วันอังคารที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ตอนที่ 47 (เล่าโดยอาเสือ) 100%






"ทุกคนต่างก็มีช่วงเวลาที่ลำบากและเจ็บปวดด้วยกันทั้งนั้น"

เสือ สรนัฐ


อาเสือ PART
          หน้าโรงเรียนที่คลาคล่ำไปด้วยนักเรียนผู้หิวโหยทั้งหลายมายืนออกันอยู่หน้าร้านค้าเพื่อรอซื้ออาหาร บ้างก็เดินตรงดิ่งออกไปยังป้ายรถเมล์เพื่อเดินทางกลับบ้าน ผมนั่งรออยู่ตรงนี้ได้สัก 30 นาทีแล้ว ยังไม่เห็นร่างที่คุ้นเคยเดินออกมาคงจะช้าตามเคย
            “วันนี้คุณกาวมีเวรทำความสะอาดคงจะออกมาช้าหน่อยครับ”ช่วงโชติผู้เป็นทั้งเพื่อนและลูกน้องกล่าว ผมมองดูหน้าประตูยังไร้วี่แวว
            “อืม”
            “เรามีงานเร่งต้องไปต่ออีก จะให้ผมเข้าไปตามไหมครับ”เสียงช่วงโชติทำลายความเงียบขึ้นอีกครั้ง ผมเงียบไปชั่วอึดใจและครุ่นคิดมันโดยรวดเร็ว
            “นายล่วงหน้าไปก่อนก็ได้ ฉันจะอยู่รอรับกาวเอง”
            “แต่ว่า....”คำโต้แย้งไม่เป็นผล เมื่อผมนิ่งเกินกว่าช่วงโชติจะกล้าขัดแย้ง ชายหนุ่มตรงหน้าขยับแว่นและมองหากระเป๋าก่อนจะหันมาร่ำลา
            “โรงแรมเชอราตัน เวลาทุ่มครึ่ง ผมจะไปรอที่หน้าโรงแรมนะครับ”ผมเพียงแต่พยักหน้าให้ ปล่อยให้ลูกน้องตัวเองโบกแท็กซี่แล้วเดินทางกลับล่วงหน้าไปก่อน ไม่นานร่างเล็กที่ต้องการเห็นโผล่ออกมาจากหน้าประตู ข้ามถนนและเปิดประตูเข้ามานั่งด้านใน
            “ทำไมวันนี้อาม่านไม่มาอีกแล้วละ?”น้ำเสียงเหนื่อย ๆ พร้อมเหงื่อที่ผุดมาตามหน้าผาก ทำให้ผมหัวเราะ
            “หัวเราะทำไม ประสาท”เสียงบ่นเบาจากปากสวย ๆ ทำให้ผมเริ่มหงุดหงิด
            “แล้วนี่อาโชติไปไหนกาวอยากกลับบ้านแล้ว อาม่านบอกจะให้ของขวัญวันเกิด”
            “......................................”ผมเงียบต่อคล้ายยั่วประสาทคนตัวเล็กกลับบ้าง กาวตัวเล็กนิดเดียวแต่วางท่าเหมือนตัวเองเป็นคนที่โตแล้ว หลานชายของไอ้ม่านคนนี้แสบไม่เบา ตัวแค่นี้แต่รายงานความประพฤติยาวเหยียดเป็นหางว่าวจนน่าปวดหัว ถ้ารู้ว่าไอ้ม่านอยู่กับน้ำมนต์ตอนนี้ไอ้ตัวเล็กนี่ก็คงไม่ยอม
            “วันดี ๆ ของกาวไม่อยากอยู่กับอาแล้วหรือไง”ผมถามแต่กาวเงียบ ความสัมพันธ์ที่คลุมเครืออาจทำให้กาวเริ่มสับสนและก้าวตามผมอย่างลังเล ผมเข้าใจในข้อนี้และไม่บังคับอะไรกาวเลยถ้ากาวจะต้องมีใครสักคนในวันข้างหน้า
            ผมหยิบกล่องของขวัญออกมาแล้วยื่นให้ กาวชะงักพร้อมใช้ตาโตกลมสวยของตัวเองมองมาอย่างหาคำตอบ ให้ตอนนี้เพราะคิดว่าถ้าให้ต่อหน้าคนเยอะ ๆ ผมอาจจะเสียหน้าได้ กาวต้องอาละวาดแน่
            “จากอา....”ผมบอกแค่นั้น ไร้คำขอบคุณจากอีกคน กาวคว้ามันไปก่อนจะแกะมันออกรวดเร็ว สายตาคนตัวเล็กมองของตรงหน้าอย่างสนใจ
            “ปรับตัวให้เข้ากับสังคม ไอ้....!!!!”กาวอ่านช้า ๆ ก่อนจะเงยหน้ามองทำตาลุกวาว มือเล็กปล่อยหนังสือร่วงลงใต้เบาะแล้วเตรียมจะกระโดดตัวเองเข้าทำร้ายผม ตัวเล็กแค่นี้แต่พิษเหลือร้าย ผมเอื้อมมือรวบข้อมือเล็กไว้กำมือเดียวก่อนจะกระชากร่างเล็กมาติด กระจกรถแบบติดฟิล์มดำหนาทำให้ด้านนอกมองไม่เห็นเรา
            “ไอ้คนบ้า!!
            “หึหึหึ”
            “อาเสือบ้า!”ผมแสยะยิ้มรวบตัวเล็กขึ้นมานั่งเกยตัก ก่อนจะแกล้งต่อด้วยการฟัดแก้มนุ่มอย่างรุนแรง
            “ไอ้คนบ้า ไอ้บ้า!
            “อย่าปากดีกับอา”
            “คนบ้า!”กาวดิ้นแรงเกินไป ทำให้ผมเผลอใช้แรงบิดข้อมือแรงขึ้นอีก ยอมรับว่าอยากจัดการเจ้าเด็กแข็งข้อนี่จนลืมไปว่าอาจทำให้หลานรักไอ้ม่านบาดเจ็บ
            “โอ๊ย!”ร่างเล็กร้องและหยุดตัวเองนิ่ง กาวเงยหน้าหันมาสบตาแววตาตัดพ้อกึ่งโกรธแค้น ผมรีบปล่อยมือออกทำให้เห็นรอยแดงขึ้นที่ข้อมือชัด เจ้าของมือเล็กก็เห็นพร้อมกันถึงกับกัดปากตัวเองเอาไว้
            “ฮึก”
            “........................................”ผมนั่งค้างนิ่ง ตอนแรกว่าจะแกล้งเล่นไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้
            “ฮึก เจ็บ...”กาวพยายามไม่ร้องยิ่งทำให้น่าสงสารขึ้นอีก เด็กซนไม่เคยเจ็บตัวกับอะไรเลยแม้แต่มีดบาดยังไม่เคย
            “.......................................”ความเงียบครอบงำเราสองคนเอาไว้ ร่างเล็กลงไปนั่งคุดคู้ข้างประตูก่อนจะหันหน้าหนี คงจะเกลียดผมเอามาก ๆ
            “ขออาดูมือหน่อย”
            “ไม่ต้องมายุ่ง!
            “กาวดิ้นอาเลยต้องออกแรงจับกาวมากขึ้น....”อาไม่ได้ตั้งใจ ยังพูดไม่จบประโยคร่างเล็กสะบัดหน้ามาหา น้ำตาร่วงพรู นัยย์ตาทั้งสองเต็มไปด้วยน้ำใส ๆ ที่ไหลพราก ผมเองก็รู้สึกผิดพอกันก็นอกจากแสร้งร้องไห้เพราะเอาแต่ใจ กับการร้องไห้แบบนี้ตอนนี้มันต่างกันมาก
            “อาม่านยังไม่เคยทำเลย ฮึกมีสิทธ์อะไรฮึก!!”เสียงสะอื้นทำให้ผมเลื่อนตัวไปหาคนตัวเล็ก ไม่รู้จะทำยังไงนอกจากเช็ดน้ำตาให้ ทีแรกกาวไม่ยอมแต่ผมก็เช็ดให้จนได้ ผมก้มหน้าลงไปบรรจงจูบปลอบที่ริมฝีปากสวย กาวตัวสั่นมากกว่าที่เคยเวลาเราอยู่ใกล้กันแบบนี้
            “กาวเป็นของอา”ผมกระซิบแผ่วเบามีริมฝีปากเย็นเผยอรับสัมผัสเพียงน้อย ตัวเองปล่อยตัวหลงใหลสัมผัสโดยลืมว่าอีกฝ่ายยังไม่ชินทางถึงขนาดที่มีลิ้นร้อนสอดเข้าไปในโพลงปากคนตัวเล็ก กาวผงะถอยทันทีไม่ยอมให้ทำต่อ ผมตกใจจึงหยุดและถอยห่างออกมาพอกัน ร่างเล็กยกมือปิดปากตัวเองหน้าแดงจัด
            อดหอมแก้มให้กับการเขินที่น่ารักของกาวไม่ได้
            “ไอ้โรคจิต”กาวต่อว่าเสียงเบา มือยังปิดที่ปาก
            “หึหึหึ”ผมหัวเราะเพราะต้องการแกล้งยั่วโมโห ซึ่งมันก็ได้ผลกาวจิกสายตามองอย่างแค้นเคือง
            “อาคิดว่ากาวชอบ”
            “ใครจะชอบ!
            “ทำแบบนี้ตั้งหลายครั้งไม่เห็นกาวว่าอะไร?”ผมถาม
            “............................”ไม่มีคำตอบจากปากคนตัวเล็ก เพราะคำตอบนั้นรู้ดีอยู่ที่ใจผมแล้วอย่างที่สุด เพราะเราคุ้นเคยกันแค่รสสัมผัสภายนอก ครั้งแรกที่ทำเพียงแค่ต้องการสั่งสอนคนตัวเล็กเฉย ๆ กาวดื้อแล้วก็ชอบเถียงอย่างที่สุด ถ้าทำแบบนี้จะทำให้คนตัวเล็กหยุดการกระทำทุกอย่างได้ถึงจะชั่วขณะก็ตาม
            “ม่านบอกรึยังว่าสุดสัปดาห์นี้กาวต้องไปอยู่กับอา”
            “ทำไม”เห็นหน้ากาวตอนนี้เหมือนกับโลกถล่มลงมาทั้งใบ ผมรู้ว่าไอ้ม่านมันสัญญากับกาวว่าจะพากาวไปตกปลาหลังจากที่ปล่อยให้หลานต้องอยู่บ้านคนเดียวมาเกือบตลอดทั้งปี แม้กระทั่งวันเกิดก็ยังมีงานสำคัญ
            “อาหยุด”
            “แล้วอาม่านไม่ได้หยุดหรือไง?
            “................................”ผมเงียบไม่ตอบอะไรต่อ เปิดรถลงเดินแล้วประจำที่คนขับพากาวกลับบ้าน
            “อาม่านไม่หยุดเหรอ?”ถามอีกครั้ง
            “อืม”ผมตอบแค่นั้น มองกระจกหลังไม่เห็นร่างเล็กนั่งที่หลังเบาะแล้ว ร่างเล็กไถลลงไปนั่งที่พักวางเท้าเสียงร้องไห้แบบพยายามไม่ให้มีเสียงทำให้ผมถอนหายใจ ทำไมต้องเป็นผมทุกทีที่ได้มาเห็นกาวมุมนี้...

            กลับถึงบ้านก็ไม่มองหน้าผมอีกต่อไป บ้านสวนหลังกว้างเป็นบ้านที่กาวรักหนักหนา เจ้าตัวย้ายมาจากบ้านหลังใหญ่กว่านี้แต่ไม่เคยพูดถึงมัน อดีตที่บอบช้ำอย่างสาหัส...ไอ้ม่านเคยพากาวเข้ารับการรักษาหลังจากที่บ้านหลังใหญ่ถูกไฟไหม้ เป็นกรรมต่อเนื่องที่ไม่เคยมีใครกลับไปพูดถึงอีกเลย
            ร่างเล็กถูกพบว่านอนสลบอยู่ระหว่างที่พักบันไดขณะที่คนอื่น ๆ อยู่ชั้นบนและไม่มีใครรอด กาวยังเด็กมากเลยเกิดอาการช็อคปิดกั้นความกลัวของตัวเองไว้ระดับหนึ่ง หมอเคยบอกว่ากาวไม่ยอมรับความจริงว่าไฟไหม้และเกิดเหตุการณ์เลวร้ายมากเพียงใด กว่าจะพาดึงออกมาจากอดีตที่จมลึกถึงจะใช้เวลาไม่นานแต่มันก็กลายเป็นความทรงจำที่ดำมืดบอดสนิท เด็กตัวเล็กต้องมารับผิดในการกระทำของผู้ใหญ่
            ผมนั่งลงบนโซฟาและโทรศัพท์หาไอ้ม่าน
            “มึงจำได้ไหมว่าวันนี้วันเกิดหลานมึง”ผมถามเสียงนิ่ง
            “อะไรว่ะ”ม่านทำเสียงหงุดหงิด
            “กูถามว่าจำวันเกิดหลานมึงได้ไหมหรือว่ามัวแต่เสพสุขจนลืมทุกอย่างไปหมดแล้ว”มันเงียบไปชั่วครู่
            “ตอนนี้กูไม่วางนะเสือ”
            “มึงทำอะไรอยู่?”ไอ้ม่านไม่ตอบและผมก็ไม่ต้องการคำตอบด้วย ตั้งแต่ผมรู้จักมันและร่วมธุรกิจด้วยจึงทำให้ได้รู้อะไรหลาย ๆ อย่าง เกี่ยวกับครอบครัวของมัน
            ม่านเป็นลูกเมียน้อยมันเป็นคนที่คนภายนอกเห็นว่าดีพร้อมสมบูรณ์ แต่ไม่ใช่อะไรแบบนั้นที่อยู่ภายใต้จิตใจของมัน ตลอดเวลามันอิจฉาลูกเมียหลวงอย่างพ่อของกาวและประพจน์พี่ชายต่างพ่อมาตลอด แรงบีบคั้นจากคนต้นตระกูลทำให้ม่านพยายามดีดตัวเองขึ้นมาเบอร์หนึ่งเทียบกับพ่อของกาวผู้ซึ่งทำธุรกิจอย่างอ่อนแอ และใจกว้างมากเกินควร ผมเห็นช่องโหว่มากมายเมื่อได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท เขาไม่ถนัดการต่อยอดธุรกิจเอาซะเลย อีกทั้งประพจน์หรือลุงของกาวยังติดการพนันอีก
            ปู่ของกาวรู้ว่าลูกชายตัวเองมีหนี้การพนันเลยอยากจะรีบโอนหุ้นแบ่งก่อนที่จะมีปัญหาร่วมกันภายหลัง ประพจน์รู้ว่าพ่อตัวเองทำพินัยกรรมให้พ่อของกาว เลยไม่พอใจถึงขนาดให้คนเข้ามาขโมยพินัยกรรมและสร้างสถานการณ์ โชคร้ายที่มันออกจะเลวร้ายไปสักหน่อย ไฟไหม้บ้านครอกครอบครัวตัวเองเสียชีวิตเกือบทั้งหมด
            ม่านมันรู้ดีว่าใครทำ ในเมื่อตัวมันเฝ้ารอให้เกิดวันนี้อยู่แล้ว ประพจน์ต้องการทำระยำกับหลานตัวเองดีที่ไอ้ม่านช่วยไว้ได้ทัน ผมไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไรระหว่างพี่ชายต่างพ่อและไอ้ม่าน แต่ผมรู้ดีว่ามันไม่ใช่ความรักในเมื่อไอ้ม่านก็มีความต้องการครอบครองทุกอย่างมาเป็นของตัวเอง
            ความโลภกับความโลภเจอกันย่อมเกิดการพังพินาศมหาศาล
            ผมเป็นนักธุรกิจชอบลงทุนและแสวงหาโลกใหม่ ๆ เมื่อได้รู้จักไอ้ม่านก็ถูกจริตนิสัยใจคอบางส่วน ยิ่งได้มารู้จักบ้านสวนและคนบ้านสวนก็เกิดหลงรักและกลายเป็นรับรู้เรื่องราวไปด้วย
            รู้ทุกอย่างแต่พูดไม่ได้ ในเมื่อห้ามแล้วไม่ฟังก็ได้แต่ปล่อยไปตามกรรมของตัวเอง
            ประพจน์มีลูกชายซึ่งโตกว่ากาวไม่กี่ปีเกิดอยากได้สมบัติทุกอย่างของกาวเลยต้องทำทุกวิถีทาง ในเมื่อทั้งคู่ตกที่นั่งลำบากหลังจากเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้
            ไอ้ม่านสะใจที่ตอนนี้ฝั่งพี่ชายต่างพ่อเป็นฝ่ายที่ขอร้องอ้อนวอนมันบ้าง อย่างที่มันเคยเป็นมาตลอดทั้งชีวิตที่มี แบบนี้มันเกินที่จะเยียวยาอีกต่อไป
            “ไอ้พจน์มันยืมเงินอีก 10 ล้าน หึหึหึ...ตอนนี้มันก็อย่างกับหมาจนตรอกตัวนึง”
            “มึงจะถลำเกินไปแล้วนะ กูขอเตือนว่าถอยออกมาก่อนที่ทุกอย่างจะสาย”
            “ไม่มีวัน กูอยากแก้แค้นให้หลานกู”
            “แน่ใจเหรอว่าแก้แค้นให้กาวจริง ๆ ไม่ใช่มึงตกอยู่ในบ่วงพิศาสแล้วเหรอ”ผมถามเสียงเบาลง เพราะเห็นเท้าเล็ก ๆ กำลังเดินลงมาจากชั้นบน กาวเปลี่ยนชุดใส่ชุดอยู่บ้านเรียบร้อยแล้ว ร่างเล็กหันมามองด้วยสีหน้าไม่พอใจที่เห็นผมยังนั่งอยู่แต่ก็เลือกที่จะไม่สนทนาด้วย หยิบรองเท้าผ้าใบคู่นั้นคงจะเตะบอลหรือตกปลาก็ไม่รู้ ตอนออกถือเบ็ดไปด้วย
            “มันกำลังจะจบแล้ว...”
            “มันไม่จบง่ายๆ”ผมเถียงออกไปพร้อมลุกเดินตามกาวออกมา เห็นผมเดินตามร่างเล็กก็วิ่งหนีทันทีร้องตามด้วยไม่ทัน เพราะกาวมีเพื่อนขับมอเตอร์ไซต์มารับ บ้าชิบไอ้ม่านรู้ไหมเนี่ยหลานมันมีผู้ชายมารับ!!
            (ทำไมต้องหงุดหงิดด้วยว่ะ)
           
            ผมดูอาหารที่แม่บ้านเตรียมไว้ให้กาวและบอกให้โทรตามหากกาวเข้าบ้านช้า ตอนนี้ไม่อยากไปงานแต่ก็ต้องไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผมจำต้องออกจากบ้านสวนมาแต่มิวายมองหาร่างเล็กตามทางทั้งที่ไม่มี ไปเล่นซนฝั่งไหนก็ไม่รู้
            งานเปิดตัวโครงการสุดหรูเริ่มต้นขึ้นทันทีที่ได้เวลาตามที่แจ้ง ผมเดินเข้าไปเคียงคู่ช่วงโชติเพื่อทักทายและพบปะนักธุรกิจคนอื่นที่คุ้นเคยกันดี บางทีวงการนี้ก็แคบใครมีเบื้องหลังอะไรก็สามารถสืบสาวกันได้หมด ไอ้ม่านปรากฏตัวพร้อมน้ำมนต์คู่หมั้นสาวด้วยสีหน้าไม่ค่อยดี ผมยืนลอบสังเกตอยู่ตรงมุมห้องกว้างระหว่างที่ทั้งหมดกำลังยืนทักทายกัน
            “อ้าว เสือ”
            “สวัสดีครับน้ำมนต์ วันนี้สวยตามเคย”ผมเอ่ยชมคนตรงหน้าให้เธอมีสีหน้าแช่มชื่นขึ้นมาบ้าง น้ำมนต์รู้ไหมว่าตั้งแต่หมั้นกับไอ้ม่าน และมีข่าวปรากฏออกตามสื่อ ผมรู้สึกว่าเธอดูจะมีความสุขน้อยกว่าก่อนหน้านี้ อย่างน้อยสีหน้าหวานนี่ก็แสดงออกมาชัด
            “ขอบคุณค่ะ เสือมานานแล้วเหรอคะ”
            “สักพักแล้วครับ”ผมหันไปสบตากับไอ้ม่านแล้วไม่พูดอะไร สองคนนี่เหมือนมีเรื่องปิดบังกันอยู่เลย ม่านมันดูจะระวังน้ำมนต์กับผมเป็นพิเศษ ผมเดินถอยห่างออกมาเพื่อคุยกับคนอื่น ๆ รวมทั้งไอ้เพื่อนยากอย่างราม มันเป็นเพื่อนทางธุรกิจเพียงคนเดียวที่ผมสามารถบอกได้เลยว่ามันไว้ใจได้ เราสองคนโตมาด้วยกันจากธุรกิจเล็ก ๆ และมีความหื่นกระหายในความยั่งยืนของการทำธุรกิจเหมือนกัน
            ซื่อสัตย์กินได้นาน...เป็นคติประจำใจของมันกับผม แล้วชายหนุ่มตัวสูงที่ยืนทำหน้าขวางโลกกลางห้อง คือไอ้ฐานัสผู้ซึ่งเบื่อโลกตลอดเวลา มันเป็นเจ้าของเกาะและยังเป็นผู้ผลิตสินค้าส่งออกมากมาย
            “สวัสดีครับคุณฐานัส”ผมเดินไปทักทายตามมารยาททางสังคม
            “หึหึ สวัสดีครับไอ้...คุณเสือ”ไม่ต้องพูดอะไรกันมากระหว่างเรา ฐานัสเป็นที่ปรึกษาที่ดีแต่ไม่ใช่คู่ค้าที่ดีของผม เหตุเพราะความแข็งข้อในการทำงานและบ้าเลือดการทำธุรกิจอย่างมัน ฐานัสวัยหนุ่มกำลังกล้าชนกับทุกสิ่ง มันพร้อมจะเดิมพันทุกสิ่งพอ ๆ กับไอ้ม่าน แต่แตกต่างกันตรงที่ฐานัสมันรู้ตัวเองและมีสติอยู่เสมอว่ากำลังทำอะไร ตอนไหนควรชน ตอนไหนควรถอย
            ม่านมันถอยไม่เป็น...
            “ไอ้ม่านมารึเปล่า”
            “อยู่ทางนั้น”ผมบอก
            “คนของฉันบอกว่ามันกำลังเข้ารวมธุรกิจกับประพจน์ มันกำลังทำบ้าอะไรไม่รู้เหรอว่าที่นั่นกำลังเละเทะขนาดไหน”ฐาเตือนอย่างคนคุ้นธุรกิจ
            “ใครจะเตือนมันได้ละ แกหรือฉัน?”ผมถามกลับน้ำเสียงเย็นชา
            “ไอ้ม่านกำลังเดินหมากผิดทาง”ฐาครางเสียงเบามองหน้าผม ใช่สิ...ถ้าไม่มีธุรกิจส่วนของผมทุกสิ่งของไอ้ม่านคงจะล้มละลายกองแทบเท้าไปแล้ว เพียงแค่ผมวางมือแล้วหันหลังกลับทุกอย่างก็จะจบ
            “ถอนตัวออกมาเถอะเสือ ให้มันรู้สำนึกสิ่งที่ทำบ้าง...บางทีเราก็เข้าไปยุ่งไม่ได้ทุกเรื่องหรอก”ม่านไม่ชอบไอ้ฐา เพราะฐานัสพูดตรงมุทะลุไม่ประนีประนอมหลายครั้งที่ฐาเตือนและม่านได้แต่เหวี่ยงแหความท้าทายออกมา
            “..............................................”ผมไม่ตอบ มันอาจจะง่ายที่ผมจะปล่อยทุกอย่างให้พวกนั้นจัดการกันเอง แต่ทุกคนกลับลืมเด็กตาดำ ๆ คนนั้นว่าเขาจะกินอยู่ยังไงหลังจากนี้ กาวจะเป็นยังไงถ้ารู้ว่าทุกอย่างล้มละลาย ตอนนี้เด็กนั่นเรียนโรงเรียนแพง ๆ กินดีอยู่ดี ได้ทุกสิ่งที่ต้องการมากพอ จะดีไหมถ้าผมหักดิบความต้องการนั้นของทุกคน
            “เสือคะ”น้ำมนต์เดินออกมาตามผม ฐาก้มหัวให้ก่อนจะขอตัวเดินออกไป
            “มีอะไรรึเปล่าครับ”
            “พาน้ำมนต์กลับไปส่งบ้านได้ไหมคะ”
            “ทำไมครับ?”ผมมองหน้าเธอ
            “น้ำมนต์อยากกลับบ้าน”เสียงเศร้าขนาดนี้ผมเลยตอบตกลง ช่วงโชติขับรถมาให้ระหว่างทางน้ำมนต์ไม่กล้าพูดอะไรที่เป็นเรื่องส่วนตัว จนกระทั่งถึงบ้านเธอร้องไห้จนหลับไป ผมกับช่วงโชติสำรวจความผิดปกติจนพบยาบำรุงครรภ์
            “น้ำมนต์ท้อง????”ผมกระซิบในเงามืด
            “มีคนมาครับ!”เสียงช่วงโชติร้องบอก เราสองคนสืบเท้าเข้าไปในห้องเก็บของอย่างรวดเร็ว ไม่นานชายชุดดำก็เดินเข้ามาในบ้าน
            “ข้างนอกมีรถจอดแต่ไม่มีคนอยู่เหรอว่ะ”เสียงนั้นพูดขึ้น ผมยืนนิ่งเงียบเมื่อเสียงมันใกล้ขึ้นมา นึกห่วงน้ำมนต์ที่อยู่ในห้อง อยากจะออกแต่ไอ้ช่วงโชติล็อคตัวไว้
            “อย่าเพิ่งครับ”ผมอยากถามมันว่าทำไมแต่ไม่ได้ถาม ยืนนิ่งรอฟังสถานการณ์
            “อยู่ในห้อง”ชายชุดดำพูด อีกคนพยักหน้าแล้วเดินถือกระสอบเข้าไป
            “เทตรงห้องนี่แหละพี่จะได้ไม่มีคนสงสัย”
            “เออ ๆ”พวกมันเทสัตว์เลื้อยคลานออกจากถุง ผมกับไอ้โชติผงะกันตาโต นั่นมันงูนี่หว่า!?!?! พวกมันเทแล้ววิ่งหนีลงไปปล่อยให้งูเลื้อยสำรวจไปตามห้อง
            “แย่ละ!”ผมร้องออกมาคนแรก คิดอยู่ว่าจะทำยังไงดีโชคดีที่เตียงอยู่สูง ไอ้โชติไล่งูเข้ามุมแล้วผมก็เรียกน้ำมนต์ตื่น เธอตกใจอย่างมากก่อนจะวิ่งมากอดด้วยความกลัว ใครที่มันทำอย่างนี้กับผู้หญิงได้ลงคอนะ???
            “เสือไม่ต้องตกใจ น้ำมนต์เริ่มจะชินแล้วละค่ะ”
            “ครับ?”ผมทำหน้างง
            “เสือคะ....”
            “ครับ....”ผมรอให้เธอพูด แต่สุดท้ายเธอก็ไม่พูดอะไร ช่วงโชติโทรเรียกกู้ภัยมาจัดการงูและผมก็เห็นไอ้สองคนที่เป็นคนเอางูมาปล่อยมันอยู่ในกลุ่มคนมุงด้วย เสียดายให้คนไล่ตามไม่ทัน
            ผมให้น้ำมนต์มานอนที่บ้านด้วยความที่ห่วงเธอมาก ผู้หญิงคนเดียวจะอยู่ได้อย่างไรเมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เธอไม่ได้โทรหาคู่หมั้นตัวเองเลยด้วยซ้ำแถมยังรับมือกับสถานการณ์หลังจากนั้นได้อย่างปกติ ผมส่งน้ำมนต์ที่บ้านส่วนตัวเองขับรถออกมาหากาวที่บ้านสวน เกือบตีสองแล้วคนตัวเล็กคนนอนไปแล้ว
            ไปถึงบ้านไฟเกือบมืด ห้องชั้นบนที่คุ้นเคยทำให้ผมเดินเข้าไปอย่างสะดวก
            “กาว...อาเอง”ผมเดินเข้าไปหาพร้อมร้องเรียกไม่ให้กาวตกใจ ร่างเล็กลืมตามามองแว้บแรกก็สะดุ้งแต่พอเห็นเป็นผมก็พลิกตัวหนี
            “เศษขนมเกลื่อนห้อง อาบอกหลายครั้งแล้วว่าอย่าเอามันขึ้นมากินบนนี้”ผมกวาดเศษขยะบนหัวเตียงลงถุง กาวไม่ตอบอะไรได้แต่นอนหลับตา
            “แม่บ้านบอกกาวไม่ได้กินข้าว”
            “.................................”
            “ไม่หิวหรือไง?”ผมถามอย่างเซ้าซี้
            “จึ้กกาวจะนอนแล้ว อาเป็นบ้าหรือไงมาเวลานี้...พรุ่งนี้กาวต้องไปเรียนนะ”คนตัวเล็กแหวใส่หน้าชุดใหญ่ทำเอาผมยิ้มโล่งที่เห็นกาวหงุดหงิด
            ก้มลงเลียริมฝีปากสวย
            “เศษขนมติดเต็มไปหมด”ร่างเล็กหน้าแดงจัดจนน่าแกล้ง ผมไม่ชอบเตียงนอนของกาวเพราะมันเต็มไปด้วยเศษขนมและของเล่นอะไรของเขาก็ไม่รู้
            “ไปห้องอา...”
            “ไม่เอากาวจะนอนนนนนนนนนน”ไม่สนว่าคนตัวเล็กจะดิ้นเพียงไหน ผมยกกาวตัวลอยเดินเข้าห้องรับแขกของตัวเอง ห้องที่ผมยึดเป็นที่นอนประจำของผม กาวคลานลงไปมุดใต้ผ้าห่มเมื่อผมเข้าไปอาบน้ำแล้วมานอนข้างกัน เหมือนจะหลับไปอีกแล้วนะ...
            ผมคว้าตัวเล็กมากอด
            “กาวง่วง!
            “กาวก็นอนไปสิ”
            “แล้วอามาจูบกันทำไมเล่า!?”หึหึหึ เสียงหัวเราะจากในลำคอ ห้ามใจตัวเองไม่ได้อีกต่อไป...หลานตัวน้อยของผม หลานของเพื่อนทำให้ผมเกิดอาการสั่นไหวขั้นรุนแรง ร่างกายผมเรียกร้องสัมผัสจากกาวมากขึ้นทุกทีที่เราสัมผัสกัน ไม่ใช่แต่ริมฝีปากแต่เป็นทั้งร่างกาย
            แต่กาวเด็กเกินกว่าจะทำแบบนั้น
            “ยะ อย่า...กาวกลัว”
            “อาแค่สัมผัส”
            “กาวกลัว”คนตัวเล็กเริ่มสั่น เมื่อเราทำมากกว่าที่เคย ผมไม่บังคับคนตัวเล็กแต่ก็ไม่สามารถปิดกั้นความต้องการของตัวเองได้อีกต่อไป สัมผัสจากภายนอกทำให้รู้สึกดีอย่างประหลาด กาวบริสุทธิ์มากเกินกว่าที่ผมจะยอมให้ใครแตะต้อง
            “อาขอโทษนะครับ”
            “กาวไม่ชอบ”เสียงเล็กร้องบอกตอนผมทำความสะอาดให้ กาวกำลังร้องไห้ผมรู้ว่าไม่ได้คิดไปเองระหว่างเรา กาวไม่เคยให้คนอื่นสัมผัสตัวนอกจากผม ยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้รู้สึกดีถ้าเป็นแบบนี้เรื่องระหว่างเราคงเป็นไปได้ง่าย ผมไม่เคยลังเลเกี่ยวกับอายุที่ค่อนข้างห่างกัน เส้นทางเดินข้างหน้าก็ไม่รู้ว่ากาวยังอยากมีกันและกันอยู่ไหม ผมตอบตัวเองได้ว่าเต็มใจมาก รักแม้รู้ว่ามันจะเป็นเรื่องยุ่งยากมากก็ตามที ผมเดินไปเปิดลิ้นชักแล้วหยิบอะไรบางอย่างออกมา
            “HAPPY BIRTH DAY เด็กโง่” ของอา กาวมองของในมือเป็นแค่หมวกใบที่กาวอยากได้ หมวกที่ราคาไม่กี่บาทกาวเองก็สามารถเอาเงินค่าขนมตัวเองไปซื้อได้ แต่ก็ไม่เคยมีใครให้
            “ชอบไหม”
            “อืม”มีเสียงร้องไห้โฮลั่นหลังจากนั้น กาวที่เคยเข้มแข็งกลับกลายเป็นเด็กน้อยตัวเล็กเมื่ออยู่ต่อหน้าผม ใครจะเข้าใจเรื่องราวเหล่านี้ของเขามากไปกว่าผม กาวที่เพียงแต่เรียกร้องความรักมากกว่าเด็กปกติเท่านั้น หลัง ๆ ม่านมันไม่เคยสนใจกาวเลย กาวแทบจะกลายเป็นเด็กที่ต้องอยู่คนเดียวทุกวันไม่มีผู้ชี้นำที่ดี
            เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะ กาวมองดูรายชื่อที่โทรเข้ามาแล้วยื่นมันมาให้ผม ผมดูหน้าจอและมองหน้าตัวเล็กที่กำลังมองหน้าจอเหมือนกัน ชื่อบนหน้าจอทำให้เกิดความยากลำบากในการมองหน้าเด็กตัวเล็กตรงนี้ กาวไม่อยากให้รับสายผมรู้ แต่ปลายสายก็เป็นคนที่สำคัญเหมือนกัน ผมนิ่งและคิดก่อนจะกดรับ
            “ครับ”สีหน้าผิดหวังจากเด็กตรงหน้าแสดงชัดจนอยากปาโทรศัพท์ทิ้ง
            “น้ำมนต์ตัดสินใจได้แล้วค่ะ”ปลายสายพูดนิ่ง
            “เหรอครับ”ผมปล่อยความคิดตัวเองค้างนาน ก่อนจะคว้าเสื้อผ้ามาใส่ช้า ๆ รับฟังปลายสายพูดไปด้วย ผมเดินมาจูบหน้าผากกาวและริมฝีปากสวย
            “อาทิตย์หน้าอาจะมารับ”ผมบอก
            “ยะ อย่าไป”กาวร้องห้ามอย่างไม่เคยเป็น ผมแทบจะทรุดลงตรงนั้นเมื่อเห็นแววตาของกาว
            “เสือต้องช่วยน้ำมนต์นะคะ”น้ำเสียงหนักแน่นจากอีกคนทำให้ผมลังเล
            “ครับ”คำพูดสุดท้ายกาวร้องไห้โฮผลุบลงไปกับที่นอน ผมไม่ได้เอ่ยคำขอโทษได้แต่กัดฟันเดินกลับออกมา ร่างเล็กต้องช้ำใจหนักแน่ ๆ ถ้ารู้ว่าเหตุการณ์นี้จะมีผลต่อความสัมพันธ์ของเราต่อเนื่องมาอีกหลายปี ผมคงไม่มีวันทำอย่างนั้นแน่นอน
            รุ่งเช้าทั้งผมและน้ำมนต์รวมทั้งหุ้นส่วนบริษัท ทนายความ ที่ปรึกษา ร่วมกันถอนหุ้นจากบริษัทหลักของม่านออก กลายเป็นข่าวดังครึกโครมไปทั้งวัน การเงินทุกส่วนหยุดชะงักและมีหลายส่วนเข้ามาเกี่ยวข้อง
            “พวกมึงทรยศกู!”ไอ้ม่านเปิดฉากกราดด่ากลางวงสื่อมวลชนที่เข้ามาทำข่าว ผมเพียงแต่นั่งนิ่ง ๆ ไม่แสดงออกใด ๆ ทั้งสิ้น ทางออกของเรื่องนี้ง่ายแค่นิดเดียวคือให้ทุกคนวางมือจากสิ่งที่ทำซะ บริษัทจะเหลืออะไรหรือไม่ก็ไม่ต้องสนใจแล้ว สร้างมาได้ทำให้มันล้มได้ แล้วทำไมจะสร้างใหม่ไม่ได้
            “ม่าน มึงช่วยฟังคนอื่นก่อนได้ไหม”รามพยายามอธิบายหลังจากปิดห้องและกันผู้ไม่เกี่ยวข้องออก แต่มันไม่ฟัง สิ่งที่มันกำลังทำคือต้องการเห็นประพจน์ล้มไปต่อหน้า แต่มันลืมคิดว่าทุกอย่างที่มันกำลังเดิมพันกำลังฉุดดึงมันลงต่ำพอกันทีเดียว
            “กูไม่ฟังสุดท้ายก็เป็นพวกมึงที่รวมหัวกันฮุบสมบัติกู”
            “มันไม่ใช่ของมึงคนเดียวสักหน่อย ทั้งหมดที่มึงมีตอนนี้ของกาวทั้งนั้น”ผมแก้
            “ของกาวก็เหมือนของกู”
            “แต่มึงกำลังทำมันพัง”
            “น้ำมนต์เชื่อมันใช่ไหม”ม่านเอ่ยถามขึ้น น้ำมนต์ไม่ตอบกลับเชิดหน้าหนีไม่มอง ไอ้ม่านดิ้นพล่านเมื่อทุกอย่างกำลังพัง ไม่ใช่แค่มันที่เดือดร้อนเพราะตอนนี้พี่ชายคู่ขามันก็มีความรู้สึกไม่ต่างกัน แต่สิ่งที่เขาทำคือกำลังถีบหัวส่งไอ้ม่านทิ้ง อย่างที่รามเดาไว้ไม่มีผิด
            “ม่านมึงเพื่อนกู กูไม่ทิ้งมึงหรอก”รามพูด
            “ขอบใจแต่งานนี้กูแพ้ไม่ได้ ไอ้พจน์มันกำลังดิ่งลงเหวทั้งมันและทั้งครอบครัวของมัน กูรอเวลานี้มานานแล้ว”
            “มึงผูกใจเจ็บอะไรหนักหนา แค่เรื่องที่พวกเขาเสวยสุขแล้วทิ้งมึงกับแม่ไว้ที่บ้านสวนงั้นเหรอ มันไม่ประโยชน์อะไรเลยนะโว้ย เรื่องมันก็นานมาแล้วตอนนี้มึงเรียนจบหาเงินได้ทุกอย่างที่ต้องการ มึงไม่ต้องพึ่งคนพวกนั้นแล้วยังจะต้องการอะไรอีก”ฐาพูดเตือนสติ ไอ้ม่านตาลุกวาว
            “คนอย่างมึงจะเคยเข้าใจอะไร คนที่ต้องล้มและแพ้มาตลอดอย่างกูกว่าจะลุกขึ้นเชิดหน้าชูตาได้ แม่กูต้องร้องไห้แทบเป็นสายเลือด อ้อนวอนให้ช่วยส่งเสียลูกเศษเหลืออย่างกู แล้วคนอย่างไอ้พจน์มันก็คอยขัดขากูมาตลอด จมไม่ลงแบบมันสมควรเจอเรื่องแบบนี้แล้ว”
            “แล้วคนแบบคุณสมควรเจอเรื่องแบบไหนดี!?!?”น้ำมนต์ตอกกลับด้วยเสียงเรียบ ทุกคนมีฉากหลังที่พูดไม่ได้ กรรมที่ต่างคนสร้างขึ้นมาเองกำลังตีกันอย่างสนุกสนาน ไอ้ม่านตาลุกวาวคาดโทษทุกคนในห้องว่าเป็นผู้ทำลายความสำเร็จของมัน
             “โดยเฉพาะมึงไอ้เสือกูจะจำมึงไว้จนวันตายว่ามึงหักหลังกู!!!”มันวิ่งออกนอกห้องประชุมไป ทิ้งความเครียดให้แก่ทุกคนภายในเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะน้ำมนต์
            “ขอบคุณเสือมากนะคะ”เสียงหวานเอ่ยขึ้น ผมมองด้วยความเป็นห่วง น้ำมนต์หยิบแว่นดำมาสวมใส่ก่อนจะเดินออกนอกห้องไปพร้อมทนายตัวเองอย่างรวดเร็ว
            “เอาไงต่อดีว่ะ”ไอ้รามถาม ผมส่ายหน้าไม่รู้ว่าจะเดินไปทางไหนต่อดี เรื่องที่ไอ้ม่านมีความสัมพันธ์กับพี่ชายต่างพ่อ มีแค่ผม ราม และฐาที่รู้ แต่ไอ้ม่านไม่รู้ว่ารามกับฐามันรู้ด้วย ผมไม่ได้บอกเรื่องนี้ให้พวกมันฟังแต่มันเจอเรื่องนี้ด้วยตัวของมันเอง
              เรื่องราวเป็นข่าวดังต่อเนื่องไปอีกสองสามวัน หุ้นบริษัทตีกลับขึ้นมาด้วยตัวเองที่ทำให้ใจชื้นขึ้นมาบ้าง รามมันต้องทำงานหนักและบินเป็นว่าเล่น ส่วนคดีวางเพลิงบ้านใหญ่ถูกชิงตัดจบด้วยการออกข่าวว่าไฟฟ้าลัดวงจรทั้งที่ไม่จริงเลยสักนิด เรื่องนี้ไอ้ม่านเป็นคนเดินเรื่องให้ออกมารูปนี้เพราะมันมีผลกระทบโดยตรงต่อจิตใจกาว อย่างน้อยในความเลวและความโลภก็ยังมีความดีที่ไม่สามารถหักล้างกันได้
            ผมไม่ได้ไปหากาวอีกจนเกือบจบสัปดาห์ ช่วงโชติมารับผมไปบ้านน้ำมนต์เพื่อรับเธอออกมาทานข้าวและปรึกษาเรื่องที่มีคนปองร้ายเธอวันนั้น น้ำมนต์ขอไม่ให้ผมบอกใครเหมือนเธอจะรู้ตัวอยู่แล้วแต่ก็ยังไม่บอกว่าใครเป็นคนทำ ระหว่างการเดินทางเราประสบอุบัติเหตุมีมอเตอร์ไซต์ตัดหน้ารถน้ำมนต์รีบลงจากรถเพื่อถ่ายรูปแต่ดันถูกรถคันหลังเฉี่ยวชนมีเหตุให้ต้องแท้งลูกไปอย่างน่าเสียดาย
            รามเฝ้าถามหาคนทำแต่ไม่มีหลุดจากปากเธอแม้แต่น้อย เรื่องช็อคต่อมาของเหตุการณ์ร้ายคือการที่ผมให้ช่วงโชติตามประกบน้ำมนต์กลับกลายเป็นได้รับรายงานว่าน้ำมนต์เป็นชู้กับประพตลูกชายของประพจน์
            “แน่ใจแค่ไหน”
             “ร้อยเปอร์เซ็นครับ”คำตอบของช่วงโชติทำเอาชีวิตไร้สีสันไปทันที
            “ไอ้ม่านรู้ไหม”
            “คิดว่าไม่ครับ”
            ไอ้ม่านกับประพจน์มีสัมพันธ์ศวาส ม่านเป็นคู่หมั้นน้ำมนต์และเป็นพ่อของลูก (ยังไม่แน่ใจว่าลูกใคร) ประพตเป็นลูกชายประพจน์และมีอะไรกับน้ำมนต์
            “ช่วงโชติ”
            “ครับ”
            “ฉันควรทำยังไงดี?
            “เอาคุณกาวออกมาก่อนเถอะครับ”เป็นคำตอบที่ถูกใจ ผมรีบโทรหากาวทันทีแต่แรงโกรธจากปลายสายเห็นได้ชัดว่าคงรับรู้อะไรมาผิด ๆ
            “ไปตายซะ!”อีกคนวางสายเสียงดังโครมใหญ่ ปล่อยให้เข้าใจผิดไปก่อนแล้วค่อยแก้ที่หลังตอนนี้ต้องพาน้ำมนต์ออกจากรพ.และหาที่พักฟื้น แต่ผมไปไม่ทัน...น้ำมนต์ล่าตัวประพจน์อย่างเอาเป็นเอาตาย ทำให้ผมรู้ว่าที่แท้คนที่ปล่อยงูคือใคร สองพ่อลูกมันร้ายนักการที่ดึงคนทั้งคู่ทำเรื่องโสมมก็เป็นหนึ่งในเรื่องที่ถูกวางแผนไว้ ไอ้ม่านเสียรู้ไปแล้วเต็ม ๆ
            “ฮัลโหลม่านมึงอยู่ไหน”ผมโทรหาเมื่อเกือบจะถึงบ้านสวน
            “กำลังจะกลับบ้าน”
            “มึงอย่าเพิ่งกลับ น้ำมนต์รู้เรื่องมึงหมดแล้ว...และกำลังตามล่าตัวมึงทั้งคู่”ผมบอกเสียงรัว
            “เหรอ...ดีกูก็อยากเห็นหน้าอิกะหรี่นั่นเหลือทน”คำพูดจาแทบไม่อยากให้ความช่วยเหลือ
            “อย่าว่าน้ำมนต์เพราะสันดานมึงไม่ต่างกัน”ผมบอกเสียงเรียบ
            “หึหึ แตะไม่ได้เลยใช่ไหม...หรือว่ามึงก็เป็นชู้กับมันอีกคน”
            “ไอ้ม่าน!!
            “มันเป็นชู้กับไอ้ประพตมึงรู้ไหม???!?!?”ผมเงียบไม่ตอบอะไร
            “มันหักหลังกูเอาเรื่องกูไปบอกไอ้พต มิน่ามันถึงทันเกมส์กูทุกทาง”ไอ้ม่านบ้าไปแล้ว
            “เร็วกว่านี้โชติ”ผมบอก คุยถ่วงเวลาอีกเล็กน้อยจนถึงบ้านสวนพอดี ผมกับลูกน้องรีบวิ่งเข้าไปกำลังเห็นน้ำมนต์ถือปืนมือสั่น
            “น้ำมนต์!!!”ผมร้องเรียก
            “หึหึหึ”ประพจน์หัวเราะสะใจ
            “พวกมึงคิดว่าล้มกูแต่ขอบอกว่ายาก มึงก็แค่มีร่างกายที่ปรนเปรอกูได้แค่นั้นแหละม่าน”พูดจายั่วสมกับที่เลวมานาน
            “น้ำมนต์วางปืน ๆ”ผมร้องกระซิบ ถูกรั้งไม่เข้าไป บทสนทนาไม่ยืดยาวและไม่เคลียร์สำหรับเรื่องราวน้ำมนต์ลั่นไกทันควันแต่กระสุนดันไปถูกไอ้ม่านดับคาที่!! น้ำมนต์วิ่งเตลิดลงไปข้างล่างมีประพจน์กับช่วงโชติวิ่งตามออกไป ผมถลาเข้าไปหาไอ้ม่านจับตัวมันพลิกขึ้นมา มันยังไม่ตาย!!
            “ม่านทำใจดี ๆ ไว้ กูจะพาไปรพ.”ผมร้องบอก
            “ฝะ ฝาก...กาว”
            “ไม่กูไม่รับฝากมึงไม่เป็นไร...น้ำมนต์ไม่ได้ตั้งใจ”ผมบอก
            “จะเจ็บ”มันร้อง
            “กูรู้ ทำใจดี ๆ ไว้นะ...ตามหมอที!!!!”ผมร้องสั่งลั่น
            “เสือ ฝากกาว...”เสียงอึกอักทำเอาผมใจเสีย มึงต้องไม่เป็นอะไรม่าน
  “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”เสียงร้องลั่นห้องทำเอาผมตกใจสุดขีด
            “คุณกาว!!”เสียงวินัยร้องดังก่อนที่กาวจะถูกลากตัวออกไป
            “เรียกรถพยาบาทที!!!!!!!”ความโกลาหลวุ่นวายเป็นเรื่องที่ผมจำได้ดี ไอ้ประพจน์ใช้ความเลวส่วนตัวเอาตัวรอดจากเหตุการณ์ น้ำมนต์เสียสติและถูกส่งไปยังโรงพยาบาลทันทีที่เกิดเรื่อง ข่าวถูกปิดเงียบกริบแม้แต่คนภายในก็ไม่ทราบสาเหตุการตายที่แท้จริงของม่าน ข่าวออกทำนองที่นายตำรวจผู้ช่วยเหลืออยากให้มันเป็นไปในทิศทางที่ผมขอร้องว่าม่านฆ่าตัวตายเอง
            แต่ผมก็ยังดึงงูพิษสองพ่อลูกเข้ามาทำงานที่บริษัท เพราะยอมให้มันมาอยู่ใกล้ ๆ เพื่อดูความเป็นไปดีกว่าปล่อยมันไปแล้วให้มันคอยแทงข้างหลังเรา
            กาวเข้ารับการรักษาและย้ายออกจากบ้านนี้ทันทีความสัมพันธ์ของเรานับวันแย่ลงทุกทีจนผมไม่เห็นวิถีทางทำให้ผมกับกาวกลับมาเป็นเหมือนเดิม ใจนึงก็คิดตัดใจแยกความต้องการของตัวเองออกแล้ววางตัวเองเป็นผู้ปกครองของกาว (แม้กาวจะไม่ยอมรับ) หลังจากงานศพผมจึงวางตัวเองไว้ในฐานะที่คิดว่าจะดูแลปกป้องกาวได้ เป็นแบบนี้คงดีเหมือนกัน
            เรื่องมันยากลำบากมาตั้งแต่แรก ทุกคนรอบ ๆ ตัวกาววางความต้องการของตัวเองไว้ตรงหน้า แล้วก็แย่งชิงให้ได้ทุกสิ่งมาครอบครอง น่าสงสารที่กาวโตมากับคนเหล่านี้จนเกือบจะเป็นคนที่เลวร้ายชินชาไป หมอให้คำแนะนำหลายอย่างในการเลี้ยงดูแต่กาวก็ไม่เคยกลับเข้าไปรับการรักษาอีกเลยจนกระทั่งโตแล้วเริ่มต่อต้าน
            ถ้าย้อนกลับไปแก้ไขได้...ผมคงบิดข้อมือน้ำมนต์แล้วแย่งปืนมาทุกอย่างก็คงจบ ไม่มีใครต้องตายง่าย ๆ เพราะเหตุการณ์แบบนี้ กาวก็ไม่ต้องเกลียดผมด้วย...

            เสียงลมพัดเบาทำให้รู้สึกเย็นสบายยามหลับตา มือเนียนกำลังลูบไล้ที่แก้มก่อนจะหยิกอย่างไม่เบามือ
            “โอ๊ย ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ”ผมร้องออกมาลืมตาตื่นเต็มที่ กาวของผมหัวเราะสะใจ
            “มานอนอะไรตรงนี้เนี่ย วันนี้กาวจะได้กินข้าวไหม”เสียงสวยเอ่ยขึ้น ทำเอาผมยกนาฬิกาดู
            “ห้าโมงแล้วเหรอ แฝดละครับ”
            “นอนเล่นอยู่ อาเสือไปหาข้าวให้กาวกินหน่อยเร็ว ๆ ด้วย ลูกกำลังอยู่ดี”
            “ครับ ๆ ขออาจูบสักที”ผมกอดคนตรงหน้าอย่างทะนุถนอม เด็กน้อยของผมวันนั้นแข็งแกร่งขึ้นมาก มีเรื่องมากมายที่กาวยังไม่เข้าใจและผมไม่พร้อมจะอธิบายอะไรทั้งนั้น อยากให้กาวเป็นกาวที่ไม่ต้องรับรู้เรื่องบ้า ๆ ต่อไปและเป็นคนที่มีความสุขกว่าทุกคนบนโลก กาวของผม...
            “จุ๊บ ไปได้แล้วกาวหิว ๆๆๆๆๆ”
            “ครับ ๆ”ผมจูงมือเมียตัวเองเข้าบ้าน คิดว่าจะไม่ยอมเสียกาวและลูกไปอีกอย่างเด็ดขาด แต่จะทำยังไงให้กรรมตามทันไอ้ประพจน์สักที!
           
            




อาจไม่ใช่ความจริงที่สมบูรณ์แต่ชินพยายามเรียงลำดับเหตุการณ์ออกมาให้อ่านกันนะคะ

ผิดพลาดประการใดบอกได้เลยค่ะ

อาเสือเคยบอกกาวว่า "เสียใจที่ทำให้กาวเสียใจ"
- เพราะอาเสือก็เป็นส่วนหนึ่งของเหตุการณ์เหมือนกัน

ดึงธุรกิจอาม่านมาแต่ก็ไม่คิดว่าอาม่านจะถลำมากเกิน
ดีที่อาเสือไหวตัวทันและไม่ยอมเดินตามเกมส์อาม่านต่อ

ระหว่างคนทั้งสี่มีความรักเจือปนไหม อันนี้อาเสือตอบไม่ได้แต่มองในฐานะคนนอก
อาเสือมองว่าไม่มีเลย...นอกจากสัมพันธ์ศวาสเพียงเท่านั้น

อาเสือชอบอาน้ำมนต์ใช่ไหม?
ใช่ ชอบและช่วยเหลือมาตลอด

อาเสือคิดไงกับกาวตอนนั้น?
รู้สึกว่ารักแต่ก็มีความลังเลทั้งสถานะ ความเหมาะสมแต่ก็คอยดูแลกาวตลอดเวลา

ทำไมถึงปิดคดีง่าย ๆ ทั้งสองคดี?
เพราะสองคดีมีผลต่อกาวโดยตรง คดีแรกปิดโดยอาม่าน
ส่วนคดีที่สองอาเสือใช้เส้นตัวเองทำให้มันจบ
ประพจน์เลยได้ประโยชน์ส่วนนี้ไปด้วย
(เป็นส่วนที่อาเสือยอมเสีย)

อาม่านต้องการอะไร?
ตอนแรกคิดว่าคงสมบัติ อำนาจ แต่หลัง ๆ เริ่มหลุดเหลือแต่ความสะใจ ==

พ่อกาวเป็นคนดีไหม?
พ่อกาวดีและเป็นส่วนที่ทำให้ม่านรักกาวมาก

ทำไมไม่แบ่งสมบัติแล้วแยกกันอยู่?
นั่นสิ...ทำไม??


ตอนนี้จะไม่มีผลต่อเนื้อเรื่องหลักอีกต่อไป
ชินจะไม่ท้าวความใด ๆ ทั้งสิ้นแล้ว

กาวมีชีวิตใหม่และเป็นชีวิตในแบบที่อาเสือต้องการ
มีความสุขและไม่ต้องรู้อะไรมากไปกว่าที่อาเสือให้รู้
แค่นั้นพอแล้ว :)

มีส่วนไหนผิดพลาดยังไงแชทมาหาชินได้ไหม
แคปเอาลงกรุ๊ปชินอายนะ 555555

ขอบคุณที่อ่านค่ะ 

2 ความคิดเห็น:

  1. เฮ้อออ สงสารอาเสือ แบกรับทุกเรื่องมานานแสนนาน ดีที่ตอนนี้เข้าใจกันเป็นครอบครัวมีแฝดมีป๊ะป๋ามะม๊า

    ตอบลบ
  2. หะ!!!! ตกใจที่อาม่านอาของกาวมี....กับพจน์ และน้ำมนต์ก้มีอะไรกับพตน์ผู้เป็นลูกของพจน์

    ตอบลบ