเลือก....”กาวกำลังประชด
“อาเลือกกาว...เราเคยสัญญาไว้ว่าจะดูแลกันตลอดไปนี่”
“ก่อนอาจะมาเจอกนกอร”กาวพูดเสียงเรียบ
“ก่อนหรือหลังอาก็เลือกกาว...”
“ต่อไปนี้ไม่ต้องเอามือที่จับเขามาจับกาว”ผมชักมือออกเพราะอยากเอาใจ แต่กาวกลับมองอึ้ง ๆ
“เปล่า ๆ ก็กาวทำหน้าดุใส่อา”
“ออกไปกาวจะอาบน้ำ!!!!!”
“อาช่วยดีกว่า”
“ไม่ต้อง!!! อย่าทำให้กาวหงุดหงิดจะได้ไหม ให้ตายสิ!!!!”
“โอเคครับ มีอะไรเรียกอานะ....”ผมจูบหน้าผากแล้วรีบเดินออกมา สุดากำลังจะเคาะประตูจัดเสื้อผ้ามาให้
“เอ่อ คุณท่านคะ”
“มีอะไรสุดา”
“คือว่า....สุดาจดมาให้ค่ะ อ่านเจอมาเขาบอกว่าคนที่ท้องมักจะมีอารมณ์แปรปรวนมากกว่าปกติ”ผมรับมาอ่าน ไล่สายตาดูสิ่งที่สุดาจดมาให้
“อย่าโกรธคุณกาวเลยนะคะ ที่เป็นแบบนี้คงเพราะอาการท้อง”
“คนท้องเป็นขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย!!? ฉันว่าที่กาวเป็นออกจะเกินไปหน่อยนะ”
“เป็นเรื่องปกติค่ะ ป้าแม่บ้านข้างล่างแกก็ยังบอก...ว่าบางคนยิ่งกว่านี้อีก”นึกสภาพกว่ามากกว่านี้ไม่ไหว แค่คิดก็สยองเกินไป ผมพยักหน้าพับกระดาษใส่กระเป๋า คืนนี้จะไว้ไปถามคุณหมออีกที
“คืนนี้เตรียมตัวไปรพ.กับกาวด้วยนะ ตอนสี่ทุ่ม เตรียมของขึ้นรถให้พร้อมด้วย...เผื่อได้นอนรพ.”ผมสั่ง
“ค่ะ”
หลังจากทานอาหารเสร็จ ต้องเตรียมตัวเดินทางกันหน่อย ไม่ได้ไปไหนไกลแต่ก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อมไว้เสมอ ป้านิดกับสุดาแล้วก็อูนั่งรถตู้อีกคัน มีวินัย ช่วงโชติตามเหมือนเคย ส่วนผมขับรถเองมีกาวนั่งข้าง ๆ อากาศร้อนมาก แต่ก็อยากออก...แม้กาวจะง่วงตลอดเวลาก็ตาม
“สบายพอไหม เอาหมอนอีกไหม”ผมถาม เอาหมอนมาดุนท้องเอาไว้ตอนกาวนอน
“อย่ามาแตะ....”
“แค่โดนนิดเดียวเอง”
“ก็ห้าม!”
“อย่าจริงจังเกินไปหน่อยเลยกาว ทนไหวเหรอไม่อาแตะเลย”ผมพูดขำ ๆ แต่อีกคนไม่ขำด้วย มองค้อนซะจนกลัวว่าลูกตาจะไหลไปรวมอยู่ข้างเดียวกัน
“ทนไหวลองดูแล้วกัน! ไม่ต้องมาจับเลยด้วย!”
“อาคิดว่าเราคุยกับเข้าใจแล้ว”
“เข้าใจแต่ไม่ให้อภัย”โอเคจบ ผมไม่มีอะไรจะพูดต่อ ยิ่งคุยกับจะเถียงกันไม่จบ เรื่องพูดเอาชนะต้องยอมให้เขาได้ที่หนึ่ง ไม่งั้นก็จะเป็นอย่างนี้
กาวเกลียดอาเสือ
กาวเกลียดอาเสือ
กาวเกลียดอาเสือ
ผมเกลียดคำนี้ที่สุด!!!! เป็นไปได้อยากจะให้กาวไม่รู้จักคำนี้เลยด้วยซ้ำ!!!!
ก่อนออกมาบอกกาวไว้ว่า อาจจะต้องเปลี่ยนมานอนห้องข้างล่างชั่วคราว ตอนนี้ท้องยังไม่ใหญ่มากยังพอมีแรง เดินขึ้นลงบันไดไหว แต่ถ้าท้องเริ่มโตอีกหน่อย...คงจะลำบากน่าดู ผมเลือกเอาห้องดูทีวีเป็นที่นอนใหม่ของเรา ขยับโซฟาออกไป แล้วกำลังจะไปซื้อเตียงนอนมาใหม่
คนท้องเดินหน้างอเพราะขัดใจที่โดนปลุก สุดาเดินประคองไม่ห่าง ผมให้กาวเลือกที่นอนที่ชอบได้ตามสบาย ส่วนตัวเองก็เดินตามหลัง
“เอาอันที่เบาะนิ่ม ๆ หน่อย กาวจะได้ไม่ปวดหลัง”
“ไม่ต้องพูด...กาวจะเลือกเอง”
“โอเค ๆ”ผมเลยดูของไปเรื่อย ๆ ฟังคนข้างหน้าคุยกับบ้าง
“อันนี้ดีไหม?”
“ลองนั่งดูสิคะ”สุดาบอก กาวก็นั่งลงตาม เหมือนว่าจะถูกใจกาว...แต่แน่นอนว่าไม่ถูกใจผม
“เป็นยังไงคะ”ป้านิดถาม
“กาวชอบอันนี้ นุ่มดี”บอกเสียงดังเหมือนจะให้ผมได้ยินด้วย
“เตียงเดี่ยว เอาไปแล้วอานอนไหนละ?”บอกออกไปเรียบ ๆ แต่กาวหน้าแดงจัดไปแล้ว
“กาวจะนอนคนเดียว”ผมเงียบแล้วจ้องหน้าคนพูด คนอื่น ๆ เหมือนจะรู้ค่อยถอยห่างออกไป จนเหลือแค่เราสองคน
“ตอนกลางคืนกาวต้องมีคนนอนด้วย ต่อไปท้องใหญ่กว่านี้...เกิดอะไรขึ้นกระทันหันจะได้มีคนช่วยได้”
“ก็ให้สุดานอนด้วย”ถอนหายใจให้เด็กดื้อที่กำลังดื้อมาก ๆ
“อ้าวอาละ?”
“อาเสือ ก็นอนห้องตัวเองไปสิ!!!!!”
“อาเป็นผัวกาวนะ! เป็นพ่อของลูกกาวด้วย! กล้าไล่ให้อาขึ้นไปนอนคนเดียวหรือไง!!!!”ลืมตัว...ขึ้นเสียงใส่คนตรงหน้า กาวเบะปาก...กำลังจะร้องไห้
“อย่าร้อง ๆ”
“ฮึก...ทำไมต้องเสียงดังใส่อีกแล้ว”กาวสะอื้น กลัวว่าตาจะบวมเลยต้องเช็ดแล้วรีบปลอบ
“งั้นกระซิบเอาก็ได้....”ผมหยอกหวังจะให้ยิ้ม กาวหันหน้าหนี
“หึหึ ลุกเร็ว...อาพาไปดูเตียงใหญ่กว่านี้”
“กาวอยากได้เตียงนี้”
“นอนไม่สบายหรอก เตียงเล็กกลิ้งสองม้วนก็ตกแล้ว”ผมชี้นำ
“ว่าง่าย ๆ อาจะยอมให้ซื้อหูฟังเพลงใหม่”
“อือ”รีบพยักหน้าเลย หึหึ ผมอมยิ้ม...จูงมือกาวเดินออกมาดูเตียงกว้าง เอาแบบกว้างที่สุดและเบาะนอนที่สบายที่สุด หมอน หมอนข้าง และหมอนอิงให้นอนสบาย ๆ อีกหลายใบ
“เหม็น”
“หืม?”
“กลิ่นมันเหม็น อ๊อก!!!”กาวทำท่าจะอ้วก รีบยกมือปิดปากใหญ่ ทำเอาทุกคนตกใจ เพราะอาการหายไปนาน วันนี้ดันกลับมาอีกครั้ง
“กลิ่นใหม่เหรอคะ?”ป้านิดรีบถาม คนเคยท้องมาก่อนจะรู้ดีที่สุด กาวพยักหน้า
“พวกผ้าห่ม ผ้าปู ดิฉันว่าอย่าซื้อเลยค่ะ คุณกาวติดกลิ่นเดิมมาก...ใช้ของเดิมดีกว่า”ป้านิดแนะนำ ผมหันไปมองกาว แล้วพยักหน้าเห็นด้วย
“เอาเท่าที่สั่งไปแล้วกัน”บอกพนักงานแล้วยื่นบัตรให้ ให้ช่วงโชติรับหน้าที่เช็คของและแจ้งที่อยู่จัดส่ง ส่วนคนอื่น ๆ ให้ไปรอที่ร้านไอศครีม
ถ้าต้องนั่งสองคนกาวคงจะไม่ยอมแน่ ๆ เลยต้องต่อโต๊ะยาว จากนักธุรกิจ ผู้ช่วย แม่บ้าน แม่ครัว ต้องมานั่งรวมกัน กินไอศกรีมอะไรก็ไม่รู้ เพียงเพราะคนท้องอยากกิน
“เอาอีก...”กาวบอก ทั้งที่ตัวเองกินถ้วยใหญ่กว่าคนอื่นไปแล้ว แถมยังมีชอคโกแลตฟองดูว์อยู่ตรงหน้า ก็จิ้มกินไม่หยุด มีเพียงผม วินัย และช่วงโชติที่นั่งทานกาแฟ ป้านิดแกก็ไม่เคยกิน...กาวก็คะยั้นคะยอแกอยู่นั่น
สุดท้ายต้องเอาใจเขาหน่อย ไม่งั้นงอนอีก วันนึง ๆ เริ่มชักจะงอนหลายรอบแล้ว
“พอได้แล้วมั้ง”เป็นผมที่ขัดขวางการสวาปามขั้นสุดของกาวไว้
“ขอเมนูด้วยครับ”คาดว่าสติเมียผมคงหลุดไปแล้ว พูดอะไรไม่ฟังตลอด แต่สุดท้ายก็ยอมให้เค้าวันนึง กาวไม่ได้กินอะไรแบบนี้บ่อย ๆ อยู่แล้ว พอได้กินที่ชอบก็เหมือนจะอารมณ์ดีขึ้น ยิ้มง่ายใครพูดอะไรก็ยิ้ม ถูกใจไปซะหมด ผมคอยเอาทิชชู่เช็ดปากให้
เด็กดื้อคงจะลืมเรื่องที่ไม่ให้ผมแตะตัว หึหึ
กาวนอนหลับบ่อย วันนึงก็หลายชั่วโมงจนผมคิดว่ามันอาจมากเกินไปด้วยซ้ำ มาหาหมอวันนี้เลยได้มีโอกาสถามคุณหมอโดยละเอียด หลังจากเช็คร่างกายเบื้องต้นครบถ้วนแล้ว จึงเข้ามานั่งในห้องคุณหมอที่คุ้นเคยกันดี
“เป็นเรื่องปกติของคนท้องนะครับ ก็จะเหนื่อยง่าย...ปวดเมื่อยตามตัวบ้าง”
“แล้วผมต้องทำยังไงครับ”
“คุณพ่ออาจจะนวดให้บ้าง บางทีสัมผัสอ่อนโยนก็จะส่งผลที่ดีถึงเด็กในครรภ์ด้วยครับ”หมอแนะนำ
“ให้อาเสือนวด ผมได้พิการก่อนคลอดลูกแน่ ๆ”กาวบ่น ทำเอาหมอยิ้ม
“ไม่หรอกครับ ลองทำดูแล้วจะรู้สึกดีขึ้น หรืออาจจะทำโยคะก็ได้”
“คนท้องทำได้ด้วยเหรอครับ”ผมถาม
“ได้ครับ แต่ต้องเป็นท่าที่เหมาะสมเท่านั้นนะครับ เดี๋ยวนี้ก็จะมีคอร์สเยอะแยะหาเรียนได้ทั่วไป หรือจะมาเรียนกับทางรพ.เราก็ได้ครับ”หมอให้ใบโปชัวร์มาหนึ่งแผ่น ผมรับไว้ดูและกาวก็แย่งไปดู
“ว่ายน้ำก็ได้นะครับ จะได้คลอดง่ายๆ”
“อ๋อครับ”เหล่มองคนข้าง ๆ
“ไม่ต้องหรอกมั้ง อาเสือ ก็ทำแบบนั้นแล้ว...คงคลอดง่ายเหมือนกัน”พูดอย่างซื่อ ๆ ทำเอาผมอับอายเล็กน้อย
“หืม?”หมอมองหน้าเหมือนไม่เข้าใจ ก็ดีแล้วไม่ต้องเข้าใจ กาวทำท่าจะอธิบายอีกแต่ผมขัดจังหวะเสียก่อน
“วันนี้จะอัลตร้าซาวน์เลยได้ไหมครับ”
“ครับ เชิญที่เตียงได้เลย”
“ทำอะไรเหรอ?”กาวถาม
“ดูลูก”ผมบอก ประคองกาวไปที่เตียง เลิกเสื้อคนตัวเล็กขึ้นให้ พุงไม่น้อยแล้ว...แต่เสื้อตัวหลวมบดบังสายตาได้ดีทีเดียว
“อย่ามอง”กาวร้องห้าม ผมหัวเราะ
“ไม่เป็นไรน่า”ผมบอก ยืนมองคุณหมอเดินวนหาอุปกรณ์ในห้อง กาวคงจะตื่นเต้นเพราะมือเย็นเจี๊ยบ ผมเลยต้องกระชับมือไว้แน่น ๆ
“อืม....ไหนดูสิ ขอดูหน่อยนะครับ”หมอเอาเจลทาที่ท้องแล้วใช้เครื่องมือถูวน ๆ ไปมา
“ตรงไหนเอ่ย....”เราสองคนลุ้นมาก
“หืม?”หมอทำหน้าประหลาดใจ
“อะไรครับ!?!?!”ผมรีบถามเลย ส่วนกาวเหมือนจะตกใจหน้าเสียไปแล้ว หมอตรวจดูอีกครั้ง
“เหมือนจะมีสองคนนะครับ”
“ห๊ะ!!!!!”ผมกับกาวร้องพร้อมกัน
“นี่ไงครับ แฝดแน่นอนผมขอยืนยัน”หมอตอบเสียงหนักแน่นขึ้น ผมน้ำตารื้นขึ้นมาทันที
“ชัวร์ไหมครับหมอ”หมอพยักหน้า
“ถ้ายังไงเดือนหน้ามาซาวน์ดูอีกครั้งก็ได้นะครับ ตอนนี้ยังไม่เห็นเพศ...”
“ครับ”ผมร้องดีใจสุด ๆ
“เดี๋ยวหมอปริ๊นซ์ภาพให้นะครับ แล้วก็จะจ่ายยาบำรุงครรภ์ให้ตามปกติ คุณแม่ต้องทานอาหารให้มากกว่านี้นะครับ น้ำหนักยังไม่ค่อยโอเค...”
“ไม่ค่อยยอมทานเลยครับ”พูดออกไปแล้วโดนมองค้อน
“ก็ฝืน ๆ หน่อยนะครับ เด็กจะได้ออกมาแข็งแรงสมบูรณ์”
“ครับ”พูดเสียงอ่อย ๆ
“แล้วผมจะขอซื้อคอร์สทำโยคะด้วยครับ”
“เดี๋ยวจะให้นางพยาบาลทำเรื่องให้นะครับ บอกเขาได้เลยว่าสะดวกจะเข้ามาทำวันไหน”
“อาไม่ว่างทุกวันด้วยสิ”ผมหันมองกาวแล้วคิดตัดสินใจ
“มีเจ้าหน้าที่รับจ๊อบพิเศษไหมครับ อาจจะไม่สะดวกมาที่นี่บ่อย...แต่ที่บ้านมีที่กว้างพอให้ทำโยคะได้”
“อันนี้ต้องให้นางพยาบาลถามนะครับ”
“ช่วยแนะนำด้วยนะครับ ผมต้องการคนที่ไว้ใจได้”ผมย้ำ
“ได้ครับ หมอจะจัดการให้แล้วติดต่อกลับไปอีกทีนะครับ”
“ครับผม”
“งั้นวันนี้โอเคแล้วครับ อ่อ...นี่หมอให้ จะได้นอนหลับสบาย”หมอ ยื่นแผ่นซีดีให้กาว เป็นเพลงคลาสสิค เจ้าตัวคงไม่ฟังเป็นแน่
“ขอบคุณครับ”
“สวัสดีครับ”ผมขอบคุณแล้วเดินออกมา ให้คนไปจ่ายเงินและสั่งกำชับเรื่องคอร์สให้ถามเจ้าหน้าที่มาให้ดี กาวไม่ยอมกลับไปที่รถ จะรอเอารูปอัลตร้าซาวน์อย่างเดียวเลย ผมเอาผ้าคลุมไม่ให้มีคนจำกาวได้
“เอ๊ะ....คุณสรนัฐนี่คะ!!?”หญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาทักทาย ผมชะงัก...กาวก็ชะงัก ส่วนคนอื่น ๆ ก็มองตาม วินัยที่เดินตามหลังมายังงงเพราะผมยังไม่สั่งอะไร
“ครับ?”ผมทักกลับสีหน้าแปลกใจ ไม่รู้จักคนตรงหน้า
“ดิฉัน เขมนิฐจากสำนักพิมพ์ธุรกิจวันนี้ค่ะ”
“อ่อครับ”
“ไม่คิดว่าจะได้เจอคุณสรนัฐที่นี่นะคะ”
“อ่อ ผมมาเยี่ยมคนรู้จัก ขอตัว....”รีบเดินหนีออกมาก่อน เธอคงจะเสียหน้าเล็กน้อย แต่ผมไม่สนพากาวเดินขึ้นรถมาทันที
“ชิบ!!!!”ผมสบถ ไม่อยากให้กาวเป็นข่าวตอนนี้นะ!!!!!
“เขาจะรู้ไหม”
“ไม่หรอก เขาไม่เห็น...”กาวมีสีหน้ากังวลจนเห็นได้ชัด แต่ไม่นานก็ลืม...เพราะช่วงโชติเอารูปมาให้
“ป้านิด สุดา พี่อู....ในนี้มีสองคนแหล่ะ!!!!”
“อะไรนะคะ!?!?!?!”ทั้งสามคนตาโต
“ชู่วววว ไปคุยที่บ้าน”ผมบอกเสียงเรียบ ทำเอาทั้งสามคนเก็บเสียงกรี๊ดขึ้นรถตามมาทันที กาวยิ้มมาตลอดทาง
“คราวนี้จากระวังระดับ 10 อาขอเตือนเลยว่าต้องระวังเพิ่มเป็นระดับ 50 นะครับ...”
“รู้แล้วน่า”
รู้แล้วน่าแต่พอผีเข้าก็สติหลุดทุกที เฮ้อ....แบบนี้จะวางใจให้อยู่บ้านคนเดียวได้ไหม สงสัยต้องหยุดงานบ่อย ๆ แล้วละมั้ง
COMMENT PLEASE
กรี้ดด แฝดแหละ อาเสือคะ กู๊ดจ๊อบค่ะ ปั้มจนได้แฝดเลย น้ำยาดีนะคะ ครึครึ
ตอบลบทนไหวเหรอไม่อาแตะเลย ให้ มันหายไปไหนน้า
ตอบลบแฝดแหละ อ๊ายยยยย น้ำยาอาเสือดี
ตอบลบตั้งกะอ่านมาแต่ละตอน
ตอบลบความรู้สึกเหมือนขึ้นไวกิ้งอ่ะ5555
เดวร้อนเดวหนาวตลอด กลัวไก่แผลงฤทธิ์ใส่เสือ ขึ้นลงตลอด กาวน้อกาววว